บุบผาร้อยเสน่ห์ นิยาย บท 259

บทที่ 259 คว่ำขวดน้ำส้มสายชู (ดับพิษหึง)

ครอบครองเทือกเขาในฐานะราชา ก่อตั้งหมู่เหล่ากลายเป็นชุมโจรภูเขา ส่วนมากเป็นคนพลัดถิ่นบากหน้ามาตั้งรกรากที่นี่ แต่เพียงคร่ากุมเจ้าหน้าที่ที่กระทำทุจริตกับผู้ร่ำรวยท้องถิ่นในเมืองที่ห่างไกลเหล่านั้น

มีหลักการไม่นับเป็นการกระทำชั่ว แต่เจ้าหน้าที่ผู้ทุจริตก็ยังเป็นข้าราชสำนัก เรื่องนี้นับว่าใหญ่โต

หากยึดตามวิธีการของซ่านจินจื๋อที่นำคนกลุ่มนี้มาสังหาร แน่นอนว่าสามารถคลี่คลายเรื่องนี้ได้ แต่การนำคนร้ายที่มีหลักการกลุ่มนี้มาสังหารโดยไม่แยกแยะถูกผิด รังแต่จะทำให้พลัดถิ่นไม่พอใจต่อราชวงศ์

หากสามารถอยู่ในหลักสันติ นำเรื่องนี้คลี่คลายได้อย่างดีงามก็จะแก้ไขเรื่องนี้ได้จากฐานราก

“หากว่าไม่ฆ่า ่พวกนั้นแม้เป็นเจ้าหน้าที่กระทำทุจริตทว่าสุดท้ายก็ล้วนเป็นข้าราชสำนัก หากถูกผู้คนรู้เข้าจะกล่าวได้ว่าพวกชางหลานไม่สนใจกฎหมายบ้านเมือง” ซ่านเซิ่งหานกล่าวจบพลันปวดศีรษะตุบๆ

กู้อ้าวเวยเห็นเขากลัดกลุ้มเช่นนี้ สันนิษฐานว่าเขาคงเคยถามเมิ่งซู่แล้วเพียงแต่ยังคงไร้หนทาง

“เสด็จพ่อกำหนดไว้สามเดือน หากทำออกมาได้ไม่ดีจะให้เสด็จอาลงมือสังหารคร่ากุม ซึ่งเป็นวิธีการแก้ปัญหาไม่ตรงจุด หลายวันก่อนหน้าข้าส่งคนไปเจรจาสันติกลับไม่ประสบความสำเร็จ แม้แต่เมิ่งซู่ยังไปด้วยตนเอง อาศัยคารมคมคายของเขาพวกโจรภูเขาเหล่านั้นอย่างไรก็ไม่เอ่ยปากสักแอะ”

ซ่านเซิ่งหานกล่าวถึงตรงนี้ยังต้องทอดถอนใจ

หากไม่ใช่เพราะไม่รู้จะอธิบายอย่างไร เขาคงไม่อาจคิดคำนวณพากู้อ้าวเวยไปสืบฟังลมปากของซ่านจินจื๋อ

แต่เขากล่าวมาขนาดนี้ กู้อ้าวเวยกลับทราบดีว่าปัญหาเกิดตรงที่ใด พลันหัวเราะขึ้นมาเบาๆ “ข้าเดิมเข้าใจว่าท่านเป็นบุคคลฉลาดเฉลียว ยามนี้เห็นว่าอย่างไรพวกท่านยังคงเคยชินกับการนั่งบนที่สูงแล้ว”

“พูดว่ากระไร?”

