บทที่ 1082 ศิลาประเมินพลังสมบัติ
บทที่ 1082 ศิลาประเมินพลังสมบัติ
คำพูดของเหลียงปิงนั้นรุนแรงกว่าการประเมินของเหลียงฉวิน และทำให้ทุกคนไร้ซึ่งคำพูด พวกเขารู้สึกว่าหากยังเป็นเช่นนี้อีกต่อไป หัวใจของพวกเขาคงจะไม่สามารถทนต่อมันได้อย่างแน่นอน
โชคดีที่ในช่วงเวลาถัดมา เหลียงปิงได้เบนความสนใจของนางไป และจับจ้องไปยังชายหนุ่มหญิงสาวคนอื่น ๆ ที่ยืนอยู่ข้างเคียง
ชายหนุ่มและหญิงสาวเหล่านี้ล้วนเป็นผู้เยี่ยมยุทธ์รุ่นเยาว์ของตระกูลเหลียงที่เพิ่งมาถึง และการจัดอันดับของพวกเขาเกือบทั้งหมดก็อยู่ในร้อยอันดับแรก จึงมีความแข็งแกร่งเป็นพิเศษ แน่นอนว่าในหมู่พวกเขาย่อมมีผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนลึกลับขั้นสูง
ศิษย์รุ่นเยาว์เหล่านี้มีสถานะสูงส่งในตระกูลเหลียง และเป็นเรื่องยากมากที่พวกเขาจะปรากฏตัวพร้อมกัน มีเพียงเหลียงปิงซึ่งเป็นทายาทของตระกูลเหลียงเท่านั้นที่สามารถเรียกมาได้
แต่ในขณะนี้ เมื่อพวกเขาเห็นเหลียงฉวินถูกฟาดออกจากสนามประลองด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว การแสดงออกของศิษย์รุ่นเยาว์เหล่านี้จึงกลายเป็นประหลาดใจ ไม่แน่นอน และหนักอึ้ง
“พวกเจ้าคนไหนจะขึ้นไป…” ขณะที่เหลียงปิงกำลังจะกล่าวอะไรบางอย่าง นางกลับถูกขัดจังหวะด้วยชายหนุ่มร่างสูงที่หัวเราะอย่างขมขื่น “คุณหนูใหญ่ เราพุ่งเข้าสู่อันดับปัจจุบันด้วยความยากลำบากมาก ดังนั้นคงไม่เป็นการดีที่จะถูกใช้เป็นหินลับฝีมือกระมัง?”
ทันทีที่พูดจบ มันทำให้ท่าทางของศิษย์ตระกูลเหลียงที่อยู่ใกล้เคียงแปลกออกไป พวกเขาไม่เต็มใจที่จะต่อสู้กับเฉินซี เพราะไม่มั่นใจในชัยชนะของตนอย่างนั้นหรือ?
นี่เป็นเหมือนการเพิ่มขวัญกำลังใจให้ผู้อื่นและประเมินความแข็งแกร่งของตัวเองต่ำเกินไป!
แต่เมื่อพวกเขาพิจารณาอย่างถี่ถ้วนแล้ว ส่วนใหญ่ต่างก็เข้าใจ เพราะท้ายที่สุดแล้ว ความแข็งแกร่งของเฉินซีนั้นท้าทายสวรรค์อย่างยิ่ง และไม่สามารถประเมินได้ตามแบบแผน แม้จะเป็นเพียงขอบเขตเซียนสวรรค์ขั้นกลาง แต่เหลียงคุนที่อยู่ในอันดับหนึ่งร้อยสามสิบห้าและเหลียงฉวินที่อยู่ในอันดับหนึ่งร้อยยี่สิบสองก็ยังพ่ายแพ้ แล้วใครจะกล้าเมินเฉยได้อีก?
คิ้วเรียวงามของเหลียงปิงขมวดแน่น นางมองไปที่คนอื่น ๆ และกล่าวว่า “พวกเจ้าทุกคนไม่เต็มใจหรือ?”
