บุบผาร้อยเสน่ห์ นิยาย บท 286

บทที่ 286 หยุนหว่าน

“ชิงต้ายในวัยเด็กถูกส่งเข้าจวนในฐานะบ่าว เพราะว่าตอนเกิดมาบัดซบ เกิดมาแคระแกร็น สุขภาพไม่ดีถูกคนรังแกบ่อยครั้ง แต่ฮูหยินไม่เพียงปกป้องข้า ยังนำสมุนไพรที่ไม่รู้ว่าดีถึงขนาดไหนมารักษาอาการป่วยข้า กล่าวได้ว่าชีวิตข้าได้มอบให้กับฮูหยินแล้ว”ชิงต้ายกล่าวรวดไม่มีหยุด

นี่เป็นครั้งแรกที่กู้อ้าวเวยได้ฟังเรื่องของแม่

แต่เมื่อนึกย้อนดู ในเมื่อตอนที่ชิงต้ายเข้าจวนมาในฐานะบ่าว มารดายังมีชีวิตอยู่ แต่เหตุใดในความทรงจำของนางกลับไม่เคยพบพานมาก่อน?”

อีกอย่างชิงต้ายคล้ายกับไร้ที่พึ่งพิงจริงจัง คนรักก็ตายจาก คนในครอบครัวก็ไม่อยู่แล้ว เหลือเพียงตนเองผู้เดียวจริงๆ

คิดถึงตรงนี้ กู้อ้าวเวยพลันขมวดคิ้ว “แต่ว่า.....”

“คุณหนู ชิงต้ายจะไม่ไปไหน”ตัวชิงต้ายเองส่ายหน้าระรัว “ยิ่งไปกว่านั้น นายท่านสั่งคนรับใช้ทั้งหมดในจวนไว้ว่าไม่อนุญาตให้พูดถึงเรื่องของฮูหยิน หรือคุณหนูไม่อยากรู้อยากเห็นหรือเจ้าคะ?”

“อยากรู้อยากเห็นก็เรื่องหนึ่ง แต่ความสุขของเจ้าก็อีกเรื่องหนึ่ง” กู้อ้าวเวยถอนหายใจเบาๆ “คนที่จากไปไกลแล้วเทียบไม่ได้กับคนที่อยู่ตรงหน้า เจ้าไม่ยินยอมจากไปแน่หรือ?”

ดวงตาแดงระเรื่อ เป็นครั้งแรกที่พูดด้วยน้ำเสียงน้อยเนื้อต่ำใจ “นอกเสียจากคุณหนูจะขายข้าให้ผู้อื่น”

“ไม่ขายเจ้าแน่นอน” กู้อ้าวเวยรีบฉุดนางให้ลุกขึ้น “ช่างเถอะๆ เรื่องนี้แล้วแต่โชคชะตาเถอะ ไม่แน่ใจตั้งแต่เมื่อไหร่ที่ถูกคนชักจูงเข้าแล้ว”

ชิงต้ายจึงได้หัวเราะทั้งน้ำตา

“คุณหนู อยากฟังเรื่องของฮูหยินหรือเจ้าคะ? วันนี้คุณหนูสมควรจะทราบแล้ว”

กู้อ้าวเวยพยักหน้ารับกลับไม่ได้ใส่ใจมากนัก จริงๆแล้วมารดาของโลกฝั่งนี้นางไม่เคยพบเห็นมาก่อน เพียงจำได้ว่าตอนยังเล็กท่านแม่คล้ายว่าเคยเขียนจดหมายให้ตน แต่เนื้อความเขียนอะไรบ้างนั้นลืมหมดสิ้นไปนานแล้ว

ขณะที่นางอาบน้ำ ชิงต้ายกั้นฉากบังลมนั่งอยู่บนม้านั่งด้านนอกพลางพร่ำบ่นเรื่องในอดีตของจวนเฉิงเสี้ยง

มารดาของกู้อ้าวเวยมีนามว่า ‘หยุนหว่าน’ เดิมสมควรเป็นผู้สืบทอดตระกูลหยุน แต่เนื่องจากข้อตกลงลับกับฝ่าบาทล่วงรู้มาถึงเทียนเหยียน เล่าลือกันว่ากู้เฉิงตกหลุมรักหยุนหว่านตั้งแต่แรกพบ หยุนหว่านเห็นว่ากู้เฉิงในยามนั้นเป็นผู้มีความสามารถ จึงตกหลุมรักกันและกันจนแต่งเข้าจวนเฉิงเสี้ยงในที่สุด

