บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 1632

สรุปบท บทที่ 1632 การเผชิญหน้า: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]

สรุปตอน บทที่ 1632 การเผชิญหน้า – จากเรื่อง บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] โดย novelones

ตอน บทที่ 1632 การเผชิญหน้า ของนิยายกำลังภายในเรื่องดัง บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] โดยนักเขียน novelones เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง

บทที่ 1632 การเผชิญหน้า

…………….

บทที่ 1632 การเผชิญหน้า

บรรยากาศในโถงเงียบกริบราวป่าช้าในทันใด มันกดดันเสียจนหายใจติดขัด

ไม่เคารพ?

ภายใต้สายตาของจักรพรรดินีอวี้เชอ จ้าวเอกภพและตัวตนทรงอำนาจคนอื่น ๆ ในเอกภพมสิหิม เฉินซีกลับพูดโจมตีผู้อาวุโสอี้เหวินแห่งตระกูลอี้อย่างขวานผ่าซาก นอกจากนั้น คำพูดของเฉินซียังเชือดเฉือนล้อเลียนอย่างไม่ปิดบัง ทำให้ทุกผู้ล้วนแล้วตกตะลึง

เพราะไร้ผู้ใดคาดคิดว่าชายหนุ่มในขอบเขตเทวารู้แจ้งวิญญาณคนหนึ่งจะกล้าพูดอย่างไร้ความกลัวในสถานการณ์เช่นนี้

เพียงพริบตา สายตาของผู้ยิ่งใหญ่มากมายก็มองมายังเฉินซีด้วยเจืออารมณ์อันซับซ้อน มีทั้งความประหลาดใจและสงสาร

กวนหงอวี่นิ่งอึ้ง รำพึงในใจว่าหนึ่งตัวตนหาญกล้า ทะนงไม่ยอมแพ้ กระทั่งประสบความสำเร็จเช่นนี้ คนผู้นี้ไม่ธรรมดาจริง ๆ

เซี่ยโหวจงผู้ทำตัวนิ่งงันไม่เป็นที่สนใจอดชำเลืองเฉินซีไม่ได้ ก่อนจะละสายตาไปอย่างเงียบเชียบ

จักรพรรดินีอวี้เชอผู้นั่งบนบัลลังก์ไร้ซึ่งปฏิกิริยา ดวงตาลึกล้ำไร้การเปลี่ยนแปลงอารมณ์แม้เพียงเสี้ยว ทำให้คนอื่น ๆ ไม่อาจอ่านความคิดของนางได้

ขณะนี้ คลื่นมรสุมก่อตัวขึ้นในใจเถี่ยอวิ๋นผิง ทั้งตะลึงและปลาบปลื้มถึงขีดสุด นางไม่คาดว่าเฉินซีจะล่วงเกินบรรพเทวารู้แจ้งจักรวาลผู้หนึ่งอย่างไม่ลังเลเพื่อยืนหยัดข้างนาง

ชั่วขณะนั้น ทุกผู้คนในโถงต่างมีความคิดความรู้สึกแตกต่างกันในใจ บรรยากาศเงียบสนิทไร้สำเนียง

เปรี้ยง!

ทันใดนั้น อี้เหวินก็เหมือนไม่อาจควบคุมตนเองได้อีก เขาฟาดฝ่ามือลงบนโต๊ะตรงหน้า ทำให้เศษไม้กระเด็นไปทั่วทิศ ขณะที่เสียงเปรี้ยงดังก้องทั่วโถง

“บังอาจนัก!” อี้เหวินเดือดโทสะ เขาถูกเรียกเป็นไอ้แก่ไม่เคารพตนเองต่อหน้าคนมากมาย นี่เป็นการหยามศักดิ์ศรีอย่างแท้จริง!

สิ่งสำคัญที่สุดคือ หลังจากเหล่าศิษย์ที่ตระกูลอี้ส่งเข้าร่วมชุมนุมถูกเฉินซีกำจัด เขาก็ไม่ชอบใจอีกฝ่ายอยู่แล้ว ดังนั้นเมื่อขณะนี้ ยิ่งถูกคนล่วงเกินเหยียดหยามต่อสาธารณะ แล้วเขาจะฝืนทนต่อไปได้อย่างไร?