ชายหนุ่มและหญิงสาวคนอื่น ๆ ต่างเหลือบมองกันและกัน ก่อนจะพยักหน้าอย่างพร้อมเพรียง เนื่องจากไม่มั่นใจว่าจะเอาชนะเฉินซีได้ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่เต็มใจที่จะเป็นคู่ประลองของชายผู้นี้ เพราะหากพ่ายแพ้ ย่อมเป็นเรื่องน่าอับอายอย่างยิ่ง
และจะน่าอายยิ่งขึ้นหากข่าวนี้แพร่ออกไป ตัวอย่างเช่นอินหุนและอินหว่านซวิน ผู้ท้าชิงเฉินซีในดินแดนจักรพรรดิแห่งการต่อสู้ ก็ได้สร้างความตกตะลึงไปทั้งทวีปทักษิณา แม้ว่าทุกคนจะทราบอย่างชัดเจนว่าความแข็งแกร่งของเฉินซีจะสูงกว่าการบ่มเพาะของเขา แต่ท้ายที่สุดมันก็น่าอายอยู่ดี
เมื่อลองคิดดู ยามที่ออกไปข้างนอกในอนาคต ทุกคนจะชี้นิ้วมาที่ตนและกล่าวซุบซิบนินทา ‘ดูสิ คนผู้นั้นอยู่ขอบเขตเซียนลึกลับขั้นกลาง แต่กลับพ่ายแพ้ให้กับชายหนุ่มที่อยู่ขอบเขตเซียนสวรรค์ขั้นกลางเท่านั้น’
ความรู้สึกเช่นนี้ เป็นเรื่องที่รับไม่ได้อย่างยิ่ง
แน่นอนว่าหากพวกเขาเป็นฝ่ายชนะ ก็จะเชิดหน้าชูคอได้ แต่ที่สำคัญคือพวกเขาไม่มั่นใจในชัยชนะของตน ดังนั้น เมื่อนำทั้งสองสิ่งนี้มาเปรียบเทียบกัน การปฏิเสธจึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด
เหลียงปิงอดไม่ได้ที่จะสบถเมื่อเห็นสิ่งนี้ “พวกขี้ขลาด!”
ทุกคนได้แต่หัวเราะอย่างขมขื่น และไม่อาจอธิบายอะไรได้ เพราะถ้าเฉินซีเป็นผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนลึกลับคนหนึ่ง แม้จะแข็งแกร่งกว่า แต่พวกเขาก็ยังกล้าที่จะต่อสู้กับเฉินซี
แต่นี่… การบ่มเพาะของเฉินซีอยู่ที่ขอบเขตเซียนสวรรค์ขั้นกลางเท่านั้น!
จะทำอย่างไร หากพ่ายแพ้ให้กับเฉินซี?
พวกเขาคงกลายเป็นตัวตลกในโลกแห่งการบ่มเพาะ แล้วในอนาคตจะมีหน้าออกจากตระกูลได้อย่างไร?
คิ้วของเหลียงปิงขมวดเข้าหากัน เพราะนางไม่เคยคิดมาก่อนว่านางจะเจอสถานการณ์เช่นนี้ แม้จะเข้าใจความคิดของเหล่าศิษย์ในตระกูล แต่ถ้าพวกเขาไม่ประลองกับเฉินซี เป็นไปได้หรือไม่ที่นางจะทำด้วยตัวเอง?
แม้ว่านางจะได้รับความเคารพในฐานะทายาทของตระกูลเหลียง แต่ท้ายที่สุดแล้วนางก็ไม่ได้เป็นผู้นำตระกูล ดังนั้นนางจึงไม่สามารถบังคับให้คนในตระกูลต่อสู้กับเฉินซีได้ เพราะหากทำเช่นนั้น ใครเล่าจะสนับสนุนนางให้ขึ้นสู่ตำแหน่งของผู้นำตระกูล?