ซ่านเซิ่งหานจ้องรอยยิ้มที่คงค้างบนใบหน้านาง พลันเคลิบเคลิ้มถึงใบหน้ายิ้มที่ทุ่งล่าสัตว์ริมแม่น้ำในคืนนั้น

มิได้พบพานมานานแล้ว

ไม่ได้สังเกตถึงความตะลึงงันของซ่านเซิ่งหาน กู้อ้าวเวยเพียงกล่าวต่อ “ตัวท่านในฐานะราชวงศ์ไร้ความกังวลหมองใจ เมิ่งซู่เกิดในตระกูลร่ำรวยมั่งคั่ง ย่อมไม่อาจพบพานความลำบากยากจนอันล้นเหลือ โจรภูเขาเหล่านั้นหากมิใช่อับจนไร้หนทางก็ไม่อาจปล้นชิงเจ้าหน้าที่ด้วยความบ้าบิ่นเช่นนี้ พวกมันรู้ดีว่าตนต้องตายแต่ยังคงปฏิบัติตามหลักการ สาเหตุเพราะพวกมันทราบว่าคนยากจนที่ทำการปล้นไม่สามารถอยู่รอดได้ อีกอย่างพวกมันย่อมมีครอบครัว

“เพราะเหตุใด?” ซ่านเซิ่งหานได้ฟังก็ยังสับสน

“ปล้นชิงเงินทองมากมายขนาดนั้น พวกมันไม่ได้คิดว่าตนจะมีชีวิต เพียงคิดแต่ว่าจะได้มากขึ้น อย่างน้อยที่สุดชีวิตนี้ยังสามารถแลกเปลี่ยนกับการมีชีวิตรอดของครอบครัวตัวเอง อย่างไรก็ไม่ขาดทุน”

กล่าวถึงตรงนี้ กู้อ้าวเวยมักจะนึกถึงคนป่วยเหล่านั้นที่เทียวไปมาใต้เงื้อมมือนาง

นางแน่นอนว่าเคยพบคนเหล่านั้นเพราะไม่มีเงินซื้อหยูกยา ในขณะเดียวกันก็เคยพบพวกที่ยืนกรานไม่ยินยอมรักษาเพราะกลัวสร้างปัญหาให้คนในครอบครัว ผู้คนล้วนแสวงหาความตายโดยตรง

ในดวงตาของนางบังเกิดความสงสารไม่น้อย แต่ที่มากกว่ากลับเป็นความโศกเศร้า

“พวกมันเพียงต้องการได้เงินจำนวนมากที่สามารถให้คนในครอบครัว ด้วยหัวใจที่พลีชีพ อย่างพวกท่านจะมีคนที่สามารถไปพูดจากับคนใกล้จะตายได้อย่างไร”

กู้อ้าวเวยส่งเสียงหัวเราะเยือกเย็น เส้นผมที่ปลิวสลวยด้วยสายลมยามฤดูใบไม้ผลิกระทบที่ใบแก้มของนาง ทวีความเย็นเยียบขึ้นหลายส่วน

“เหตุใดพระชายามั่นใจเช่นนี้? หากพวกมันต้องการเพียงแค่เงินเล่า”

“คนที่ต้องการเพียงแค่เงินก็ย่อมมี แต่ส่วนใหญ่แค่ความร่ำรวยนั่นไม่พอ ส่วนคำสัญญาที่ท่านให้ก็ช่วยชีวิตคนในครอบครัวพวกมันไม่ได้ และยังไม่สามารถรับประกันอนาคตของพวกมันได้ พวกมันย่อมไม่เจรจากับท่านแล้ว”กู้อ้าวเวยปัดเส้นผมบนใบแก้ม ดวงตาราวดอกท้อคู่นั้นกลับมากด้วยความคมกล้า “พวกท่านประหารพวกเจ้าหน้าที่ทุจริตเหล่านั้น แล้วริบเงินทรัพย์สินของเหล่าเจ้าหน้าที่ทุจริตแจกจ่ายทั้งหมดให้กับพวกโจรภูเขา หากมีโจรภูเขาคนใดจงใจสร้างปัญหา ก็จัดการสังหารเป็นการเชือดไก่ให้ลิงดู”