ยามหนึ่งบรรพเทวารู้แจ้งจักรวาลบันดาลโทสะ โลกหล้าก็แปรเปลี่ยนสนองตาม!

ชั่วขณะนี้ เมื่ออี้เหวินบังเกิดโทสะ บรรยากาศน่าสะพรึงกลัวดุจโทสะสรวงจากเต๋าสวรรค์พลันมุ่งตรงมายังเฉินซี ดูประหนึ่งจะบดขยี้คนลงเสียเดี๋ยวนั้น

สีหน้าของคนทั้งผู้ในโถงแปรเปลี่ยน อี้เหวินคิดจะเมินเฉยต่อสถานะตน ลงทัณฑ์เจ้าเด็กนี่หรือ?

แต่พวกเขาก็ต้องประหลาดใจเมื่อพบว่าเฉินซียังคงเฉยชาไม่สะทกสะท้านต่อแรงกดดันมหาศาลจากอี้เหวิน ร่างสูงเหมือนดั่งภูเขาอันไม่อาจเขยื้อน สีหน้าเยือกเย็นเฉยชาไม่กระดิกแม้เพียงเปลือกตา

ราวกับ… ทั้งหมดนี้ไม่อาจระคายเขาได้เลย!

สัจธรรมก็เป็นเช่นนั้น ขณะนี้เฉินซีไม่ได้ใช้กระทั่งอักขระผนึกเต๋ามาช่วยเหลือ ใช้เพียงพลังบ่มเพาะก็ทนแรงกดดันนี้ได้แล้ว

ขณะเดียวกัน เขาก็ยิ้มเยาะในใจ เหมือนข้าจะประเมินเจ้าเฒ่านี่สูงเกินไป ความแข็งแกร่งเช่นนี้ด้อยชั้นนักหากเทียบกับเยี่ยเหยียนแห่งนิกายอำนาจเทวะ…

เมื่อคิดถึงตรงนี้ สีหน้าของเฉินซีก็ยิ่งทวีความสำรวมเยือกเย็น ขณะเดียวกัน สีหน้าของอี้เหวินยิ่งบึ้งตึงถมึงทึง

เหตุนี้ทำให้เหล่าตัวตนยิ่งใหญ่ทั่วทิศตะลึงยิ่งนัก เจ้าเด็กนี่ไม่ธรรมดา!

พวกเขาตระหนักทราบดีว่าอี้เหวินเหยียบย่างเข้าสู่ขอบเขตบรรพเทวารู้แจ้งจักรวาลหลายปีแล้ว และการบ่มเพาะของเขาก็นับว่าอยู่ในระดับสูงสุดที่นี่ ทว่าเด็กนี่กลับต้านรับการโจมตีจากปราณของอี้เหวินได้ นี่เป็นเรื่องน่าตกใจเล็กน้อย

ถึงขนาดที่น่าจะไร้ผู้ใดในหมู่เทวารู้แจ้งวิญญาณทั่วเอกภพมสิหิมกระทำได้เช่นนี้!

“เจ้าเด็กอวดดี มากำเริบสามหาวล่วงเกินข้าในโถงนี้ หรือเจ้าคิดว่าข้าไม่กล้าลงทัณฑ์เจ้าเล่า?” อี้เหวินกล่าวเสียงต่ำ ขณะที่ดวงตาเผยจิตสังหาร เขาพลันวาดฝ่ามือ ส่งรัศมีศักดิ์สิทธิ์อันน่าสะพรึงกลัวฟาดซัดเข้าใส่เฉินซี

ตู้ม!

พื้นที่ใกล้เคียงระเบิดเป็นเสี่ยง ฝ่ามือนี้เต็มไปด้วยอำนาจบรรพเทวา แล้วอำนาจเช่นนั้นจะธรรมดาได้หรือ?

