ร่างกายของเขาอบอุ่น มีกลิ่นแอลกอฮอล์รุนแรง และลมหายใจร้อน ๆ ของเขาก็รินรดอยู่ข้างหูของหญิงสาว
เขาไปดื่มมางั้นเหรอ?
เวินหนี่เรียกเขา “เย่หนานโจว”
แต่เย่หนานโจวกอดเอวของเธอไว้และฝังหน้าไว้บนผมของเธอ ก่อนจะพูดขึ้นเสียงต่ำ “อย่าขยับ ฉันขอกอดเธออีกหน่อย”
คราวนี้เวินหนี่หยุดเคลื่อนไหว
ไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงดื่มเยอะขนาดนี้
เวินหนี่นอนอยู่บนผ้าห่มเป็นเวลานาน ร่างกายของเธอแทบจะแข็งทื่อ ได้แต่สงสัยว่าเมื่อไหร่เขาจะลุก
แต่เขาไม่มีทีท่าว่าจะลุกเลย เอาแต่สูดดมเธออย่างตะกละตะกลาม
นี่เขาคงจะไม่คิดว่าเธอคือลู่ม่านเซิงอีกแล้วหรอกใช่ไหม
เวินหนี่เรียกเขาอีกครั้ง “เย่หนานโจว…”
“เวินหนี่ ฉันอยากจะนอนแบบนี้อีกสักพัก”
เมื่อได้ยินแบบนั้น เวินหนี่ก็เงียบลงอีกครั้ง
การที่เขาเรียกชื่อเธอแสดงให้เห็นว่าเขาไม่คิดว่าเธอเป็นผู้หญิงคนอื่น
เธอไม่ค่อยได้เห็นเขาในสภาพนี้ และมันก็ทำให้เธอค่อนข้างทำตัวไม่ถูก
แต่เธอก็ยังใจอ่อนกลัวว่าเขาจะหลับไปทั้งแบบนี้ และกลัวว่าเขาจะเป็นหวัด
เธอผลักเขาเบา ๆ “อย่านอนแบบนี้เลยค่ะ ไปอาบน้ำ ไม่ก็ห่มผ้าห่ม…”
เย่หนานโจวพลิกตัว ยกมือขึ้นก่อนจะรวบตัวเวินหนี่เข้ามาในอ้อมแขน เขากอดเธอไว้แน่น ปลายจมูกของเวินหนี่เต็มไปด้วยกลิ่นไวน์ และกลิ่นอันสดชื่นจากร่างกายของชายหนุ่ม
เธอทำอะไรไม่ถูกอยู่ชั่วขณะ พลางจ้องมองเขา
เขาไม่ได้หลับตา แต่ขมวดคิ้วเล็กน้อยมองเธอด้วยดวงตาที่ลึกล้ำราวกับว่าเขาไม่ค่อยพอใจ
แล้วทำไมเธอจะต้องมาคาดเดาว่าพอใจหรือไม่พอใจด้วย เธอคิดมากเกินไปแล้ว เธอไม่ได้อยากที่จะใส่ใจเขามากเกินไปเสียหน่อย
เย่หนานโจวยกมือขึ้นลูบหน้าผากของร่างเล็ก
ฝ่ามืออบอุ่นนั้นทำให้เธอรู้สึกแปลก เธอเอียงศีรษะเล็กน้อย เย่หนานโจวชะงัก ก่อนจะถามขึ้นอย่างระมัดระวังว่า “เจ็บเหรอ?”
เวินหนี่รู้สึกแสบจมูก อาจเป็นเพราะเธอเสียใจมามาก จึงทนไม่ได้กับความเป็นห่วงของเขา “ถามทำไมคะ?”
น้ำเสียงของเธอแฝงไปด้วยความคับแค้นใจ
เย่หนานโจวตบหลังเธอเบา ๆ ราวกับกำลังปลอบใจเธอ “ฉันจะไม่ปล่อยให้เธอไปสถานที่ที่อันตรายแบบนั้นอีกแล้ว”
นี่เขากำลังเป็นห่วงเธออย่างนั้นเหรอ?
ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้เพิ่งจะบอกว่า การแต่งงานของพวกเขาเป็นเพียงข้อตกลง และบอกเธอว่าอย่าคิดไปไกล
เวินหนี่อดไม่ได้ที่จะมองเขาอีกครั้ง คราวนี้เขาหลับตาลง แต่มือของเขายังคงปลอบเธอต่อไป
ตอนนั้นเองที่เวินหนี่ก็รู้สึกว่าเขาเป็นของเธอ
มีเพียงเวลาที่เขาเมาเท่านั้น ความสัมพันธ์ของทั้งสองถึงจะใกล้ชิดกันมากขึ้นเหมือนคู่สามีภรรยาทั่วไป
เวินหนี่ยกมือขึ้น ต้องการสัมผัสใบหน้าของเขาและเข้าใกล้เขามากขึ้น แต่มือของเธอก็หยุดอยู่กลางอากาศ สุดท้ายสติสัมปชัญญะก็ลบล้างปรารถนาของเธอ
เพราะเธอรู้ดีว่านี่เป็นเพียงสิ่งชั่วคราว และเมื่อตื่นขึ้นมาในเช้าวันพรุ่งนี้ ทุกอย่างก็จะกลับมาเป็นเหมือนเดิม
เขาคือเย่หนานโจว และเธอเองก็คือเวินหนี่
เธอลดมือลงอีกครั้ง
เธอแนบหน้ากับอกของเขา รู้สึกถึงเสียงเต้นของหัวใจและลมหายใจที่สม่ำเสมอของเขา คงจะหลับไปแล้วสินะ
จากนั้นเธอก็พูดขึ้นด้วยความวางใจ “เย่หนานโจว หากคนที่คุณรักคือฉันก็คงจะดี แม้จะเพียงเล็กน้อยแต่ฉันก็มีความสุขมาก”
ที่จริงแล้วเธอเป็นคนพอใจอะไรง่ายมาก
แต่สำหรับเธอแล้ว ช่างเกินเอื้อมเกินไป
สุดท้ายเวินหนี่ก็หลับตาลง และหวังว่าเวลาจะหยุดลงที่ตรงนี้ ไม่ต้องตื่นขึ้นมาอีก
แต่ท้ายที่สุดก็ต้องตื่นจากฝัน
เมื่อตื่นขึ้นมาในวันรุ่งขึ้น พื้นที่ข้าง ๆ ก็เย็นแล้ว เย่หนานโจวออกไปตั้งแต่เช้า
เวินหนี่ลุกขึ้นและพบข้อความขนาดใหญ่ที่วางอยู่ข้างเตียงว่า ฉันไปบริษัท เธอพักผ่อนอยู่ที่บ้านไป อย่าลืมกินข้าวด้วยล่ะ
และมีบัตรเครดิตวางอยู่ข้าง ๆ
เวินหนี่หยิบมันขึ้นมาและนึกถึงเรื่องเมื่อวานที่เขาซื้อของให้ลู่ม่านเซิงไปห้าล้านบาท
เขาคิดจะชดเชยเธอด้วยวิธีนี้อย่างนั้นเหรอ?
