บทที่ 283 คืนชีวิต
กู้อ้าวเวยนำกุ่ยเม่ยไปยังหอเก็บตำราของค่ายทหาร ค้นหาหนังสือเช่นจดหมายเหตุท้องถิ่น
ฉีเหยียนป่ายกลับยืนอยุ่ที่หน้าประตู ปาดเหงื่อเย็นที่มุมขมับศีรษะ “กลับเป็นกระหม่อมที่ดูแคลนองค์พระชายา”
เขาเดิมทีคิดเลี่ยงหนักเป็นเบา เพียงบอกเรื่องที่ซ่านจินจื๋อปกบ้านป้องเมือง
กลับไม่คาดคิดกู้อ้าวเวยจะสามารถเห็นถึงสาระสำคัญของเรื่องนี้ เขายังโชคดีก่อนที่ท่านอ๋องจะเสด็จจากไปเพียงให้เขานำถ้อยวาจาไปบอกกล่าวไม่กี่ประโยค ไม่ได้ให้เขาไปหลอกลวงพระชายาจริงจัง
ยากที่จะได้มายังค่ายทหาร กู้อ้าวเวยย่อมสำรวจเป็นอย่างดี ถนนข้ามพรมแดนสายนี้ ขุมกำลังยิ่งใหญ่ที่สุดก็คือเจียงเยี่ยน
เจียงเยี่ยนเดิมเป็นแคว้นเล็กที่จำนวนประชากรหลักร้อยคน ได้ยินมาว่าชื่อของแคว้นเจียงเยี่ยนนี้เป็นชื่อที่องค์จักรพรรดิรัชกาลแรกแต่งตั้งให้ในเวลานั้น
เจียงเยี่ยนให้ความสำคัญด้านวิทยายุทธ์ไม่เน้นด้านวิชาการ เคยถูกทำลายประเทศถึงสองครั้งสองครากลับอาศัยฝีมือการขี่ม้าติดตัวจนตีเจียงซานกลับคืนมา หลังจากนั้นเป็นช่วงเวลาแห่งความเจริญเฟื่องฟู ซึ่งปัจจุบันเหี้ยมหาญชาญการศึก หลายทศวรรษที่ผ่านมาเนื่องจากสาเหตุการขาดแคลนประชากรและความยากลำบากแสนเข็น ฮ่องเต้จึงฉวยโอกาสตัดสินใจอย่างเด็ดขาดในการใช้ระบบข้าทาส โดยอาศัยเงินทองอัญมณีกรีธาทัพเจียงเยี่ยนซื้อตัวทาสนับเรือนหมื่น
หลังจากผ่านช่วงคืนวันที่ถูกผู้คนโจมตีกลับเป็นผลให้เหล่าชาวยุทธ์ ทหาร ประชาชน รวมถึงเสนาบดีต่างส่งเสริมให้เจียงเยี่ยนเจริญรุ่งเรืองอย่างสมบูรณ์ บัดนี้รุ่งโรจน์จนสามารถใช้จ่ายฟุ่มเฟือยดั่งโปรยลม กองทัพมีถึงยี่สิบหมื่น และข้าทาสที่เตรียมให้กองทัพว่ากันว่ามีถึงสามสี่หมื่นคน
“การที่เจียงเยี่ยนสามารถ่เกริดก้องเกรียงไกรได้ขนาดนี้ กลับกลายเป็นปาฏิหารย์อย่างหนึ่ง” กู้อ้าวเวยที่มือหนึ่งกำลังพลิกหนังสือเปิดอ่าน ในมืออีกข้างก็ยังถือผลไม้แช่อิ่มถุงเล็กๆไว้ด้วย
การศึกสงครามบางส่วนของเจียงเยี่ยนจะร้องไห้ก็ใช่ที่จะไม่ร้องไห้เสียเลยก็ไม่ได้ ทว่าตั้งแต่ที่มีระบบข้าทาส เจียงเยี่ยนคล้ายว่าไร้ความก้าวหน้า อีกทั้งยังนำไปสู่การถูกตีชิงจากหลายแคว้นรอบข้างจนประชาชนในแคว้นได้ผันกลายเป็นข้าทาส
กุ่ยเม่ยกำลังนั่งขัดสมาธิขณะกำลังอ่านประวัติศาสตร์ท้องถิ่นพลางเอ่ยต่อ “แต่เจียงเยี่ยนมีความแข็งแกร่งมากจริงๆ ท่านอ๋องเหตุใดไม่นำเรื่องที่พวกมันกระทำรายงานแก่ฝ่าบาท ต่อให้รายงานแต่ตราบใดที่ฝ่าบาทไม่กระจายอำนาจทหาร สมควรไม่เกิดปัญหาใหญ่อะไร”