แต่น่าเสียดายที่กู้เฉิงมีนิสัยเจ้าสำราญ ไม่ถึงสองปีก็แต่งอนุภรรยาเข้ามามากมาย กู้ฮูหยินคนปัจจุบันเป็นนางบำเรอคนสุดท้ายที่เหลืออยู่ และตอนนั้นได้เล่าลือกันว่าหยุนหว่านลอบมีความสัมพันธ์กับบุรุษ มีคืนหนึ่งที่ต้องการหนีไปอย่างลับๆแต่กลับถูกกู้เฉิงทราบเข้า กู้เฉิงคิดว่าไฟในไม่ควรนำออกไฟนอกไม่ควรนำเข้า สุดท้ายแล้วจึงนำตัวหยุนหว่านส่งไปเรือนนอก

หยุนหว่านผิดหวังจากคนรักจนกลายเป็นอมโรค ในที่สุดก็ลาจากโลกไปในขณะที่อยู่เรือนนอก

“เช่นนั้นท่านพ่อไม่เคยสงสัยว่าข้าเป็นบุตรในคนรักของท่านแม่บ้างรึ?”กู้อ้าวเวยรับสุราชิงเหมยมา ในที่สุดก็ได้ทราบว่าเหตุใดกู้เฉิงจึงไม่เห็นหัวตน

“นายท่านเชื่อในตัวคุณหนู เพียงแต่เมื่อนึกถึงหยุนหว่านฮูหยิน ในใจมักจะโศกเศร้าอยู่เสมอจึงได้ปฏิบัติต่อคุณหนูไม่ดีนัก มิเช่นนั้นนายท่านคงไม่คุ้นชินที่คุณหนูเจ้าอารมณ์หยิ่งผยองหรอกเจ้าค่ะ” ชิงต้ายหัวร่อคิกคัก

กู้อ้าวเวยเมื่อนึกๆดู ที่ชิงต้ายกล่าวมาก็ไม่ผิด

และตอนนี้กู้ฮูหยินคนปัจจุบันที่มีบุตรสาวเพียงคนเดียวก็อาจถูกบีบไปเป็นเมียน้อย ผลช่างเลวร้ายเสียจริง

“แต่ทว่าก่อนที่หยุนหว่านฮูหยินจะจากไป มีบางอย่างแปลกๆเจ้าค่ะ” ชิงต้ายจู่ๆตบมือเนื่องจากนึกขึ้นอย่างได้กระทันหัน

“แปลกอย่างไร?” กู้อ้าวเวยเบิกตากลมเล็กน้อย นำจอกสุราในมือที่ว่างเปล่าคลึงเล่นไปมา

“ในตอนก่อนที่นางจะขึ้นรถม้า ได้โยนมีดสั้นขึ้นสนิมเล่มหนึ่งให้นายท่าน นายท่านในตอนนั้นถึงกับหน้าเปลี่ยนสีคล้ายกับด่าทอหยุนหว่านฮูหยินบางอย่าง หลังจากที่หยุนหว่านฮูหยินขึ้นรถม้า พูดว่าถึงแม้นายท่านจะสิ้นชีวิตลงนางก็จะใช้ชีวิตเป็นอย่างดี ตอนนั้นนายท่านพูดอะไรบางอย่างว่าจะเผาเจ้าให้ตาย.....”ชิงต้ายค่อยๆนึกย้อนแต่กลับไม่สามารถจำรายละเอียดเฉพาะเจาะจงได้

“ก็ไม่แปลก บางทีท่านแม่ในตอนนั้นอาจจะอยากอวดดี”กู้อ้าวเวยเอ่ยเสียงค่อยแต่มือไม้กลับรีบรับจอกสุราเป็นพัลวัน นัยน์ตาทอสีเข้ม

นางผิวเผินดูไม่พูดมาก แต่ภายในใจกลับรู้สึกได้ว่าเรื่องนี้แปลกมากเกินไปแล้ว

ชายชู้ที่ไร้ชื่อไร้แซ่ แล้วยังไม่เคยเห็นบิดาไปหาเรื่องสร้างความวุ่นวายให้กับชายชู้ผู้นี้ด้วย หรือนอกเสียจากชายชู้ผู้นี้มีอำนาจอิทธิพลใหญ่โต แต่ถ้าหากชายชู้เป็นเช่นนั้นจริงๆมารดาก็คงไม่เสียชีวิตที่เรือนนอกนั่น หรือชายชู้นั่นจะหักหลังและไม่ต้องการรับผิดชอบ ส่วนเหตุผลสุดท้ายที่ฟังขึ้นคือทั้งหมดที่เรียกว่าชายชู้เป็นเรื่องหลอกลวงที่สร้างขึ้น

ถ้ายึดตามความเข้าใจของนางที่มีต่อกู้เฉิงที่ไม่อนุญาตให้คนรับใช้พูดถึงเรื่องเหล่านี้ อาจจะเป็นไปได้ว่ายังมีเหตุผลอื่น

เมื่อนึกถึงตรงนี้นางกลับลุกขึ้นจากถังอาบน้ำผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วถามชิงต้าย “ข้าไม่เคยเห็นชื่อของท่านแม่ในห้องโถงบรรพบุรุษ”

