บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 1081

บทที่ 1081 ผนึกมหาขุนเขานที

บทที่ 1081 ผนึกมหาขุนเขานที

ชู่ว!

เหลียงคุนไม่กล้าลังเลอีกต่อไป คลื่นดาบสีขาวดุจหิมะถาโถมออกมา อีกทั้งยังฟันลงมาด้วยกลิ่นอายที่ดุร้าย

เขาใช้พลังทั้งหมดที่มี และไม่กล้าประเมินเฉินซีต่ำไปแม้แต่น้อย โดยถือว่าเฉินซีเป็นศัตรูที่น่าเกรงขามที่สุดเท่าที่เคยเผชิญมาตลอดชีวิต ดังนั้นเมื่อใช้กระบวนท่านี้ออกไป พลังของกฎก็พลุ่งพล่าน มันแสดงแก่นแท้ของเต๋าแห่งดาบอย่างชัดเจน แผ่กลิ่นอายอันกว้างใหญ่ออกมา ประหนึ่งสามารถทำลายหยินและหยางให้สูญสิ้น ทั้งยังทำลายโลกให้แตกเป็นเสี่ยง ๆ ได้!

เหล่าศิษย์ตระกูลเหลียงต่างประหลาดใจ ดูเหมือนว่าพวกเขาไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าทันทีที่การต่อสู้ได้เริ่มขึ้น เหลียงคุนจะใช้พลังทั้งหมดในทันที และมีศิษย์เพียงส่วนน้อยที่มีสายตาเฉียบแหลมเท่านั้นที่สามารถรับรู้ได้ว่าเฉินซีนั้นไม่ธรรมดาอย่างที่คิด!

ก่อนหน้านี้ กระบวนท่าแรกในการต่อสู้ดูเหมือนจะถูกใช้ออกมาอย่างผ่อนคลายและไม่คิดจริงจัง แต่แท้จริงแล้ว กลับเผยให้เห็นพลังต่อสู้ที่ไม่ธรรมดาและน่าสะพรึงของเฉินซี มิฉะนั้น เฉินซีจะไม่สามารถทำสิ่งที่ยากให้ดูเหมือนง่ายได้อย่างแน่นอน

เคร้ง!

ท่าทางของเฉินซีนั้นดูสงบเมื่อเผชิญกับการโจมตีครั้งนี้ และเพียงสะบัดข้อมือแผ่วเบา เมื่อคลื่นดาบกำลังจะมาถึงตรงหน้า ทำให้เกิดประกายกระบี่ที่เรียบง่าย และทำลายการโจมตีของเหลียงคุนอีกครั้ง

สิ่งนี้ทำให้ใบหน้าของเหลียงคุนเคร่งเครียดมากขึ้น ก่อนที่กระบวนท่านี้จะถูกทำลายอย่างสมบูรณ์ เขาก้าวไปข้างหน้าและโจมตีด้วยกระบวนท่าที่รุนแรงขึ้น ก่อให้เกิดประกายดาบสีขาวดุจหิมะ พร่างพราวนับพันถาโถมออกมา

ประกายดาบทุกสายราวกับจับต้องได้ อีกทั้งยังแผ่คลื่นพลังของกฎที่พลุ่งพล่านออกมา

ประกายดาบนับพันฟาดฟันลงมาดุจน้ำตกที่ถาโถมลงมาจากท้องฟ้า ดูเหมือนฝูงอาชานับพันควบทะยานอย่างแตกตื่น ทั้งไร้ที่ติและสมบูรณ์แบบอย่างแท้จริง

การโจมตีครั้งนี้เป็นทั้งการโจมตีโดยตรงและมีการป้องกันที่แน่นหนา ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ได้ตั้งใจที่จะแลกเปลี่ยนกระบวนท่ากับเฉินซี แต่ต้องการที่จะเผชิญหน้ากับเฉินซี!

เนื่องจากเหลียงคุนสังเกตเห็นว่าการบ่มเพาะของเฉินซีในเต๋าแห่งกระบี่นั้นน่ากลัวกว่าการบ่มเพาะในเต๋าแห่งดาบของตนอย่างเห็นได้ชัด และเฉินซีก็ถือได้ว่าเป็นปรมาจารย์ในเต๋าแห่งกระบี่ที่สร้างเคล็ดวิชามากมายจากการโจมตีเพียงครั้งเดียว ในขณะที่ตัวเขายังไม่บรรลุสถานะดังกล่าว

ดังนั้นมีแต่ต้องเผชิญหน้ากับเฉินซีเท่านั้น!

ในความเห็นของเขา พลังฝีมือของเฉินซีนั้นน่าเกรงขามเป็นพิเศษ แต่ถ้าต้องเผชิญหน้ากันและแข่งขันกันในแง่ของการบ่มเพาะ การบ่มเพาะในขอบเขตเซียนลึกลับขั้นกลางจะไม่สามารถได้เปรียบเล็กน้อยได้อย่างไร

แน่นอนว่ามันเป็นไปตามที่เหลียงคุนคาดไว้ และเฉินซีก็เลือกที่จะรับการโจมตีแบบเผชิญหน้าด้วยกำลัง กระบี่และดาบปะทะกัน ทำให้เกิดเสียงดังกึกก้องอย่างน่าตกใจ ในขณะที่คลื่นพลังแผ่ขยายออกไปโดยรอบอย่างดุเดือด มันสั่นสะท้านไปทั่วทั้งสนามประลองจนสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง และถ้าไม่ใช่เพราะผนึกป้องกันอันแข็งแกร่งในสนามประลอง มันอาจถูกทำลายภายใต้การปะทะครั้งนี้

แต่เหลียงคุนก็คาดไม่ถึงว่าเขาจะไม่สามารถได้เปรียบจากปะทะกันโดยตรง แรงของการปะทะกระแทกกลับจนข้อมือปวดชา และต้องถอยกลับไปถึงสามก้าว!