เธอไม่รู้ว่าเย่หนานโจวกำลังคิดอะไรอยู่กันแน่ เขารักลู่ม่านเซิง แต่กลับไม่ยอมหย่ากับเธอ แบบนี้มันจะมีประโยชน์อะไร
เธอใช้ความกล้าหาญทั้งหมดเพื่อขอหย่า และมีชีวิตใหม่
วันนี้มีผู้สื่อข่าวมาให้ความสนใจกับนิทรรศการศิลปะของถังเยาด้วย ถังเยาต้องให้สัมภาษณ์ และไม่สามารถอยู่กับเธอได้ตลอดเวลา ดังนั้นเธอจึงทำได้เพียงเดินเล่นคนเดียว
ทันใดนั้นเธอก็เห็นร่างหนึ่งเดินมาพร้อมกับอีกหลายคน
“ยินดีต้อนรับค่ะ คุณลู่”
ลู่ม่านเซิงยิ้มอย่างสุภาพต่อผู้รับผิดชอบบริษัทของถังเยา “ฉันมาที่นี่เพราะชื่อเสียงของเธอ และชื่นชมภาพวาดของคุณถังน่ะค่ะ”
“นี่เป็นเกียรติของเยาเยา เธอกำลังให้สัมภาษณ์ รบกวนคุณรอสักครู่นะคะ”
เวินหนี่มองไปที่ลู่ม่านเซิง พลางไล่สายตาขึ้นลงโดยไม่รู้ตัว และพบว่ามีรอยแผลเล็ก ๆ บนแขนของเธอที่ถูกรองพื้นปกคลุมอยู่
ถ้าจำไม่ผิดลู่ม่านเซิงไปโรงพยาบาลเมื่อวานนี้ เธอคิดว่าจะเป็นแผลใหญ่กว่านี้เสียอีก
ท่าทางตื่นตระหนกของเธอที่ได้รับการปกป้องจากเย่หนานโจว ทันใดนั้นเวินหนี่ก็รู้สึกว่าเธอทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่
ขณะที่เธอกำลังจะหันหลังเดินออกไป ลู่ม่านเซิงก็สังเกตเห็นเธอ จึงขัดจังหวะการสนทนากับคนอื่น ๆ แล้วร้องเรียกเธอทันที “เวินหนี่”
เวินหนี่เงยหน้าขึ้น เห็นเธอกำลังเดินเข้ามา “พี่ก็อยู่ที่นี่เหมือนกันเหรอคะ?”
เวินหนี่ไม่ได้พูดอะไรเลย และลู่ม่านเซิงก็พูดต่ออย่างอ่อนโยน “ทำไมพี่ไม่ไปทำงานล่ะคะ พี่หนานโจอนุญาตให้พี่มาชมนิทรรศการศิลปะแบบนี้ด้วยเหรอคะ?”
“เธอไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องของฉัน” เวินหนี่ตอบเธอนิ่ง ๆ
ลู่ม่านเซิงพูดขึ้น “เปล่าค่ะ ฉันก็แค่ไม่คิดว่าจะได้เจอพี่ในงานแบบนี้ แถมพี่ยังอยู่คนเดียวด้วย”
ลู่ม่านเซิงจงใจเตือนเธอว่าเธออยู่คนเดียว ซึ่งหมายถึงไม่ว่าเธอจะทำอะไรเย่หนานโจวก็จะไม่อยู่เคียงข้างเธอ
ก็จริง ลู่ม่านเซิงมีความมั่นใจมาก เพราะท้ายที่สุดเย่หนานโจวไม่เคยไปไหนเป็นเพื่อนเธอเลย
ทันใดนั้นก็มีอีกคนเดินเข้ามา “ม่านเซิง วันนี้คุณสวยมาก ชุดนี้สวยจริง ๆ คุณซื้อมาจากไหนเหรอคะ?”
ลู่ม่านเซิงหัวเราะอย่างมีความสุขและพูดกับผู้หญิงคนนั้นว่า “ดูดีไหมคะ แฟนของฉันเป็นคนเลือกมันเอง”
“เอ่อ เหมือนว่าฉันจะเคยเห็นในนิตยสาร ราคาเป็นล้านเลยใช่ไหมคะเนี่ย?”
ลู่ม่านเซิงตอบอย่างเขินอาย “ใช่ค่ะ”
“แฟนคุณดีกับคุณมากจริง ๆ แค่เสื้อผ้าก็ยังซื้อให้คุณเป็นล้าน ปกติแล้วเขาคงจะให้เงินคุณใช้ไม่น้อยเลยสินะคะ”
ลู่ม่านเซิงเหลือบมองเวินหนี่ “แน่นอนค่ะ แฟนของฉันเขารักฉันมาก และแน่นอนว่าเขายินดีจ่ายเงินให้ฉันค่ะ”
สิ่งนี้เตือนให้เวินหนี่รู้ว่า เงินห้าล้านบาทที่เย่หนานโจวใช้ไปกับลู่ม่านเซิงก็คือชุดสีขาวแวววาวบนตัวเธอนั่นเอง
ทันใดนั้นมันก็ดูแจ่มชัดขึ้นมา

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บทพิสูจน์รักฉบับท่านประธาน