เพียงพริบตา สีหน้าของทุกคนทั่วโถงก็แปรเปลี่ยน ปรากฏว่าอี้เหวินลงมือจริง!

เถี่ยอวิ๋นผิงกระทั่งเกือบหลุดเสียงหวีดร้องอย่างตกใจ หากเฉินซีต้องทัณฑ์เพราะนาง นางคงรู้สึกผิดไปชั่วชีวิตแน่แท้

ขณะนี้ ดวงตาของเฉินซีหรี่ลง ประกายเย็นเยียบอันคมกริบทิ่มแทงเฉิดฉาย เจ้าเฒ่านี่คิดจริง ๆ หรือว่าข้าเป็น ‘พลับสุก’ ที่จะเด็ดจะขยำได้ตามใจ?

พลังชีวิตทั่วร่างเฉินซีโคจรอย่างเงียบเชียบ ขณะที่พลังศักดิ์สิทธิ์ก่อตัวในมือ ชายหนุ่มตัดสินใจว่าในเมื่อไอ้แก่สารเลวนี่คิดทำตนเองขายหน้า เช่นนั้นเขาก็จะสงเคราะห์ให้!

เมื่อเห็นเฉินซียืนนิ่งกับที่ เหมือนกลัวจนตัวแข็งทื่อไปแล้ว มุมปากอี้เหวินก็อดยกยิ้มเยาะน้อย ๆ ไม่ได้ จิตสังหารในดวงตายิ่งเรืองโรจน์ ใจหมายอยากให้ทุกคนเห็นผลลัพธ์ของการหาญกล้าล่วงเกินเขา อี้เหวิน!

ทว่าขณะที่การโจมตีเจียนปะทะกับเฉินซีนั้นเอง เสียงเย็นเยียบทว่าเสนาะหูเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นเฉียบพลัน “ทะเลาะต่อยตี! ทุกคนจะคิดเช่นไร!? ที่นี่คือตำหนักเมฆาวารีนะ!”

พร้อมกันนั้น แสงศักดิ์สิทธิ์สุกสกาวสายหนึ่งก็ปรากฏขึ้นขวางตรงหน้าเฉินซีก่อนที่การโจมตีของอี้เหวินจะทันไปถึง

วูบ!

จากนั้นไม่นาน อวิ๋นชิงก็นำรางวัลที่จะมอบแก่ผู้เข้าร่วมชุมนุมสามอันดับแรกออกมา

รางวัลสำหรับผู้เข้าร่วมชุมนุมอันดับสามคือชิ้นส่วนแผนภาพลับ มันดูเหมือนชิ้นหนังสัตว์เสียหาย เก่าแก่เจือด้วยปราณโกลาหลลึกลับ ดูไม่ธรรมดาอย่างยิ่ง

หลังเฟิงเจี้ยนเจี๋ยรับแผนภาพลับไป เขาก็มอบมันให้เซี่ยโหวจงซึ่งยืนอยู่ข้างกัน “ศิษย์พี่ ท่านสมควรได้รับมัน”

เซี่ยโหวจงไม่ได้ปฏิเสธ เขาพยักหน้าแล้วรับมันไป

จากคำพูดของอวิ๋นชิง แผนภาพลับนี้เกี่ยวเนื่องกับหนึ่งโอกาส หากหามันพบ จะได้มาซึ่งผลลัพธ์อันไม่อาจคาดคิด

แต่ท้ายที่สุด มันก็เป็นเพียงชิ้นส่วนแผนภาพลับ มีเบาะแสเพียงจำกัด ประกอบกับสัจธรรมที่ไม่อาจตัดสินแน่ชัดว่าโอกาสนั้นคือสิ่งใด จึงด้อยราคากว่าเมื่อเทียบกับอีกสองรางวัลอื่น

รางวัลสำหรับผู้เข้าร่วมชุมนุมอันดับสองคือสมบัติวิญญาณธรรมชาติ กุหลาบโลหิต!

