บทที่ 226 เยว่ข้องใจ
เยว่เดินออกไปสักพัก แต่กลับวกคืนมาอีกครั้ง
“พระองค์ ผ่านไปอีกสักพักก็จะเป็นวันคล้ายวันพระราชสมภพของไทเฮาแล้ว งานพิธีตระเตรียมไว้พร้อมแต่เนิ่นๆ แล้ว เมื่อว่างแล้วขอพระองค์ตรวจสอบให้แน่ชัดด้วย”
“ถ้าเจ้าไม่พูด ข้าก็เกือบลืมไปแล้ว” คราวนี้ซ่านเซิ่งหานเพิ่งจะนึกขึ้นได้ ยามปกติหลังจากสอบฤดูใบไม้ผลิแล้ว ท่ามกลางราชวังก็จะยุ่งง่วนกับการตระเตรียมเรื่องพระราชพิธีวันสมภพของไทเฮา และหลังจากวันสมภพของไทเฮาแล้ว ก็จะคัดเลือกผู้มีความสามารถให้กับแคว้นชางหลาน ช่วงปลายฤดูใบไม้ผลิยังเป็นช่วงเวลาของการล่าสัตว์ในฤดูใบไม้ผลิอีกด้วย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการฝึกฝนวิทยายุทธ์ในฤดูใบไม้ผลิต่างๆ นานา มันยุ่งง่วนกันมากเลยทีเดียว
เยว่หัวเราะอย่างจนปัญญา “เพราะพักนี้มีเรื่องราวมากมาย พระองค์ถึงได้ไม่มีเวลาดูแลจัดการ”
“องค์ชายอื่นๆ มีการเคลื่อนไหวอะไรบ้าง” ซ่านเซิ่งหานวางเอกสารราชการในมือลง แล้วบีบเรียวคิ้ว
“ไม่มีการเคลื่อนไหวอะไรในขณะนี้เจ้าค่ะ เพียงแต่อ๋องจิ้งและองค์ชายหกมีใจทะเยอทะยาน องค์ชายสองยังคงเงียบเชียบ องค์ชายอายุน้อยที่เหลือไม่กี่พระองค์ อยู่ในความหดหู่ของการต่อสู้ในวังหลัง ก่อนหน้านี้องค์ชายแปดยังต้องพิษแล้วด้วย ฮ่องเต้ทรงตรวจสอบเรื่องดังกล่าวอย่างพิโรธ องค์ชายสิบสองเกือบจะถูกคนรุมทำร้าย แต่ก็ยังไม่รู้ว่าใครเป็นคนทำกันแน่” เยว่ปั้นหน้าเคร่งขรึมลง
เรียวคิ้วของซ่านเซิ่งหานขมวดเป็นปมแน่น
องค์ชายสิบสองนี้ยังคงเป็นองค์ชายที่อายุน้อยที่สุด เพียงแค่สองชันษาเท่านั้น พวกเขากลับมีคนลงมือทำไปได้
ดูท่าศึกระหว่างราชวงศ์ จะมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่สามารถระงับเอาไว้ได้ องค์ชายไม่กี่พระองค์ที่อายุยังน้อยก็กลายเป็นผู้ถูกกระทำ เขาไม่คุ้นชินกับเรื่องการฆ่าล้างบางของเหล่าพี่น้องแบบนี้เรื่อยมา ทำเพียงบัญชาต่อเยว่ “เจ้าไปบอกเรื่องนี้ให้น้องสี่รู้ เสด็จแม่ของเขาพำนักอยู่ในวังหลวงและดำรงตำแหน่งยศสูงเป็นเวลานาน น่าจะพอจัดการเรื่องนี้ได้”
“เหตุใดพระองค์ไม่จัดการเองเจ้าคะ ทำแบบนี้ไม่ใช่ว่าจะลากองค์ชายน้อยเหล่านี้มาเอี่ยว...”