เมื่อสิ้นคำ ใบไม้เขียวชอุ่มหลายใบร่วงโรยหล่นบนบ่าของนาง

ซ่านเซิ่งหานช่วยนางปัดใบไม้เขียวชอุ่มเหล่านั้นออก พลางเอ่ยถามต่อ “แบบนี้ไม่โหดร้ายเกินไปหรือ”

“มีอะไรที่โหดร้าย หมอร้านยาจี้ซื่อถางมากมายปานนั้น ปล่อยให้พวกเขาไปรักษาโรคคนในครอบครัวพวกโจรภูเขาสิ เงินทองมีท่านเป็นคนจ่าย เมื่อถึงเวลาท่านก็จะเป็นศูนย์รวมจิตใจของพสกนิกร ส่วนพวกคนที่ตกตาย ก็แค่ตายไปโดยไม่สาสมกับความผิดที่ได้กระทำ”

กู้อ้าวเวยกล่าวอย่างไม่หนักหนาอะไร กระทั่งมองเขาด้วยใบหน้าที่ยังเจือด้วยรอยยิ้ม “ข้ายังสามารถถ่ายทอดวิชาแพทย์ให้กับบรรดาหมอเหล่านั้น ส่วนสิ่งที่ท่านต้องทำคือเรียนรู้ที่จะเด็ดขาด ฆ่าหนอนแมลงเหล่านั้นเพื่อที่สามารถให้ประชาชนของแคว้นชางหลานหวนคืนสู่ความสงบ”

เปลวไฟที่สุมในอกพุ่งขึ้นสูงพ้นลำคอ แผดเผาโพรงปากซ่านเซิ่งหานจนแห้งผาก

“หากเจ้าเป็นบุรุษ เกรงว่าข้ายังต้องรู้สึกละอายใจที่ด้อยกว่า”

“ข้าเป็นสตรี ไม่อาจช่วยท่านชนะหัวใจของไพร่ฟ้าประชาชน”กู้อ้าวเวยหัวร่อด้วยความอับจน “ท่านอดทนซ่อนเร้นมานานเกินไปเกรงว่าจะหลงลืมไป ดินแดนแคว้นชางหลานอาบชโลมด้วยโลหิตมานานแล้ว หากใคร่อยากปฏิรูป ย่อมมีคนต้องตายอยู่ใต้ฝ่าเท้าท่าน และตอนนี้ ท่านหากแม้กระทั่งคนที่สมควรฆ่ายังไม่กล้าลงมือ วันหน้าข้าจะเชื่อถือได้อย่างไรว่าท่านสามารถขึ้นเหนือยอดบัลลังก์?”

ในถ้อยคำของกู้อ้าวเวยเพิ่มความขู่ขวัญหลายส่วน

ซ่านเซิ่งหานที่ถูกขู่ขวัญกลับรู้สึกความเดือดดาลภายในใจ เขาคล้ายกระทำตัวเป็นองค์ชายสูงส่งสง่างามนานเกินไป จนจำรสชาติของเลือดไม่ได้

เมื่อได้รับคำตอบ ซ่านเซิ่งหานยังใคร่อยากขอบคุณสักครา

ทว่ากู้อ้าวเวยหน้าเปลี่ยนสี เงาร่างสูงใหญ่เดินเข้ามาจากที่ไม่ไกลนัก พลันนำร่างนางเข้าไปในอ้อมกอดแล้วอุ้มนางขึ้นโดยไร้คำอธิบาย เหล่านางกำนัลและขันทีตกใจแตกตื่นจนต้องก้มศีรษะลงไป

ซ่านจินจื๋อสีหน้าดำคล้ำ ดวงตาทั้งสองแทบทนรอเสียดแทงซ่านเซิ่งหานไม่ไหว

ซ่านเซิ่งหานเพียงกระอักกระอ่วน “เสด็จอา เมื่อสักครู่ข้ากับองค์พระชายาแค่....”

