บุบผาร้อยเสน่ห์ นิยาย บท 277

บทที่ 277 หยกที่มีรูปโค้งประตู

ตั้งแต่เขารู้เรื่อง กุ่ยเม่ยสละชื่อนามสกุลที่คุณแม่ตั้งให้ เปลี่ยนเป็นกุ่ยเม่ยและอยู่ข้างๆซ่านจินจื๋อตลอด กลับมาแต่ละปี แต่ได้อยู่บ้านแค่วันเดียว เห็นคุณแม่แก่ไปทุกวัน แต่มักจะต้อนรับเขาอย่างมีความสุขเมื่อเขาได้กลับมา เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

แต่ตอนนี้ คุณแม่นอนอยู่บนเตียง เสียงพูดเบามาก และดูหน้าซีดเหลือเกิน

เขาคุกเข่าคำนับสามครั้ง โจวซื่อที่นอนอยู่บนเตียง ดวงตาแดงขึ้น สุดท้ายไม่รู้จะทำยังไงถูก พูดว่า “คุณแม่เป็นคนผิดเอง ถ้าพ่อของคุณไม่ได้เสียไปและแม่ก็มีความสามารถเลี้ยงลูกได้ คุณก็ไม่ต้องเลือกไปตามท่านอ๋องหรอก”

“แต่ว่า ตอนนี้แม่ได้เจอหน้าลูก ไม่ได้เสียดายอะไรแล้ว” โจวซื่อพูดจบ หันไปมองกุ่ยเม่ยอย่างจริงจัง พูดต่อว่า “แม่มีไข้มาตั้งสิบกว่าปีแล้ว คุณไม่ต้องโทษตัวเองหรอก แต่ต้องจำที่แม่พูดไว้ คนเรา ห้ามเป็นคนที่ไม่มีน้ำใจ แม่ไม่ขอคุณได้รับความสำเร็จแค่ไหน แต่ขอให้คุณได้ไปจากตำหนักอ๋อง ใช้ชีวิตอย่างอิสระ ทำได้ไหม”

เธอเองอาศัยอยู่ที่หมูบ้านนี้ ได้รับเงินจำนวนมากทุกๆปี คนอื่นเขาอิจฉา แต่ก็ไม่เคยคิดว่าจะไปจากหมู่บ้านนี้

เพราะกลัวว่า เดี๋ยวลูกกลับมาแล้วจะหาไม่เจอ ยิ่งกังวลว่าเงินพวกนั้นแลกมาจากชีวิตของลูกเธอเอง อกสั่นขวัญแขวนมาทุกวัน ตอนนี้เห็นเขายังมีชีวิตอยู่ และตัวเองก็จะเสียไปซะแล้ว จึงมีความฝันนี้เป็นอันสุดท้าย

กุ่ยเม่ยกัดปากตัวเองอย่างแน่ รู้ว่าตัวเองทำไม่ได้ ชีวิตของเขา คุมอยู่ในมือของซ่านจินจื๋อตั้งแต่แรก

เขาไม่ตอบอะไรสักคำ ทำให้โจวซื่อยิ่งกังวลและไอขึ้นอย่างรุนแรง กุ่ยเม่ยตกใจและวิ่งเข้าไปใกล้แต่ไม่รู้จะทำยังไงดี รับเอาผ้าเช็ดหน้าที่มีแต่คราบเลือด เขาเห็นแล้วหน้าซีดขึ้นมาทันที ยืนอยู่ที่เดิมอย่างไม่มีความรู้สึก

กู้อ้าวเวยได้ยินเสียง รีบเดินเข้ามา เอายาให้โจวซื่อกิน และจ้องมองกุ่ยเม่ยด้วยสายตาดุๆ พูดว่า “คุณทำให้แม่ของคุณโกรธได้ไง ดื้อเหลือเกิน”

ไม่คิดว่ากู้อ้าวเวยจะว่ากุ่ยเม่ยแบบนี้ แม้ว่ากุ่ยเม่ยมีบุคลิกคึกคัก แต่พอเจอเรื่องมาจริงๆ ก็จะซื่อตรงมาก จึงพูดว่า “คุณแม่อยากให้ผมไปจากตำหนักอ๋อง ใช้ชีวิตอย่างอิสระ แต่ชีวิตของผม...”

