บทที่ 1083 มีความสุขมาก
บทที่ 1083 มีความสุขมาก
หากการคาดเดาของเฉินซีถูกต้อง การไปที่กำแพงแสงเพื่อทดสอบในตอนนี้ อันดับของเขาจะกระโดดจากหนึ่งร้อยห้าสิบสี่เป็นหนึ่งร้อยยี่สิบสองอย่างแน่นอน
เนื่องจากเหลียงฉวินที่พ่ายแพ้ก่อนหน้านี้ อยู่ในอันดับดังกล่าว
หากยังทุ่มเทต่อสู้ต่อไป เขาก็น่าจะก้าวไปสู่หนึ่งร้อยอันดับแรกได้ในไม่ช้า!
ศิษย์ของตระกูลเหลียงต่างกระโจนขึ้นไปบนสนามประลอง และเริ่มประลองกับเฉินซี
คนแรกคือชายหนุ่มรูปร่างกำยำ แขนเปลือยเปล่าถูกสร้างขึ้นจากกล้ามเนื้อชิ้นแล้วชิ้นเล่า ราวกับเป็นเหล็กกล้าที่เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังกดดัน
ชื่อของเขาคือเหลียงเฉียว และอยู่ในอันดับหนึ่งร้อยสามในเทียบอันดับเซียนภาคพื้นทวีป แม้ว่าการบ่มเพาะจะอยู่ที่ขอบเขตเซียนลึกลับขั้นต้น แต่ก็เป็นเซียนลึกลับที่ขัดเกลากายาอย่างแท้จริง!
ตัวตนเช่นนี้ มีข้อได้เปรียบอย่างท่วมท้น ท่ามกลางผู้ที่มีระดับการบ่มเพาะในขอบเขตเดียวกัน
เคร้ง!
ทันทีที่เขาขึ้นไปบนสนามประลอง เหลียงเฉียวก็ดึงตะบองเหล็กยาวกว่าสี่ฉื่อออกมา และหนาเหมือนชามใบหนึ่ง พื้นผิวของมันถูกจารึกด้วยผังอักขระยันต์อย่างแน่นหนา ทั้งยังถูกปกคลุมไปด้วยแสงสีดำอันน่ากลัวและมืดมิด
“นี่คือตะบองมังกรขดของข้า มันเป็นสมบัติอมตะระดับวิญญาณทมิฬขั้นกลาง เจ้าช่วยขัดเกลาพลังของมันให้ข้าได้หรือไม่” เหลียงเฉียวถามอย่างตรงไปตรงมา ก่อนพวกเขาจะเริ่มการต่อสู้ด้วยซ้ำ
เฉินซีกล่าว “ไว้ข้าจะบอกหลังจากที่เราต่อกันสู้แล้ว”
“ตกลง แล้วข้าจะรอดูว่าเจ้าคุยโวโอ้อวดหรือไม่!” เหลียงเฉียวแค่นเสียงเย็น ก่อนจะกระแทกพื้นด้วยตะบองเหล็กอย่างแรง จากนั้นเขาก็ยืมแรงจากสิ่งนี้เพื่อพุ่งทะยานขึ้นฟ้า แล้วฟาดตะบองเหล็กลงมาใส่เฉินซีอย่างดุดัน
ตู้ม!
เมื่อเหลียงเฉียวเหวี่ยงตะบองเหล็ก มันก็เหมือนท่อนเสาที่สามารถแทงทะลุท้องฟ้าได้ ทุกที่ที่มันผ่านไปมวลอากาศจะถูกแยกออกจากกัน อีกทั้งยังแฝงไปด้วยกลิ่นอายดุร้ายอย่างรุนแรง แค่มองจากระยะไกลก็ทำให้หนังศีรษะของทุกคนด้านชาได้แล้ว
“เข้ามาเลย!” ดวงตาของเฉินซีเป็นประกาย ในขณะที่จิตต่อสู้ลุกโชนอยู่ในอก ชายหนุ่มถือยันต์ศัสตราไว้ในมือ พร้อมกับเปิดฉากต่อสู้กับเหลียงเฉียวอย่างดุเดือด
บนสนามประลองขนาดมหึมา ร่างทั้งสองต่างพุ่งเข้ากันอย่างดุเดือด คนหนึ่งใช้เคล็ดวิชาตะบองแสนองอาจดุจมังกรศึกส่งเสียงหวีดหวิวไปรอบ ๆ ขณะทุบมวลอากาศจนพังทลาย ส่วนอีกคนก็เผยเคล็ดวิชากระบี่ที่ไม่ธรรมดาซึ่งดุร้าย รวดเร็ว และแข็งแกร่ง เขาต่อสู้จนรัศมีเซียนส่องประกายอย่างโกลาหลในโลก อีกทั้งยังทำให้มวลเมฆแตกสลายเป็นเสี่ยง ๆ จนแม้แต่ฟ้าดินก็ถูกบดบังในมืดเงา
ทุกคนต่างตกตะลึงกับภาพที่เห็นนี้ และรู้สึกประหลาดใจอย่างยิ่ง
เหลียงเฉียวเป็นผู้บ่มเพาะขอบเขตเซียนลึกลับในการขัดเกลากายา และครอบครองพลังที่ไม่มีใครเทียบได้ ซึ่งสามารถบดขยี้ผู้ที่มีการบ่มเพาะในระดับเดียวกันได้อย่างง่ายดาย แต่ตอนนี้เขากลับต่อสู้อย่างสูสีกับเฉินซี ซึ่งอยู่ที่ขอบเขตเเซียนสวรรค์ขั้นกลาง ยิ่งกว่านั้นการต่อสู้ก็ยังดุเดือดมากจนสามารถบรรยายได้ว่ายอดเยี่ยม!