สมบัติชิ้นนี้ก่อเกิดจากในความโกลาหลของเอกภพมสิหิม รูปลักษณ์เหมือนดอกกุหลาบบานสะพรั่ง กลีบของมันดุจมีดดาบโค้งคม มีทั้งสิ้นเจ็ดสิบสองกลีบ เป็นสีแดงสดเช่นโลหิตซ้อนกันเป็นชั้น ๆ ปกคลุมด้วยรัศมีโกลาหลตามธรรมชาติชวนตกตะลึง

เมื่อใช้มันยามทำศึก จะสามารถก่อโลกกุหลาบโลหิตขังศัตรูไว้ภายใน มันลึกล้ำอย่างยิ่ง มีความสามารถโจมตีเกินจินตนาการ

มันเป็นสิ่งที่จักรพรรดินีอวี้เชอได้พบโดยบังเอิญในซากโบราณแห่งหนึ่ง แต่นางก็ใช้มันเป็นรางวัล มอบให้แก่ซูหว่านเอ๋อร์ในขณะนี้

ชั่วขณะนั้น ผู้ยิ่งใหญ่มากมายอดเผยเค้าความชื่นชมไม่ได้ นี่คือสมบัติวิญญาณธรรมชาติเชียวนะ! พวกมันทุกชิ้นล้วนเป็นเอกลักษณ์หนึ่งเดียว ไม่ต้องพูดถึงอำนาจที่พวกมันมีร้ายกาจเพียงใด แค่มูลค่าลำพังก็ไม่ใช่สิ่งที่สมบัติวิญญาณประดิษฐ์เทียบชั้นได้แล้ว!

ซูหว่านเอ๋อร์ตั้งใจจะมอบกุหลาบโลหิตให้กวนหงอวี่ ทว่ากวนหงอวี่ตอบปฏิเสธ สมบัตินี้งดงามประณีตและละเอียดอ่อน เห็นได้ชัดว่าเหมาะยิ่งหากใช้โดยสตรี

การแสดงออกของกวนหงอวี่ดึงสายตาชื่นชมจากทั่วทิศได้มหาศาล เพราะยากแท้หากจะหาผู้ใดคงกิริยาและความใจกว้างไว้ได้ต่อหน้าสมบัติล้ำค่าเช่นนี้

ขณะเดียวกัน รางวัลสำหรับผู้เข้าร่วมชุมนุมอันดับหนึ่งคือการรับคำชี้แนะจากจักรพรรดินีอวี้เชอเป็นการส่วนตัว เมื่ออวิ๋นชิงประกาศว่ารางวัลนี้เป็นของเถี่ยอวิ๋นผิง แม้ตัวตนยิ่งใหญ่ทั้งหลายจะตระหนักถึงผลลัพธ์นี้กันอยู่แล้ว พวกเขาก็ยังอดถอนหายใจกันอย่างลับ ๆ ไม่ได้

ใช่ว่าพวกเขาดูแคลนเถี่ยอวิ๋นผิง แต่กลับเป็นเพราะโอกาสงามเช่นนี้น่าเสียดายเกินไปเมื่ออยู่ในมือสาวน้อยซึ่งบรรลุเพียงขอบเขตเทวารู้แจ้งโลกาเท่านั้นต่างหาก

จักรพรรดินีอวี้เชอเป็นตัวตนเช่นไร? จะมีผู้คนมากน้อยเพียงใดที่ได้รับการชี้แนะเป็นการส่วนตัว?

ต่อให้นางไม่อาจได้รับประโยชน์จากการชี้แนะนี้มากมายนัก แต่แค่ได้รับการชี้แนะก็เท่ากับสร้างสัมพันธ์อันดีกับจักรพรรดินีอวี้เชอแล้ว! ดังนั้น ยามเถี่ยอวิ๋นผิงจากไปขัดเกลาตนเอง ใครจะยังกล้าล่วงเกินนางอีก?

นี่เป็นเหมือนการขอคำชี้แนะจากอาจารย์ แม้ท้ายที่สุดจะไม่ได้เป็นศิษย์อาจารย์กันในนาม แต่ความสัมพันธ์ระหว่างพวกนางก็เป็นศิษย์อาจารย์กันแล้วจริง ๆ!

…………….

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]