“เป็นลูกชายที่ไม่กตัญญูจริง” กู้อ้าวเวยลุกขึ้น ชี้หน้าเขาด้วยนิ้วมือและด่าว่า “หลังจากคุณจากไป ก็จะกลายเป็นตัวอิสระอยู่แล้ว คุณน่าจะยังจำได้ว่า ฉันกับท่านอ๋องตกลงกันไว้แล้ว”

กุ่ยเม่ยพึ่งนึกออก รีบเข้าไปที่ข้างเตียงปละรับปากกับแม่ของเขา

กู้อ้าวเวยไม่รู้จะทำยังไงอีก ตอนนั้นพอกุ่ยเม่ยได้ข่าวของคุณแม่เขา เขารีบร้อน ทำอะไรไม่ได้ละ แต่โจวซื่อเป็นคนที่มีมุมมองกว้างขวางและภูมิปัญญา

ชีวิตใกล้จะสิ้นสุด เธอไม่มีอะไรเสียดายอีก แค่นี้ เธอก็โชคดีกว่าคนอื่นมากแล้ว

แล้วอีกอย่าง เมื่อกี้ที่เธอขอให้กุ่ยเม่ยทำตามคำพูดของตัวเอง ก็เป็นความหวังแค่นั้น ไม่ได้บังคับเขาจริงๆ

ในขณะเดียวกัน กู้อ้าวเวยเห็นโจวซื่อกำลังจ้องมองตัวเองอยู่ จึงยิ้มและพูดว่า “ฮูหยิน ใจกว้างมาก”

“คุณหนู คุณชื่ออะไรคะ” โจวซื่อถามอย่างกระทันหัน

“หนูชื่อ กู้อ้าวเวยค่ะ” กู้อ้าวเวยมองเธอด้วยความแปลกใจ

“คุณกู้ คุณเคยพูดว่าคุณจะดูแลกุ่ยเม่ย จริงไหมคะ” โจวซื่อถามต่อ ใบหน้าหนักแน่นและจริงจัง

กู้อ้าวเวยยิ้มอย่างดีใจและตอบว่า “แน่นอนค่ะ กุ่ยเม่ยสอนกังฟูให้หนูอย่างตั้งใจ เป็นอาจารย์ของหนูตลอดชีวิต แล้วอีกอย่าง เขาไม่ได้เงียบเหมือนที่แสดงออกมาตอนนี้หรอก กลับมีความฉลาดเล็กน้อยอยู่ในใจด้วยซ้ำ ฮูหยินไม่ต้องเป็นห่วงนะ”

โจวซื่อจึงโล่งใจได้ เอียงหมอน และถามว่า “คุณหนูช่วยฉันอีกเรื่องได้ไหม”

“เรื่องอะไรคะ ฮูหยิน” กู้อ้าวเวยเดินไปข้างเธอ นั่งอยู่ที่ริมเตียง

กำลังแปลกใจอยู่ เห็นโจวซื่อเอาหยกที่อยู่ใต้หมอนออกมา ข้างบนหยกแกสลักโค้งประตู มีตัวอักษรที่แผ่นป้ายคำขวัญที่แขวนไว้เหนือโค้งประตู แต่มองไม่ชัด แปลกจริงๆ

โจวซื่อเอาหยกนี้ให้เธอ และพูดว่า “หยกนี้ คือคนที่มีบรามีต่อฉันฝากกับฉันไว้ บอกฉันว่า เอาหยกนี้ให้แก่กู้อ้าวเวยที่เป็นพระชายาจิ้ง สักวัน เธอจัดการเรื่องราวเสร็จแล้ว จะมาหาเธอที่นี่เอง”

กุ่ยเม่ยตาโตขึ้น ถามว่า “คุณแม่ ใครเหรอ...”

“ถ้าไม่มีคนนั้นช่วย ฉันควรเสียชีวิตไปตั้งแต่ปีที่แล้ว และที่คุณกลับมาปีนี้ เห็นคุณรีบร้อนมาก ฉันยังไม่ทันเอาของฝากกับคุณ ตอนนี้ ได้เจอพระชายาตัวจริง ก็ต้องเอาให้สิ” โจวซื่อตบมือของกุ่ยเม่ยเบาๆ

กู้อ้าวเวยรู้สึกแปลกใจมากขึ้นอีก

ปกติไม่ค่อยมีคนข้างนอกเข้ามาในหมู่บ้านฉางผิง รวมทั้งโรงเตี้ยมยังไม่มีเลย ทำไมมีคนตั้งใจมาที่นี่ และบังเอิญมาช่วยคุณแม่ของกุ่ยเม่ยละ ยังเอาของฝากไว้ให้แก่ตัวเองอย่างมั่นใจ