ผ่านไปราวหนึ่งถ้วยชาต่อมา
โครม!
เฉินซีฟันยันต์ศัสตราออกไป แต่มันไม่เหมือนครั้งก่อน การฟันครั้งนี้ แฝงไปด้วยพลังของกฎแห่งธาตุทั้งห้า มันฟันไปที่ตะบองมังกรขดในมือของเหลียงเฉียว จนกระเด็นออกจากมือ พร้อมกับส่งเสียงหึ่ง ๆ และสั่นอย่างไม่มีที่สิ้นสุด เหลียงเฉียวเองก็เซถอยหลังจากแรงปะทะ และกระอักเลือดออกมา
ทุกคนล้วนประหลาดใจเมื่อเห็นสิ่งนี้ เพราะเหลียงเฉียวเป็นผู้บ่มเพาะขอบเขตเซียนสวรรค์ในการขัดเกลากายา ทำให้เขาดูน่าเกรงขามอย่างยิ่ง แต่ในยามนี้ กลับถูกเฉินซีโจมตีด้วยกระบี่จนกระอักเลือดออกมา!
“อีกครั้ง!”
เหลียงเฉียวคำรามอย่างโกรธเกรี้ยว น้ำเสียงเต็มไปด้วยความไม่เต็มใจที่จะยอมรับความพ่ายแพ้ และตั้งใจจะพุ่งไปข้างหน้าอีกครั้ง
ในขณะเดียวกัน เหลียงปิงก็กล่าวขึ้นมาทันทีว่า “พอแล้ว! เหลียงเฉียว เจ้าแพ้แล้วหรือเจ้าตั้งใจจะสู้จนตาย?” เสียงของนางเย็นยะเยือกและก้องกังวานไปทั่วบริเวณ มันเต็มไปด้วยศักดิ์ศรีและความอหังการที่ไม่ธรรมดา
เหลียงเฉียวได้สติขึ้นจากไฟโทสะทันที และมองไปที่เฉินซีด้วยความไม่เต็มใจเล็กน้อย ก่อนจะเก็บตะบองมังกรขด และพึมพำในที่สุด “เจ้าชนะแล้ว”
เฉินซีครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งและกล่าวตามจริง “ถ้านี่เป็นการต่อสู้ชี้เป็นชี้ตายจริง ๆ ผลลัพธ์ก็คงไม่ถูกตัดสินเร็วขนาดนี้ ครั้งนี้เป็นเพียงการประลองเท่านั้น และมันทำให้ข้าได้เปรียบเท่านั้น”
เขากล่าวด้วยความสัตย์จริง เนื่องจากผู้เยี่ยมยุทธ์ด้านการขัดเกลายานั้นแข็งแกร่งอย่างแท้จริง เพราะสามารถเกิดใหม่จากหยดเลือดหรือจิตสำนึกระหว่างการต่อสู้ได้ ดังนั้นจึงเป็นเรื่องยากมากที่จะฆ่าพวกเขา
ทุกคนล้วนทราบดีถึงความพิเศษของเหลียงเฉียวและพยักหน้าในใจ เมื่อเห็นเฉินซียอมรับอย่างเปิดเผย
เหลียงเฉียวตกตะลึง และมองไปที่เฉินซีด้วยสายตาประหลาดใจเล็กน้อย จากนั้นสีหน้าของเขาก็ผ่อนคลายลงมาก แล้วกล่าวว่า“หากเรากำลังกล่าวถึงข้อดี การบ่มเพาะของข้าก็สูงกว่าของเจ้ามาก ถึงอย่างไรมันก็ยังคงเป็นความพ่ายแพ่ของข้าอยู่ดี และข้าเหลียงเฉียวเชื่อมั่นในสิ่งนี้”
กล่าวจบ เขาตั้งใจจะออกสนามประลอง
“ช้าก่อน” เฉินซีหยุดชายหนุ่มไว้ ก่อนจะหยิบแผ่นหยกออกมา จากนั้นครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง และบันทึกเคล็ดวิชาบางอย่างในนั้น แล้วจึงยื่นมันให้กับเหลียงเฉียว “ลองปรับแต่งสมบัติอมตะของเจ้าอีกครั้งตามวิธีการในแผ่นหยกนี้ และพลังของตะบองมังกรขดของเจ้าจะเพิ่มขึ้นอย่างน้อยประมาณสามส่วน”
เฉินซีกล่าวอย่างระมัดระวัง เพราะเขาได้คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ว่ากระสวยแสงเงินของเหลียงปิงจะพัฒนาพลังได้ถึงหกส่วน แต่มันกลับเพิ่มขึ้นเพียงสี่ส่วนเท่านั้น และนี่อาจเกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดต่อพลังฝีมือของผู้ที่ขัดเกลามัน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]
อยากซื้อหนังสือเรื่องนี้จบรึยังมีขายรึยัง ราคาเท่าไหร่...
กำลังสนุกเลยจ้า1407...
1...
รออ่าน1296...
รออ่าน1184จ้า...
ตอนที่1111รออ่านยุ...
ตอน1109รออ่านยุ...
กำลังมันเลยครับ...
กำลังมันเลยครับ...
ลงวันละหลายตอนใต้ใหม่ครับ...