บุบผาร้อยเสน่ห์ นิยาย บท 109

บทที่ 109 เข้ามาหาเรื่องถึงที่

คนทั่วไปต่างก็รู้ว่าตลอดทั้งปีนี้องค์ชายหกเมื่ออยู่ด้านนอกจะมีความเก่งกาจเป็นคนถัดจากซ่านจินจื๋อ 

ซ่านจินจื๋อฝีมือร้ายกาจมาตั้งแต่เด็ก ยามออกศึกทำสงครามเขาฆ่าศัตรูอย่างไม่ลังเล หากมีคนพูดไม่ถูกหรือทำอะไรผิด พวกเขาเหล่านั้นก็กลายเป็นวิญญาณใต้คมดาบของเขาทันที

แต่องค์ชายหกกลับร้ายยิ่งกว่า ว่ากันว่าเขาก่อเรื่องทั่วชายแดน ไม่กลัวฟ้าไม่กลัวดิน ถึงจะถูกแม่ทัพของค่ายทหารอบรมสั่งสอน เขาก็เพียงแค่กัดฟันอดทนไว้ แล้วเอาคืนเป็นสองเท่าในภายหลัง

หากจะบอกว่าซ่านจินจื๋อเป็นสิงโตที่เข้าใจวิธีการจำศีล เช่นนั้นองค์ชายหกผู้นี้ก็เป็นหมาป่าที่กัดผู้คนไปทั่ว เมื่อซ่านเซิ่งหานอยู่เบื้องหน้าสายตาที่ดุดันขององค์ชายหกกลับรู้สึกถึงความหนาวเย็นอยู่เล็กน้อย จึงรีบโบกไม้โบกมือพูด “ไม่อะไร เพียงแต่ว่าเมื่อก่อนฮูหยินของข้าเคยขัดแย้งกับพระชายาจิ้งมาก่อน แต่พอได้กินข้าวสองมื้อ ก็รู้สึกน่าสนใจเท่านั้น”

เมื่อน้ำเสียงนั้นผ่อนลง สายตาอันดุร้ายของซ่านจวนฮ่าวในที่สุดก็หายไป อีกทั้งไม่มีอารมณ์อยากจะกินอะไรแล้ว แม้แต่คำบอกลาก็ไม่ได้ทิ้งไว้ให้องค์ชายสาม ก็เดินออกไปเลย แต่ไม่ลืมกำชับให้เจ้าของร้านไปส่งอาหารทุกวัน

ซ่านเซิ่งหานมองเศษเหยือกเหล้าที่แตกเป็นเสี่ยงอยู่บนโต๊ะอย่างอดไม่ได้ เขานั่งนิ่งเหมือนกับกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง

กู้อ้าวเวยผู้นี้มีความสัมพันธ์อะไรกับองค์ชายหกกันแน่?

เขามองไปไกลๆ กู้อ้าวเวยที่กำลังตรวจชีพจรให้คนไข้อยู่ทางนั้นก็จามออกมาอย่างแรง ขยี้จมูกที่มีผ้าคลุมหน้ากั้นเอาไว้อย่างแปลกใจ ลูกจ้างของร้านที่อยู่ข้างๆ ก็รีบส่งน้ำอุ่นมาให้ “คงจะตากลมอยู่ในตรอกนี้จนไม่สบายแล้วนะขอรับ”

“ข้าไม่เป็นอะไร” กู้อ้าวเวยโบกมือปฏิเสธ แล้วจับชีพจรให้คนไข้ต่อไป 

คนถัดไปเป็นสตรีที่งดงามผู้หนึ่ง นางที่ดูเพียบพร้อมทั้งสติปัญญาและความงดงาม นางค่อยๆ นั่งลง สีหน้าของนางดูเหมือนจะป่วยมาก กู้อ้าวเวยกำลังจะยกข้อมือของอีกฝ่ายขึ้นมา แต่สตรีผู้นั้นกลับร้องออกมาด้วยความตกใจ แล้วดึงมือออกมาทันที แล้วนั่งลงไปนั่งบนพื้น “พระ...พระชายาจิ้ง ได้โปรดให้อภัยหม่อมฉันที่มีตาหามีแววไม่...”

