บุบผาร้อยเสน่ห์ นิยาย บท 227

บทที่ 227 หู้ปู้เซ่อหลาง

“ติดโรคประหลาด แล้วมันกงการอะไรของข้า”

กู้อ้าวเวยนั่งอยู่ท่ามกลางรถม้าลำพัง หันหน้าเข้าหาหู้ปู้เซ่อหลางที่อยู่ตรงข้าม สีหน้าเย็นชา ตั้งแต่ต้นจนจบไม่ยินดีจะปลดผ้าคลุมบนหน้าลง

หู้ปู้เซ่อหลางร้อนรนจนกระวนกระวาย รีบมองไปทางซ่านจินจื๋อซึ่งขึ้นมาในรถม้า

“เห้อจิ้นหล่างไม่อยู่ ในเทียนเหยียนไม่มีใครสามารถรักษาโรคประหลาดนี้ได้” ซ่านจินจื๋อปั้นหน้าขรึมมองทางกู้อ้าวเวย

ทั้งสองสบสายตากัน กู้อ้าวเวยขบคิดเกี่ยวกับเจตนาของซ่านจินจื๋อ คราวนี้จึงฉุกคิดขึ้นได้ว่าหู้ปู้เซ่อหลางรับผิดชอบเรื่องค่าใช้จ่ายของกองทัพ ส่วนกว่างจี้หู้ปู้เซ่อหลางคนปัจจุบันเป็นเจ้าหน้าที่ทุจริต และเพียงเพราะอ๋องจิ้งให้ความสำคัญกับค่าใช้จ่ายของกองทัพเป็นอย่างยิ่งเขาจึงไม่กล้ากระทำการอุกอาจ แต่กลับละโมบเหนืออำนาจเหนือกฎหมายจากด้านอื่นๆ

ส่วนตอนนี้ องค์ชายหกและองค์ชายทุกพระองค์ลอบแบ่งแยกกองกำลังของผู้ใต้บัญชาของซ่านจินจื๋อไม่น้อยเลย

แต่ขอเพียงเกลี้ยกล่อมหู้ปู้เซ่อหลางคนนี้ได้แล้ว มันก็เป็นเรื่องง่ายที่จะใช้ประโยชน์จากโอกาสนี้ในการขูดรีดกองกำลังที่กระจัดกระจัดกองอื่นๆ ได้

เพียงแต่โรคประหลาดนี้ มันบังเอิญ หรือว่าเป็นความตั้งใจของซ่านจินจื๋อกันแน่นะ

“ข้าเป็นถึงคนที่วางยาพิษให้คนอื่น ท่านอ๋องยังจะเชื่อมั่นในตัวข้าอยู่อีกรึ” กู้อ้าวเวยเลิกคิ้ว

ตอนนี้ขอเพียงซ่านจินจื๋อได้เห็นกู้อ้าวเวยก็ปวดหัวอย่างมากแล้ว

“พระชายาจิ้ง ข้ารู้ว่าลูกชายข้า...”

“อย่าลืมจ่ายค่าตรวจโรคด้วย” กู้อ้าวเวยโบกมืออย่างหงุดหงิด บัดนั้นหู้ปู้เซ่อหลางคนนั้นค่อยๆ แย้มรอยยิ้มทันที และตอบรับติดต่อกัน

กู้อ้าวเวยเอนกายลงครึ่งหนึ่ง แล้วเอียงศีรษะไป มองทะลุรอยแยกเล็กๆ ของม่านรถไปชมการเจรจาแน่นขนัดของเมืองเทียนเหยียน

ในใจกลับรำลึกได้ถึงเรื่องราวของหู้ปู้เซ่อหลางทีละเรื่องอย่างละเอียด ตัวอย่างเช่นในตระกูลหู้ปู้เซ่อหลางนี้มีลูกชายเจ็ดคนลูกสาวสี่คน ถึงแม้อายุจะมากแล้ว แต่ในราชสำนักกลับยังคงมีใจทะเยอทะยาน ลูกชายคนโตตามซ่านจินจื๋อไปออกศึกและตายในสนามรบ และคุณงามความดีข้อนี้ยิ่งทำให้ฮ่องเต้รักใคร่ยิ่งขึ้น

