บัลลังก์หมอยาเซียน นิยาย บท 935

จากนั้นนักพรตฟางหยวนจะถามอะไร หยวนชิงหลิงก็ไม่สนใจ และไม่ตอบคำถามของเจ้าห้าด้วย แต่ไปหาซาลาเปาก่อน ให้ซาลาเปาบอกเล่าเรื่องพวกนี้กับเจ้าอาวาส

หากจะคำนวณ ก็ต้องทดลองเปลี่ยนเวลาและสถานที่เรื่อยๆ เจ้าอาวาสอยู่ยุคปัจจุบัน นางอยู่ที่นี่ ทั้งสองสามารถทดลองคำนวณการข้ามเวลาได้

โชคดีที่ตรงกลางยังมีซาลาเปาคอยส่งข้อมูล ดังนั้น แม้ข้อมูลข่าวสารจะไม่ได้รับการตอบกลับทันที แต่ก็รายงานได้ทันเวลา

ทางเจ้าอาวาสหลังจากได้ข่าวนี้แล้วก็ไปหาพี่ชายของหยวนชิงหลิง ให้เขาไปหาถ้ำที่ผานางแอ่นเขาซีเฉียว จากนั้นก็วางของสิ่งหนึ่งไว้ในถ้ำ

ส่วนด้านหยวนชิงหลิงก็ให้เจ้าห้าส่งคนไปทะเลสาบจิ้ง ดูว่าได้รับของสิ่งนั้นหรือไม่ หากได้รับ ก็เริ่มวางของอีกอย่างตอน11:15 นาทีตามตำแหน่งที่เจ้าอาวาสบอก ดูว่าจะได้รับหรือไม่

ครั้งนี้สวีอีไปทะเลสาบจิ้งด้วยตัวเอง หยู่เหวินเห้ากำชับนักหนาว่าต้องหลีกเลี่ยงหงเย่ โชคดีว่าพอเขาอารักขานักพรตฟางหยวนกลับเขาหมื่นพุทธเสร็จ หงเย่ก็จากไปแล้ว

สวีอีได้รับของที่เจ้าอาวาสส่งมาอย่างราบรื่น คลื่นน้ำทะเลสาบพัดเข้าฝั่ง เป็นของเล่นเป็ดสีเหลืองตัวหนึ่ง จากนั้นสวีอีก็ทำตามที่สั่ง เอาเป็ดตัวนี้โยนกลับไปตอน 11:15 นาที

เจ้าอาวาสให้พี่ชายของหยวนชิงหลิงไปรอเป็ดที่เขาเมฆขาวตามที่ท่านนักพรตบอก แต่กลับไม่พบสิ่งใด

พูดได้อีกอย่างว่าเวลาไม่ถูก เป็ดไปมิติเวลาอื่นแล้ว

หยวนชิงหลิงคิดว่าหากทดลองแบบนี้กลับไปกลับมา ต้องไปมาหลายรอบ

ดังนั้นนางจึงให้สวีอีแบกตุ๊กตาผ้าสีแดงไปกระบุงใหญ่ บนตัวตุ๊กตาระบุเวลาที่ต่างกัน จากนั้นก็โยนลงทะเลสาบ ดูว่าพวกเขาจะได้รับตุ๊กตาผ้าที่โยนลงไปเวลาไหน

สุดท้ายพี่ชายหยวนชิงหลิงก็ได้รับตุ๊กตาผ้าสีแดง เวลาที่ระบุในนั้นเป็น 10 โมงตรง

หรือพูดได้ว่าตุ๊กตาที่โยนลงไปตอน 10 โมงตรงสามารถไปยุคปัจจุบันที่เจ้าอาวาสอยู่ได้ หรือก็คือยุคของหยวนชิงหลิง ระหว่างนี้ต้องมาปรับเปลี่ยนอีกนิดหน่อย

เพราะเวลาก็กำลังเคลื่อนเหมือนกัน หากผิดพลาดเพียงสองสามวินาทีก็อาจทิ้งช่วงไปหนึ่งเดือนหรือหนึ่งปี ดังนั้นนี่ก็คือจุดที่ต้องคำนวณขั้นสุดท้าย

หยวนชิงหลิงตื่นเต้นดีใจอย่างบอกไม่ถูก นี่หมายถึงนางหาทางกลับบ้านได้แล้วจริงๆ แค่คำนวณเวลาสักหน่อยก็ไปโผล่ในช่วงเวลาที่นางอยากไปได้อย่างแม่นยำแล้ว

แต่การคำนวณนี้ก็ไม่ใช่เรื่องที่สำเร็จได้ในเวลาอันสั้น การทดลองต้องทำเรื่อยๆ ต้องทำหลายๆ ครั้งมาก ดังนั้นจึงให้นักพรตหยวนฟางช่วยโยนสิ่งของลงไป แล้วให้ทางนั้นรับ การทดลองนี้เป็นความลับสุดยอด ด้วยเหตุนี้หยู่เหวินเห้าจึงส่งคนไปเฝ้าเขาหมื่นพุทธ ห้ามให้ผู้ต้องสงสัยขึ้นเขาไปเด็ดขาด

ก็ในเวลาที่กำลังตื่นเต้นนี้เอง งานแต่งงานของอะซี่กับสวีอีก็กำลังจะมาถึง ในที่สุดเสี้ยวหงเฉิงก็พาชายในดวงใจมาเป็นแขกที่จวนอ๋องฉู่สักที

และจนถึงตอนนี้เอง หยวนชิงหลิงถึงได้รู้ฐานะจริงๆ ของเขา เขาชื่อหลินเซียว เป็นประมุขสำนักบู้ลิ้ม สำนักบู้ลิ้มนี้ในความเข้าใจของหยวนชิงหลิง ก็คือผู้นำห้าขุนเขาในเรื่องกระบี่เย้ยยุทธจักรในของกิมย้ง นอกจากสำนักบู้ลิ้มแล้วยังมีอีกหลายสำนัก แต่ยกเขาให้เป็นใหญ่

ท่าทางอายุประมาณสามสิบเอ็ด สามสิบสอง หน้าตาหล่อคมคาย ขอบตามีริ้วรอยยิ้มเล็กน้อย ซึ่งริ้วรอยยิ้มแบบนี้มีบางคนเรียกว่าริ้วดอกท้อ เขามีชื่อเสียงในยุทธภพมาก คนที่เคารพนับถือเขาก็มีมาก และเสี้ยวหงเฉิงก็เป็นหนึ่งในนั้น

พูดง่ายๆ ก็คือความรักแบบไอดอลกับแฟนคลับ

เมื่อแฟนคลับอยู่ต่อหน้าไอดอลก็แทบไม่พูดถึงศักดิ์ศรี ข้อนี้ดูได้จากการกระทำของเสี้ยวหงเฉิง

จุดนี้ก็ทำให้หยวนชิงหลิงทึ่งมาก เพราะปกตินิสัยของเสี้ยวหงเฉิงจะตรงไปตรงมา แยกแยะบุญคุณความแค้น ชอบคือชอบ เกลียดคือเกลียด ก็อย่างที่เมื่อก่อนเสี้ยวหงเฉิงไม่ชอบนาง นางก็แสดงออกมาจากสีหน้าหมด ไม่เก็บงำซ่อนเร้น

หญิงที่เถรตรงแยกแยะบุญคุณความแค้นแบบนี้ ต่อหน้าหลินเซียวกลับเป็นเหมือนกันลูกกระจ๊อก ตั้งแต่พาเขาเข้าจวนอ๋องฉู่มา สายตาก็แทบไม่ละจากใบหน้าเขาเลย

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์หมอยาเซียน