บทที่ 253 ทดสอบวิชายุทธ์
“ใช่” กุ่ยเม่ยปิดใบหน้าด้วยความทรมานใจ “แต่แน่นอนที่กระหม่อมยินยอมก็ด้วยเพราะใบหน้านี้”
“มีอะไรที่ต้องซ่อนกันเล่า เดินออกไปกับข้าก็ไม่มีคนที่ไหนว่าเรียกเจ้าว่าไอ้หน้าขาวหรอก” กู้อ้าวเวยโยนผ้าคลุมหน้าสีดำลงจากชั้นสองโดยตรง
กุ่ยเม่ยเลิกคิ้ว สุดท้ายก็ไม่เอ่ยอะไรออกมาและใช้ท่าทางที่เชื่องเชื่องกว่าอาโม่รับประทานอาหารมื้อนั้นจนหมด
“ปีนี้เจ้าอายุเท่าไรแล้ว?” หลังจากที่กู้อ้าวเวยรับประทานข้าวปานพายุหอบเมฆก็เอ่ยคำถามนี้ขึ้น
“ยี่สิบสี่” กุ่ยเม่ยชำเลืองมองกู้อ้าวเวยด้วยความประหลาดใจ มักจะรู้สึกว่าความเร็วในการกินของกู้อ้าวเวยช่างมั่นคงแข็งแกร่งจริงๆ
กู้อ้าวเวยตกใจเล็กน้อย คาดไม่ถึงว่าเขาจะอายุมากว่าตนเสียอีก
“กระหม่อมติดตามข้างกายท่านอ๋องตั้งแต่เยาว์วัยแต่ไม่เคยเข้าร่วมการศึก น่าจะสักยี่สิบปีได้ ทุกๆปีกระหม่อมจะได้กลับไปครั้งสองครั้ง” กุ่ยเม่ยคล้ายรู้ความรู้สึกของนาง จึงเอ่ยออกมาเป็นวรรคเป็นเวร
“มองไม่ออกเลยนะเนี่ย” ชิงต้ายส่ายหน้าด้วยความจนใจ
กุ่ยเม่ยลูบศีรษะตน จนท้ายที่สุดก็ไม่ได้กล่าวอะไรต่อเพียงแค่เขี่ยอาหารในจานไปเรื่อยจึงตัดสินใจกลับจวน หลังจากที่กู้อ้าวเวยออกจากร้านอาหารป่ายเว่ยกลับตรงไปที่จี้ซื่อถาง หลังจากที่รับยาสมุนไพรห่อใหญ่ถึงได้กลับโรงยาอย่างแช่มช้า
ในยามราตรีอันเงียบสงัด กุ่ยเม่ยวางของลงแล้วเอ่ยถามอย่างอดไม่ได้ “พระชายาทรงไม่คิดจะถามไถ่เรื่องของท่านอ๋องบ้างหรือ?”
“ก็นั่นเป็นเรื่องของเขา ไม่เกี่ยวอะไรกับข้า” กู้อ้าวเวยแบ่งสมุนไพรตามประเภทอย่างระมัดระวัง ส่วนชิงต้ายจัดการทุกอย่างได้อย่างคล่องแคล่วคุ้นเคย “กุ่ยเม่ย เอาสมุนไพรทางฝั่งนั้นออกมาวางบนโต๊ะให้หน่อย”
กุ่ยเม่ยพยักศีรษะหงึกหงัก
เป็นเวลาหลายวันติดต่อกับที่กู้อ้าวเวยไม่ได้ออกไปไหนแม้แต่ก้าวเดียว ไม่สนใจเรื่องราวโลกภายนอก เพียงมุ่งมั่นจะแก้ยาพิษของโหวเซ่อทำงานเสียยุ่งจนตัวเป็นเกลียว ทั้งวันนอนเพียงสามชั่วยามนั่นก็มากสุดแล้ว
ภายในเมืองเทียนเหยียนได้ติดประกาศของวังหลวง แสดงรายชื่อบัณฑิตที่สอบได้ในปีนี้ซึ่งดึงดูดความสนใจของผู้คนไปไม่น้อย
เรื่องความขัดแย้งระหว่างองค์ชาย องค์ชายรองยามนี้แสดงความสามารถที่มีอยู่ออกมาให้เห็น จู่ๆก็เสนอเรื่องไปจัดการโจรและจัดการเส้นทางแม่น้ำ แม้แต่องค์ชายที่เยาว์วัยก็พยายามมีส่วนเพราะกลัวว่าฮ่องเต้จะไม่สนพระทัย
แต่ทุกสิ่งล้วนไม่เกี่ยวข้องกับกู้อ้าวเวยทั้งสิ้น
ถูกกุ่ยเม่ยทำให้ล้มลงกับพื้นอีกครั้ง มีดสั้นในมือหล่นลงพื้นจนเกิดเสียง
กู้อ้าวเวยเหงื่อท่วมศีรษะ นอนแผ่หราอยู่กลางลานด้วยความอับจน “ทำไมเจ้าเก่งกาจขนาดนี้ พอมีดอยู่ในมือข้าก็งอกง่อยอย่างกับดอกไม้ซะงั้น”
“กระหม่อมฝึกยุทธ์มายี่สิบปี ก็ย่อมต่างกันเป็นธรรมดา”
กุ่ยเม่ยดึงนางลุกขึ้นจากพื้นด้วยความจนใจ
การพบปะพูดคุยกันในหลายวันมานี้ทำให้เขารู้ว่ากู้อ้าวเวยไม่สนใจเรื่องพิธีรีตอง เขาออกหมัดอย่างไรนางก็ไม่มีบ่น อีกทั้งกู้อ้าวเวยยังทราบว่าควรจะจัดการควบคุมร่างกายตนอย่างไร ทำให้เขารู้สึกว่าการสอนวิชายุทธ์คนก็เป็นเรื่องที่ไม่เลวนัก
มีดสั้นเล่มนั้นตกเข้าสู่มือของกุ่ยเม่ยอย่างง่ายดาย กลับ
คล้ายกับปีกผีเสื้อที่พลิกเริงระบำ
กู้อ้าวเวยนั่งอยู่บนขั้นบันไดและดื่มน้ำลงไปไม่น้อย ขณะที่หันมามองก็เห็นว่ามีดสั้นในมือของกุ่ยเม่ยลอยไปที่มืออีกข้างหนึ่ง บนใบหน้าเขากำลังเปื้อนรอยยิ้มอันเย่อหยิ่ง พลางนำปลอกมีดเล่มนั้นโยนส่งให้กู้อ้าวเวย
“มีดเล่มนี้ ท่านต้องพกติดตัวทุกวันถึงจะดี ปลูกฝังความรู้สึก”
ขณะที่กู้อ้าวเวยประหลาดใจก็เหน็บมีดเล่มนั้นไว้ที่เอว “เจ้าดูไม่คล้ายว่าท่านอ๋องสั่งสอนมากับมือเลยนะ ยังเชื่อว่าสามารถมีความรู้สึกกับมีดด้วย”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุบผาร้อยเสน่ห์
นางเอกเหมือนจะเก่งแต่ก็ยอมให้ผัวทำร้ายร่างกายตลอด...
บางคำแปลแบบ งงๆ อ่านแล้วเหนื่อยเรื่องนี้ พักก่อน...
สรุปแล้วใครคือพระเอก อ๋องจิ้งไม่เหมาะเลย ขอเป็นคนอื่นแทนได้ไหม...