“ระหว่างองค์ชายไหนเลยจะมีพี่น้องอย่างจริงใจ ข้าก็แค่ทนเห็นพวกเขาลงมือกับเด็กตัวเล็กๆ ไม่ได้เท่านั้นเอง วันหน้ารอบรรดาน้องชายเหล่านั้นโตเป็นผู้ใหญ่ หากว่าจะต้องก่อกรรมทำเข็ญจริงๆ ข้าก็จะสังหารล้างโคตรพวกเขา เพียงแต่ตอนนี้พวกเขายังเยาว์วัยนัก คงต้องรักษาความปลอดภัยเอาไว้ก่อน” กลัวว่าตลอดชีวิตนี้ซ่านเซิ่งหานคงจะทำเรื่องชั่วช้ามาไม่น้อย ตอนนี้ก็ทำได้เพียงหลงเหลือความเมตตาต่อพี่น้องที่ยังไม่ทันเติบโตเหล่านั้น
เยว่พยักหน้ายอบกายลง หลังจากได้รับคำตอบแล้วก็กำชับคนให้ไปหาองค์ชายสี่
อาศัยช่วงที่ฉางอีฉินยังไม่ทันก่อปัญหา เยว่ก็เข้ามาอธิบายให้นางฟังด้วยตนเองแทนองค์ชายสามเป็นที่เรียบร้อย
“ก็มีเพียงแค่เจ้าที่ปกป้องพระองค์เยี่ยงนี้” ฉางอีฉินตบโต๊ะพลางลุกขึ้น ปลายแขนเสื้อกระทบเข้าที่หลังมือของเยว่ ทำเพียงเดินมุ่งหน้าไปยังห้องบรรทมของซ่านเซิ่งหานอย่างเร่งรีบ “กล้าเอาไปไว้ในห้องนอนได้ มันจะเป็นแค่ผู้หญิงในยุทธภพคนหนึ่งได้อย่างไรกัน ไม่แน่ว่าอาจจะเป็นพระชายาจิ้งคนนั้นก็ได้...”
“ฮูหยินอย่าได้พูดมากความกว่านี้แล้วเจ้าค่ะ” เยว่รีบดึงนางเอาไว้
ถึงแม้ก่อนหน้านี้ฉางอีฉินจะรู้วิธีการของซ่านเซิ่งหาน แน่นอนว่าสงวนท่าทีมาได้สักพัก แต่อย่างไรเสียก็ยังคงวิตกกังวลอยู่ หากว่าเอาแต่เอ่ยถึงเรื่องนี้ไปทุกที่ กลัวว่าพระองค์จะคาดโทษอีกครั้ง
“เจ้าไม่สงสัยอย่างนั้นเชียวหรือ” ฉางอีฉินหันขวับกลับมาอย่างขุ่นเคือง “พระชายาจิ้งหมกตัวอยู่ในเรือนตลอด เมื่อก่อนก็เคยไปนั่งวินิจฉัยโรคอยู่ที่จี้ซื่อถางนั่น ตอนนี้ออกมาได้แล้วหรือ?”
มองดูเป็นเวลานาน ก็แม้แต่เยว่ยังวางใจไม่ลง
หรือนั่น จะเป็นพระชายาจิ้งจริงๆ กันแน่นะ?
เอ่ยเตือนฉางอีฉินให้ใจเย็นลงมาบางอย่างไม่ง่ายดายนัก รอจนกระทั่งจันทร์แรมลมพัดโชย เยว่จึงเปลี่ยนเป็นชุดในยามค่ำคืน ลอบเข้ามายังร้านยาเหย้า กลับเห็นว่าในร้านยาเหย้าแห่งนี้จุดไฟสว่างโร่ สาวน้อยในชุดสีอ่อนกำลังตรวจสอบตัวยาสมุนไพร ส่วนบานหน้าตาถูกเปิดกว้าง กู้อ้าวเวยกำลังสาละวนกับยาสมุนไพรอยู่ด้านใน
นางค่อยๆ ร่วงลงพื้น ทำเอาชิงต้ายตกใจสะดุ้งโหยง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุบผาร้อยเสน่ห์
นางเอกเหมือนจะเก่งแต่ก็ยอมให้ผัวทำร้ายร่างกายตลอด...
บางคำแปลแบบ งงๆ อ่านแล้วเหนื่อยเรื่องนี้ พักก่อน...
สรุปแล้วใครคือพระเอก อ๋องจิ้งไม่เหมาะเลย ขอเป็นคนอื่นแทนได้ไหม...