“องค์ชายสามหากไม่มีธุระก็รีบกลับไปเสียเถิด”ถ้อยวาจาของซ่านจินจื๋อเต็มไปด้วยภัยคุกคาม

ซ่านเซิ่งหานสีหน้าทะมึน ชำเลืองมองกู้อ้าวเวยด้วยความกังวล ตนหากจากไปแล้วก็ไม่ทราบซ่านจินจื๋อจะกระทำต่อกู้อ้าวเวยอย่างไร

เขาจากไปด้วยความรวดเร็ว กู้อ้าวเวยมองใบหน้าด้านข้างของซ่านจินจื๋อ เอื้อมมือตบหัวไหล่ของเขา “ท่านอ๋องถึงแม้ว่าท่านต้องการแสดงความรักใคร่ต่อหน้าพระพักตร์ไทเฮาทั้งยังปล่อยให้ผู้คนพบเห็น ไยมิใช่ควรวางหม่อมฉันลงได้แล้ว”

“เจ้าคิดว่าข้ากำลังแสดงละคร?”ซ่านจินจื๋อมองนางในใจเดือดดาลเป็นฟืนเป็นไฟ

เขาเหน็ดเหนื่อยจากการรอนแรมเดินทางต่างถิ่น เรื่องแรกที่กระทำก็คือการมาพบนาง!

ใครจะรู้เขาเพิ่งจากไปไม่นาน กลับมาก็เห็นคนเป็นทุกข์เพราะองค์ชายหก ตอนที่กำลังอยู่หน้าสวนบุปผาก็มีพูดคุยมียิ้มแย้มกับองค์ชายสาม!

พลันประทับจุมพิตลงบนริมฝีปากอ่อนนุ่มของอีกฝ่าย กู้อ้าวเวยเบิกตากลมกว้างกลับสลัดไม่หลุด เพียงดวงตาหรี่แคบรู้สึกถึงความเจ็บปวด รสคาวเลือดแพร่กระจายทั่วโพรงปาก อากาศที่เหลืออยู่เพียงน้อยนิดถูกอีกฝ่ายกลืนกินไปจนหมดสิ้น

นางทุบตีเข้าที่หัวไหล่ของอีกฝ่ายอย่างดุร้าย เมื่อใบหน้าเปลี่ยนสีแดงจึงถูกเขาปล่อยออก

ดิ้นรนกระโดดออกมาจากอ้อมกอดของเขาอย่างสะเปะสะปะ กู้อ้าวเวยแตะริมฝีปากที่ถูกกัด พลันมองเขาด้วยความขุ่นเคือง “หม่อมฉันไม่ใคร่อยากโต้เถียงอะไรกับท่าน ในเมื่อแสดงความรักใคร่มากพอแล้วก็พาหม่อมฉันไปศาลฎีกาเสีย หม่อมฉันต้องการพบซ่านจวนฮ่าว”

เพิ่งจะพูดคุยก้อร้อก้อติกกับองค์ชายสาม ก็เปลี่ยนใจจะไปพบองค์ชายหกทันที

“ไม่อนุญาต” ซ่านจินจื๋อพุ่งเข้าไปคว้านาง “อย่าได้ลืมว่าเจ้าเป็นพระชายาของข้า”

“แต่หัวใจของข้ามิใช่ของท่าน!”กู้อ้าวเวยเหวี่ยงเขาออกไปหนักๆ สาดสายตาอันกล้าแกร่ง “หากเขาตาย ชีวิตของข้าก็ไม่ต้องการแล้ว”

ซ่านจินจื๋อหยุดนิ่งอยู่ที่เดิม บริเวณขมับปรากฎเส้นเลือดดำขึ้นพาด

ซ่านจวนฮ่าวมีดีอะไร อาศัยเพียงคำพูดก็สามารถชนะหัวใจของเจ้าได้!

“ได้ ข้าจะพาเจ้าไปคุกของศาลฎีกา”ซ่านจินจื๋อฉุดลากนางมุ่งหน้าไปด้วยความรวดเร็ว

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุบผาร้อยเสน่ห์