“ปราณเซียนพิสุทธิ์ช่างแข็งแกร่งอะไรเช่นนี้!”

“นี่เป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะในขอบเขตเซียนสวรรค์ขั้นกลางจะสามารถครอบครองได้หรือ?”

ทันใดนั้น สีหน้าของเหลียงคุนก็หนักอึ้งเป็นอย่างมาก สายตาที่จ้องมองเฉินซีเต็มไปด้วยความประหลาดใจและงุนงง

ผู้ชมต่างรู้สึกตกตะลึงแทน “สวรรค์! เหลียงคุนกลับเป็นฝ่ายเสียเปรียบในการปะทะครั้งนี้! เฉินซีผู้นี้ช่างเป็นตัวประหลาดอย่างแท้จริง!”

“เข้ามา!” เหลียงคุนตะโกนเสียงดัง และเริ่มโจมตีอีกครั้ง กระบวนท่าและกลิ่นอายรุนแรงยิ่งขึ้น น่าเสียดายที่มันถูกเฉินซีจัดการอย่างง่ายดาย

สิ่งนี้ทำให้ผู้ชมดูเหมือนเห็นภาพหลอน ราวกับเฉินซีกลายเป็นโขดหินในทะเล ไม่ว่าคลื่นลมจะซัดโหมเข้ามาสักเพียงใด เขาก็ยังคนยืนหยัดอยู่ได้โดยไม่ขยับเขยื้อนแม้แต่น้อย

เหลียงคุนมีท่าทางเหนื่อยหอบ หน้าผากชุ่มโชกไปด้วยเม็ดเหงื่อ แต่เฉินซีกลับยังคงมีท่าทางที่สงบและไร้กังวล

หากใครที่มีสายตาเฉียบแหลม ย่อมรับรู้ได้ว่าเหลียงคุนใกล้จะพ่ายแพ้แล้ว..

เมื่อเห็นสิ่งนี้ ดวงตาสุกใสของเหลียงปิงก็เผยแววประหลาดใจ เวลาเพิ่งผ่านไปเพียงหนึ่งเดือน นับตั้งแต่เฉินซีเอาชนะอินหว่านซวินในวันนั้น แต่ตอนนี้ความแข็งแกร่งกลับพัฒนาขึ้นมาก และมันเปลี่ยนไปจนถึงจุดที่แม้แต่นางก็ยังมองไม่เห็นว่าขีดจำกัดของชายผู้นี้อยู่ตรงไหน!

สิ่งนี้จะไม่ให้ตกตะลึงได้อย่างไร?

“พอแล้ว ข้าด้อยกว่าเจ้า” บนสนามประลอง เหลียงคุนหยุดการโจมตีทันที และกล่าวพร้อมกับหอบหายใจอย่างหนัก เขาไม่ได้แสดงความรู้สึกของการพ่ายแพ้หรือไม่เต็มใจแต่อย่างใด แม้แต่ดวงตาก็แสดงความชื่นชมจากใจจริง

เหลียงคุนทราบอย่างชัดเจนว่าเฉินซีนั่นปรานีมากแล้ว มิฉะนั้นตัวเขาคงพ่ายแพ้ตั้งแต่เริ่มการต่อสู้ หากยังไม่รู้ตัวว่าควรจะรุกหรือถอยอย่างไร เขาก็คงเป็นคนที่โง่เขลาเกินไป

ทุกคนต่างระเบิดเสียงอุทานออกมาอย่างโกลาหล แม้ว่าจะพอคาดเดาผลลัพธ์ของการต่อสู้ได้ราง ๆ แต่เมื่อได้ยินว่าเหลียงคุนยอมรับว่าตนด้อยกว่าเฉินซี พวกเขาก็ยังอดไม่ได้ที่จะรู้สึกตกใจ

“เฉินซีนั้นแข็งแกร่งสมคำร่ำลือจริง ๆ!”

ชั่วขณะหนึ่ง มุมมองของบรรดาศิษย์ของตระกูลเหลียงที่สงสัยในความแข็งแกร่งของเฉินซีก็เปลี่ยนไปโดยไม่รู้ตัว

เฉินซีเพียงยิ้มในขณะที่ป้องมือคำนับให้แก่เหลียงคุน และไม่ได้กล่าวอะไรอีก

“เอาล่ะ เหลียงคุน วันนี้เจ้าทำได้ดีมาก จงไปที่คลังสมบัติแล้วรับศิลาอมตะสามพันก้อนเป็นรางวัล” เหลียงปิงยืนออกคำสั่งด้วยเสียงที่ชัดเจน จากนั้นนางก็มองชายหนุ่มข้าง ๆ ตน “เหลียงฉวิน เจ้าจงขึ้นไปประลองกับเฉินซี”

“เหลียงฉวิน!”

ทุกคนที่อยู่ที่นี่ต่างตกตะลึง และสังเกตเห็นด้วยความประหลาดใจว่า เหลียงฉวินซึ่งอยู่ในอันดับที่หนึ่งร้อยยี่สิบสองในเทียบอันดับเซียนภาคพื้นทวีปอยู่ที่นี่แล้ว

เหลียงฉวินมีรูปร่างหน้าตาธรรมดาและมีโครงสร้างกระดูกที่หนา สวมชุดผ้าป่านเนื้อหยาบ และดูเหมือนจะยากจนเล็กน้อย แต่ในขณะที่ยืนอยู่ตรงนั้นเงียบ ๆ เขากลับเผยกลิ่นอายมั่นคง สุขุม และไม่อาจสั่นคลอนดุจขุนเขา

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]