พอถามว่าเมื่อไหร่แล้ว รู้ว่าตรงกับตอนเธอได้แต่งงานกับซ่านจินจื๋อครบหนึ่งเดือน

บังเอิญเกินไป แสดงว่าคนนี้มาเพื่อตัวเธอเอง ไม่ได้เพื่อพระชายาจิ๋งตัวจริงนั้น

“ก่อนเขาจากไป ได้พูดคำไว้ด้วย” โจวซื่อหัวเราะเบาๆ พูดต่อว่า “เขาพูดว่า ตายหรือเป็นขึ้นอยู่กับพระเจ้าสวรรค์ เขาช่วยฉันรอดชีวิตมาจากยมบาลได้ครั้งหนึ่ง ย่อมต่อชีวิตอีกไม่ได้แล้ว ฉันคิดว่า คำพูดนี้ น่าจะอยากพูดให้เธอฟังนะ”

กู้อ้าวเวยกำหยกในมือไว้แน่นๆ มองหน้าโจวซื่ออย่างแปลกใจ

แต่พอคิดแล้ว โจวซื่อไม่เข้าใจความหมาย แต่เธอเองเข้าใจ เธอได้เอาถุงน้ำดีหงล์กับเลือดมังกรมาด้วย แค่ต้องการยาประเภทอื่นผสมเข้าไป ก็สามารถผลิตยานั้นออกมาได้

คนนี้ เป็นใครกันแน่

“คุณแม่รู้ไหมว่าเขาเป็นใคร”

“ไม่รู้จัก แต่เขาเป็นผู้หญิง ด้านข้างใบหน้ามีรอยบาดแผลยาวมาก ที่ข้อมือก็มีเหมือนกัน เมื่อเขามา ฝนกำลังตกอยู่ ฉันไปเจอเขาที่หน้าประตู ตอนนั้น เขามีบาดเจ็บที่น่องขา ได้พักอยู่ที่นี่สองสามวัน ช่วยฉันรักษาไข้แล้วจึงจากไป” โจวซื่อตอบและพร้อมส่ายหัว

กู้อ้าวเวยกำหยกนั้นไว้และเหมือนคิดอะไรอยู่

เธอไม่รู้จักผู้หญิงคนไหน แต่กำลังนึกถึงเรื่องที่เกี่ยวกับตัวเอง

เมื่อเธอถูกโหวเซ่อลักพาตัวไป หลิ่วเอ๋อที่อยู่ทิงเฟิงโหลกับผู้หญิงคนหนึ่งเหมือนตั้งใจไปเจอฉีหลิน แต่เธอก็ไม่รู้เหมือนกันว่า ตัวเองกับทิงเฟิงโหลมีอะไรผูกพันกันไหม”

คนนั้น ก็เป็นผู้หญิง

เรื่องสลับซับซ้อน กู้อ้าวเวยกำลังรู้สึกแปลกใจอยู่ แต่ได้ยินคุณยายเรียกว่าอยากกินขนมแล้ว กู้อ้าวเวยจึงรีบเดินออกไป

โจวซื่อมองที่หลังเธอ ไม่รู้จะทำยังไง

“คุณแม่รู้ได้ไง ว่า เธอเป็นพระชายาจิ้งครับ” กุ่ยเม่ยไม่เข้าใจเหมือนกัน

“เกิดจากครอบครัวที่ร่ำรวย มีคุณธรรมสูงอย่างนั้น ต้องต่างกับพวกเราที่เป็นคนต่ำต้อยอยู่แล้ว” โจวซื่อจับมือกุ่ยเม่ย และพูดว่า “เอาเถอะนะ คุณไม่ต้องมาเฝ้าฉันขนาดนี้ ฉันไม่มีตรงไหนไม่สบายหรอก”

กุ่ยเม่ยส่ายหัว ยังไงก็จะเฝ้าอยู่ตรงนี้ โจวซื่อไม่มีทาง ก็เลยตามใจเขาไป

กลางคืน ฝนตกในหมู่บ้านฉางผิง กู้อ้าวเวยกลับไปเมืองเยว่ซานไม่ได้ จึงพักอยู่ที่ห้องรอง ระหว่างนอนหลับ เธอเหมือนได้ยินเสียงอะไร แต่ตัวร่างกายอ่อนแอไม่มีแรง ตื่นขึ้นมาไม่ไหว

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุบผาร้อยเสน่ห์