ลูกสาวทั้งสี่ต่างเย่อหยิ่งทระนงตน และแต่งงานออกเรือนไปตั้งนานแล้ว โดยเฉลี่ยลูกชายสามคนสร้างครอบครัวแล้ว ในเรือนมีภรรยาและอนุรวมกันหกคน

อยู่ในความเจริญรุ่งเรืองมาเป็นเวลานาน แต่ในที่ลับกลับยิ่งเต็มไปด้วยผู้คนอันตราย

ย่างเข้าสู่จวนของหู้ปู้เซ่อหลาง สถานที่แห่งนี้กลับมิได้มั่งคั่งเท่าใดนัก ส่วนคนที่อยู่กลางห้องโถงกลับล้มป่วย แม้กระทั่งสาวใช้ในจวนก็มีสภาพซีดเซียว กู้อ้าวเวยตรวจชีพจรให้พวกเขา ตอนที่มาถึงเบื้องหน้ากว่างเสียน บุคคลหลังพลันห่อไหล่ลง มองซ่านจินจื๋อที่อยู่ด้านหลังของนางอย่างระแวดระวัง

เลิกคิ้วขึ้น หลังจากกู้อ้าวเวยตรวจชีพจรให้พวกเขาแล้วก็หยัดกายลุกขึ้น “ให้คนรับใช้ที่อยู่ข้างกายคนป่วยเขียนรายการอาหารและเครื่องดื่มที่บริโภคในครึ่งเดือนหลังทั้งหมดมาส่งให้ข้า”

กล่าวจบ นางก็เดินเฉียดไหล่ของซ่านจินจื๋อที่อยู่ข้างๆ ไปยกกล่องยาเล็กของตนมา

หู้ปู้เซ่อหลางมุ่นคิ้วปั้นหน้าเศร้า “ท่านอ๋อง นี่พระชายาจะ...”

“ไปทำตามที่นางพูดทั้งหมด” ซ่านจินจื๋อเอ่ยปลอบเสียงเข้ม แต่กลับเดินตามฝีเท้าของกู้อ้าวเวย ส่งนางกลับสู่จี้ซื่อถางอย่างไม่คลาดสายตา ตั้งแต่ต้นจนจบ นางก็ไม่ได้เปลื้องผ้าคลุมหน้าลงเลย

เด็กหนุ่มหลายคนเดินอ้อมเข้ามา มีเพียงซ่านจินจื๋อเอ่ยเสียงแผ่วหลังจากเวลาผ่านไปเนิ่นนาน “ในอีกไม่กี่วัน ก็จะเป็นวันสมภพของไทเฮาแล้ว ตามกฎและประเพณี เดิมข้าควรจะพาเจ้าและกู้จี้เหยาไป”

“ไม่จำเป็นหรอก คนทั้งโลกต่างรู้ดีว่าข้าไม่คู่ควรกับนามของพระชายาจิ้ง” กู้อ้าวเวยหยุดพู่กันลงกะทันหัน มองทางเขาอย่างสับสน “ฮ่องเต้และฮองเฮาน่าจะทรงทราบเรื่องที่ทารกในครรภ์ของข้าไม่มีอยู่อีกต่อไป แต่กลับทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้กับคนรุ่นหลังตระกูลหยุนอย่างข้าเลย แต่ท่านอ๋องทำอะไรบ้าง”

“หากข้าบอกว่าทำเพื่อพ่านเอ๋อ เสด็จพี่จะต้องไม่เชื่อข้าอย่างแน่นอน” น้ำเสียงของซ่านจินจื๋อทุ้มต่ำ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุบผาร้อยเสน่ห์