บทที่269 เปิดหินออกทอง
“เท็จจริงหรือ!ข้าเป็นคนซื่อสัตย์นะ!”
ยัยไง่หงรีบเข้าใกล้มา ดึงแขนของกู้อ้าวเวยอ้อนนาง
กู้อ้าวเวยยิ้ม เมื่อเดินเข้าไปในลานถัดไป ถึงได้พูดเสียงเบาๆกับนางว่า:
“มนุษย์มักอวดดีรู้สึกว่าตนเองดี แต่ทว่าในโลกนี้ ใครไม่ใช่มนุษย์ธรรมดาคนหนึ่งล่ะ”
พูดเสร็จ นางก้มหัวลงแล้วตามเมิ่งซู่ไป ยัยไง่หงตะลึงอยู่พักหนึ่ง ตบหัวของตนเอง
เกิดเข้าใจขึ้นมา
ใช่ นางสามารถยอมรับได้ว่าตนเองธรรมดาก็ถือเป็นความฉลาดอย่างหนึ่ง
อย่างน้อยนางฉลาดรู้ตน และรู้ว่าใครฉลาด รู้ว่าควรตามใครไป
กระโดดโลดเต้นเข้าไป
ลานบ้านนี้มีขวดเหล้าอยู่หลายกระปุก อันที่จริงบ้านของคนเรียนหนังสือคนนี้ก็คือผลิตเหล้า
ฐานะบ้านค่อนข้างดี
แต่บทความนั้นเขียนได้ค่อนข้างบรรยากาศเกินไปและไม่สุภาพเล็กน้อย
ได้ข่าวว่าคนที่ให้คะแนนแค่เห็นจุดเริ่มต้นก็ได้โยนกระดาษข้อสอบทิ้งเลย.
แต่หลังจากที่กู้อ้าวเวยดูแล้ว รู้สึกว่าก็ยังใช้ได้ แค่ไม่รู้ว่าคนๆใช้ได้หรือไม่
ประโยคแรกของกระดาษนั้น——ยามบ้านเมืองสงบรุ่งเรืองผลิตหมีดำ
กู้อ้าวเวยนึกถึงก็รู้สึกน่าขำขึ้นมา คำพูดหยาบแต่เหตุผลละเอียด ยุคสมัยเปลี่ยนไปจำเป็นเช่นนี้
หากมีฮีโร่มากขึ้น โลกที่มีวุ่นวายก็กำลังจะเริ่มขึ้น
คนเรียนหนังสือนี้ชื่อว่าหวางโม่ ชื่อง่ายๆ แต่หน้าตาหล่อเหลามาก
แต่อักษรวิจิตรนี้ลงเขียนอย่างมีพลังมาก แตกต่างจากคนมาก
เมิ่งซู่คุยกับเขาอยู่พักหนึ่ง หวางโม่รำคาญว่า: “ท่านก็เป็นจอหงวนแล้ว
นี่จงใจมาให้ข้าโมโหหรือ?”
“ไม่ใช่ แค่มีเรื่องบ้างเรื่องอยากมาปรึกษาๆ”เมิ่งซู่รีบพูดว่า
“ปรึกษาข้า?เจ้าไม่กลัวว่าฮ่องเต้ยกหมวกไหมพรมสีดำ(ตำแหน่ง)ของเจ้าออกหรือ?”ตาของหวางโม่หรี่ขึ้นมา
ถือเหล้าดีๆมาสองกระปุก ยังไม่ลืมทีไปมองดูกู้อ้าวเวยกับยัยไง่หงแว้บหนึ่ง
จุ๊ๆว่า : “ท่านสอบจอหงวน ยังมีสาวใช้ที่สวยงามเพิ่ม ให้ข้าช่างอิจฉาจริงๆ”
กู้อ้าวเวยยกมุมปากขึ้น นี่ยังเป็นผู้ที่ซื่อตรง
“เจ้าว่า ผู้คนในถนนเล็ก ควรตายหรือไม่?”เมิ่งซู่ถาม เขาถามอย่างใด ก็ต้องดูคน
เจอผู้ที่นิสัยขี้ขลาดอ่อนแอหน่อย เลยถามอย่างอ้อมค้อมหน่อย แต่นี่ถามถึงหวางโม่
ก็พูดคำตายออกมาเลย
“เมื่อคืนถนนเล็กน้ำรั่ว………”หวางโม่พึมบ่นพำผ่านไปสักพักหนึ่งหัวเราะเขา:
“ท่านมาหาข้าคิดหาวิธีจริงๆหรือ”
“ใช่”เมิ่งซู่ยิ้ม
หวางโม่ดื่มเหล้าเข้าไปสองคำ ใคร่ครวญอยู่สักพักหนึ่ง ถึงพูดว่า: “ควรตาย”
“หมายความว่า?”เมิ่งซู่ยังคงยิ้มเหมือนเดิม กู้อ้าวเวยมองเขา
“ในเมื่อเป็นหงส์ไม่ได้ จะเป็นหางหงส์อะไร ก็ควรกลับไปเป็นไก่พื้นเมืองอย่างดีๆ”
หวางโม่ส่ายหัว
ยัยไง่หงแสดงท่าทีที่รังเกียจ. เมิ่งซู่กลับขมวดคิ้วขึ้นถามต่อว่า:
“งั้นเจ้าคิดว่าผู้คนในถนนเล็กควรอยู่ต่อไหม?”
“ควรอยู่”คำตอบของหวางโม่ทำให้ยัยไง่หงเบิ่งตาใหญ่
“นี่มันหมายความว่าอะไร?”เมิ่งซู่ได้ยิ้มอย่างจนใจ เขาจะฟังจนสับสนแล้ว
“คนที่มีรอดชีวิตอยู่ต่อ. การคัดเลือกโดยธรรมชาตินี่คือบัญชาสววรค์
คนที่ตายควรตาย อย่างไรก็ตามคนตายไม่สามารถพูดได้ คนที่มีชีวิตถึงจะมีประโยชน์
คนทั้งชีวิตนี้ เกิดแล้วถึงจะมีบัญชาสววรค์ ตายแล้วก็ไม่มีบัญชาสววรค์แล้ว” หวางโม่
พูดอย่างยุ่งเหยิง ยัยไง่หงฟังจนวนเวียนไปหมด เมิ่งซู่ก็ไม่เข้าใจ
กู้อ้าวเวยหัวเราะเยาะออกเสียง: “นายท่านปฏิภาณมาก”
ขนคิ้วของหวางโม่ยกขึ้น หัวเราะแล้วพูดกับนางว่า: “ข้าบอกคนควรตาย เจ้ายังจะมาชมข้า
นี่มันคือพิษร้ายสุดคือจิตใจผู้หญิงใช่ไหมเนี่ย?”
“มีคนสามารถต่อสู่เพื่อชีวิต งั้นก็ควรมีคนยืนขึ้นในฐานะผู้ประหาร และเจ้า
อย่างน้อยสามารถให้ผู้ตายเหล่านั้นตายได้คุ้มค่า”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุบผาร้อยเสน่ห์
นางเอกเหมือนจะเก่งแต่ก็ยอมให้ผัวทำร้ายร่างกายตลอด...
บางคำแปลแบบ งงๆ อ่านแล้วเหนื่อยเรื่องนี้ พักก่อน...
สรุปแล้วใครคือพระเอก อ๋องจิ้งไม่เหมาะเลย ขอเป็นคนอื่นแทนได้ไหม...