เมื่อคำพูดนี้ออกมา คนที่ต่อแถวอยู่ด้านหลังก็พากันอุทานออกมาอย่างตกใจ 

กู้อ้าวเวยเองก็รู้สึกตกใจเช่นกัน ได้แต่ให้สตรีผู้นั้นลุกขึ้นมา ส่วนพวกลูกจ้างของร้านจี้ซื่อถางก็หันมามองกันทุกคน คนที่คอยเล่นมุกตลกอยู่ที่จี้ซื่อถางในทุกวันที่ผ่านมานี้ที่แท้ก็เป็นพระชายาจิ้งอย่างนั้นหรือ?

“เหตุใดพระชายาจิ้งถึงมาอยู่ที่นี่เพคะ...” คนเหล่านั้นก็พากันทำความเคารพ และไม่มีใครกล้าต่อแถวแล้ว

กู้อ้าวเวยรู้สึกกระอักกระอ่วนใจ สตรีผู้นั้นท่าทางดูกลัวจนตัวสั่นเทา หรือว่าจะเป็นคุณหนูสักตระกูลที่นางเคยได้เจอเมื่อก่อน เคยพบหน้ากันไม่กี่ครั้งแต่ก็ยังมีโชคชะตาให้กลับมาพบกัน ตอนนี้ถึงได้มองออก จากนั้นหลังจากเขียนใบสั่งยาส่งให้นางแล้ว ก็พูดต่อว่า “คนต่อไป”

ช่างทำเหล็กที่อยู่ด้านหลังกลับไม่กล้าเดินหน้าขึ้นมา กู้อ้าวเวยได้แต่ถอนหายใจออกมา “แม้ว่าข้าจะเป็นพระชายาจิ้ง แต่ข้าก็ไม่กินคนหรอกนะ ข้าแค่มาช่วยงานท่านหมอเห้อก็เท่านั้น”

หลังจากที่ช่างทำเหล็กผู้นั้นได้ยินเข้า ก็ถูกคนที่อยู่ด้านหลังผลักให้เดินขึ้นหน้ามาอย่างแรง

กู้อ้าวเวยพบว่าช่างทำเหล็กผู้นี้อยู่กับเหล็กกล้ามาตลอดทั้งปี จึงมักจะมีเหงื่อเต็มศีรษะที่เกิดจากความร้อนเป็นจำนวนมาก ถึงได้เขียนใบสั่งยาให้เขาชุดหนึ่ง

หลังจากนั้นก็ยังมีหลายคนที่ไม่กล้าเดินเข้ามา แต่เมื่อพบว่านางเหมือนจะไม่พูดอะไรมาก อีกทั้งไม่ได้เกิดบันดาลโทสะอะไรด้วย ถึงได้เข้ามาต่อแถวกันใหม่อีกครั้ง แต่ผ่านไปได้ไม่นาน เรื่องนี้ถูกบอกต่อเป็นทอดๆ ไปอย่างรวดเร็ว มีคนไม่น้อยที่รู้ว่าพระชายาจิ้งผู้สง่างามนึกไม่ถึงว่าจะมาตรวจอาการรักษาให้คนไข้อยู่ที่จี้ซื่อถาง ส่วนท่านอ๋องจิ้งก็ออกจากจวนไปแก้ไขปัญหาที่บ้านริมน้ำโล่เสีย ชั่วขณะนั้นทุกคนต่างก็เปลี่ยนทัศนคติที่มีทั้งหมดต่ออ๋องจิ้ง แต่ก็มักจะมีคนปากมากเสมอ

“แต่ได้ยินมาว่าพระชายาจิ้งผู้นี้ไม่เป็นที่โปรดปรานเท่าไหร่ กลัวแต่ว่าจะอดทนไม่ไหวจนต้องออกจากจวนมานั่งตรวจรักษาคนไข้อยู่ที่นี่”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุบผาร้อยเสน่ห์