บนสนามประลอง เฉินซีรู้สึกตกใจเล็กน้อยเมื่อเห็นสิ่งนี้ และเขาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะกล่าวว่า “แล้วถ้าหาก… ข้าจะขัดเกลาสมบัติอมตะที่อยู่ในความครอบครองของคนที่เต็มใจจะต่อสู้กับข้าเล่า?”
ในระหว่างการต่อสู้กับเหลียงคุนก่อนหน้านี้ เขาสังเกตเห็นว่าสมบัติอมตะของเหลียงคุนนั้นเป็นยันต์ศัสตราที่ไม่สมบูรณ์เช่นกัน แม้ว่ามันอาจจะเทียบได้กับสมบัติอมตะระดับวิญญาณทมิฬขั้นสูง แต่ถ้าได้รับการขัดเกลาอีกครั้งด้วยวิธีการที่ถูกต้อง อย่างน้อยพลังของมันก็อาจจะเพิ่มขึ้นประมาณสี่ส่วน
ซึ่งพลังสี่ส่วนนี้ ก็เพียงพอที่จะยกระดับพลังต่อสู้ของเหลียงคุนให้สูงขึ้น!
และด้วยเหตุนี้ เฉินซีจึงตระหนักได้ว่าสมบัติอมตะที่อยู่ในความครอบครองของอัจฉริยะตระกูลเหลียงนั้น น่าจะมีส่วนคล้ายคลึงกับยันต์ศัสตรา
โดยอาศัยความเข้าใจอย่างแม่นยำนี้เอง เฉินซีจึงเสนอเงื่อนไขดังกล่าว เขาไม่กังวลว่ามันจะไม่อาจโน้มน้าวใจพวกเขาได้ เพราะทันทีที่สิ้นคำ ฝูงชนทั้งหมดก็แตกตื่นโกลาหล ทุกคนแทบไม่เชื่อหูของตัวเอง
“คนผู้นี้กล่าวเรื่องอันใดกัน? จะช่วยขัดเกลาสมบัติอมตะ ให้คนที่ยอมต่อสู้กับเขาหรือ?”
“สวรรค์ คนผู้นี้ไม่ได้กล่าวล้อเล่นใช่หรือไม่?”
ในฐานะศิษย์ของตระกูลที่มีชื่อเสียงในเต๋าแห่งยันต์อักขระ เต๋าแห่งยันต์อักขระเป็นทักษะที่ทุกคนต้องเข้าใจ และจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าสมบัติอมตะของพวกเขาไม่เหมือนกับสิ่งที่มีขายตามท้องตลาด?
เพราะสมบัติอมตะของพวกเขาได้รับการขัดเกลาด้วยเคล็ดวิชาขัดเกลาศัสตราที่ไม่เหมือนใคร และแม้ว่าพวกมันจะมีข้อบกพร่องบ้าง แต่พวกมันก็สามารถบรรลุขีดจำกัดด้วยพละกำลังได้
แม้แต่ผู้อาวุโสในตระกูลก็ไม่กล้าพูดเรื่องไร้สาระเกี่ยวกับความสามารถในการขัดเกลาสมบัติอมตะที่ได้รับการขัดเกลาเมื่อนานมาแล้ว ดังนั้นในเมื่อเฉินซีกล้ากล่าวเรื่องไร้สาระเช่นนี้ จะให้พวกเขาเชื่อได้อย่างไร?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]
อยากซื้อหนังสือเรื่องนี้จบรึยังมีขายรึยัง ราคาเท่าไหร่...
กำลังสนุกเลยจ้า1407...
1...
รออ่าน1296...
รออ่าน1184จ้า...
ตอนที่1111รออ่านยุ...
ตอน1109รออ่านยุ...
กำลังมันเลยครับ...
กำลังมันเลยครับ...
ลงวันละหลายตอนใต้ใหม่ครับ...