“ที่เจ้ากล่าวก็มีเหตุผลอยู่จริง แต่สิ่งที่ท่านอ๋องต้องการคือเรื่องนี้มีเพียงเขาคนเดียวที่รู้”กู้อ้าวเวยเก็บผลไม้แช่อิ่ม นำหนังสือโยนเข้าชั้นหนังสือพลางกล่าวต่อ “โลกในตอนนี้ สิ่งที่เจ้ารู้ยิ่งเยอะ เจ้าก็ยิ่งมีคุณค่า”
“เหมือนกันกับท่าน?” กุ่ยเม่ยเลิกคิ้ว
。
กู้อ้าวเวยครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งจึงพยักหน้า
กุ่ยเม่ยเองก็ปิดจดหมายเหตุท้องถิ่น “ดังนั้นท่านอ๋องถึงแม้จะถูกพบกองกำลังส่วนตัว ก็ยังมีองค์ชายสี่เป็นแพะรับบาป หรือไม่ก็อาจจะกล่าวว่าเป็นการเตรียมพร้อมยามจำเป็นเพื่อป้องกันเจียงเยี่ยน
“อาจะเป็นไปได้” กู้อ้าวเวยก็ยังไม่แน่ใจ จึงเกาศีรษะและนั่งขัดสมาธิที่ข้างๆกุ่ยเม่ย “แต่ทว่าเรื่องนี้สมควรมอบให้องค์ชายสามสะสางดีกว่า พวกเรายังมีเรื่องสำคัญอื่นที่ต้องทำ”
“อะไรกัน?”กุ่ยเม่ยชำเลืองมองนางพลางชิงถุงผลไม้แช่อิ่มกลับมา “ชิงต้ายบอกไว้ว่าท่านไม่ควรทานเยอะเกิน”
กู้อ้าวเวยเหลือกตามองบนพลันกล่าวต่อ “ครั้งนี้ชื่อเสียงของโหวเซ่อถูกโจมตีโดยไม่ได้ตั้งใจ กลับเทียนเหยียนไปข้าสมควรหาคนที่จะวางยา”
“หาใครหรือ?”
“คนแรกย่อมเป็นหู้ปู้เซ่อหลางแล้ว” กู้อ้าวเวยหัวร่อเบาๆ
นางก่อนหน้าเคยคิดที่จะยุแยงตะแคงรั่ว หากว่าในครอบครัวหู้ปู้เซ่อหลางถูกวางยาพิษประหลาดขึ้นมาอีกครั้ง ซ่านจินจื๋อจะต้องพาตัวนางไปและ ‘บังเอิญ’แก้พิษประหลาดนี้ได้ แบบนั้นหู้ปู้เซ่อหลางจะไม่ซาบซึ้งในบุญคุณของท่านอ๋อง
กลับจะคิดด้วยซ้ำว่า เหตุใดท่านอ๋องจึงมาได้พอเหมาะพอเจาะเช่นนี้ทุกครั้ง
กุ่ยเม่ยยังฉงนใจ ทว่ากู้อ้าวเวยแต่เดิมก็มีแผนการของตน ต้องโทษเหตุการณ์หมู่บ้านฉางผิงที่ป่วนแผนการของนาง ยามนี้องค์ชายสามก็ได้ทราบเรื่องของที่นี่แล้ว นางก็ทราบว่าเรื่องนี้ซ่านจินจื๋อยังหมายจะลากองค์ชายสี่ลงมาเปรอะเปื้อน เช่นนั้นเรื่องทั้งหมดก็มีเพียงแต่ต้องกลับไปสะสางอีกครั้งที่เทียนเหยียน
ขณะที่นางกำลังตระเตรียมจากไป กุ่ยเม่ยพลันคว้าตัวนาง “ใช่แล้ว ท่านยังไม่ได้บอกเลยจะเอาชิงต้ายไปไว้ไหน”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุบผาร้อยเสน่ห์
นางเอกเหมือนจะเก่งแต่ก็ยอมให้ผัวทำร้ายร่างกายตลอด...
บางคำแปลแบบ งงๆ อ่านแล้วเหนื่อยเรื่องนี้ พักก่อน...
สรุปแล้วใครคือพระเอก อ๋องจิ้งไม่เหมาะเลย ขอเป็นคนอื่นแทนได้ไหม...