ชิงต้ายดับไฟเทียนให้นาง ทอดถอนหายใจเสียงเบาในความมืดมิด

“สตรีที่แปดเปื้อนมัวหมองไม่สามารถเข้าห้องโถงบรรพบุรุษได้ ได้ยินว่าโลงศพของฮูหยินก็เข้าสุสานบรรพบุรุษไม่ได้เช่นกัน”

ขณะที่หลับตาในความมืด กู้อ้าวเวยเกือบจะลืมไปแล้วว่าความคิดของคนที่นี่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้

เหตุใดพวกผู้ชายถึงสามารถมีสามภรรยาสี่อนุได้ แต่พอผู้หญิงแต่งผิดคนกลับไม่สามารถหย่าร้างหรือเลือกคนรักอื่นได้เลย?

เพียงแต่ยังไม่ทันจะหลับก็ได้ยินเสียงผู้หญิงหัวเราะสดใส พร้อมเสียงดอกไม้ไฟระเบิดดังก้องหู กู้อ้าวเวยที่ตกต่นจึงคลานลงจากเตียงแล้วเปิดหน้าต่างออก

ดวงดาวพร่างพราย ทอประกายระยิบระยับแวววาว

เสียงผู้หญิงสดใสค่อยๆใกล้เข้ามา กู้อ้าวเวยย่อมฟังออกว่าเป็นเสียงของซูพ่านเอ๋อร์ ในนั้นยังผสมปนเปด้วยเสียงของซ่านจินจื๋อ กู้อ้าวเวยตะลึงเล็กน้อยพลันหัวเราะด้วยความอับจน “ที่แท้ข้าก็ได้กลับมาแล้ว”

รู้อย่างนี้ไม่ให้กุ่ยเม่ยไปวางยาพิษหรอก

อย่างน้อยที่สุดการที่นอนไม่หลับก็ยังสามารถฝึกวิทยายุทธ์กับกุ่ยเม่ยได้

จึงปิดหน้าต่างลง บังคับตนไม่ให้ไปฟังเสียงหัวเราะข้างนอกนั่น

นางไม่ควรริษยา อย่างไรซ่านจินจื๋อเดิมทีก็ไม่ใช่ของนางอยู่แล้ว

นางอดตาหลับขับตานอนตลอดทั้งคืน จนฟ้าสว่างเพิ่งหลับไปชั่วครู่ก็ถูกฝันร้ายจนผวาตื่น เมื่อคลานลงมาจากเตียงก็ลุกขึ้นไปผลัดเสื้อผ้า กลับได้ยินเสียงดังกระทบ

หยกพกซุ้มประตูที่มารดากุ่ยเม่ยเคยมอบให้นางหล่นลงบนพื้น

นางค้อมกายก้มลงไปเก็บขึ้นมา ใช้ผ้าห่อไว้อย่างระมัดระวังแล้วใส่ไว้ในถุงเงินของตน ชิงต้ายกระวีกระวาดนำสำรับเช้าเข้ามา “เมื่อสักครู่นายท่านซู๋มาพบบอกว่าที่โรงแพทย์มีคนได้รับพิษงูมา ค่อนข้างยากที่จะจัดการเจ้าค่ะ”

“ข้าจะไปเดี๋ยวนี้ล่ะ” มือกู้อ้าวเวยพลางคว้ากระเป๋าอย่างเร่งร้อนแล้วรีบออกไปข้างนอกทันที

นางวิ่งซอยเท้าถี่ๆมุ่งหน้าไปยังโรงแพทย์ กลับไม่ได้สังเกตเห็นว่าในตอนที่ออกมา ซ่านจินจื๋อที่กำลังลงมาก็ตามหลังนางมาติดๆ

ซู๋โหย่วเว่ยอยู่ที่หน้าประตู ทันทีที่เห็นนางก็รีบกวักมือเรียก “เป็นพิษของงูหางกระดิ่ง แต่ตอนที่ชาวไร่สมุนไพรกลิ้งตกลงไปในชะง่อนผาก็ไม่รู้ว่าเจออะไรเข้า แม้แต่คนที่ช่วยดูดพิษให้เขาก็โดนไปด้วย”

“ข้าทราบแล้ว”กู้อ้าวเวยผงกศีรษะแล้วรีบเข้าไปด้านใน

ซ่านจินจื๋อรั้งรวมทุกอย่างไว้ในสายตา พลันกระตุกบังเหียนม้ากลับจวน

เขาแรกเริ่มเดิมทียังคิดว่าเมื่อคืนที่กู้อ้าวเวยเห็นเขาใกล้ชิดสนิทสนมกับซูพ่านเอ๋อร์แบบนั้น วันนี้จะดีร้ายอย่างไรก็ต้องหึงกันบ้าง แต่กลับนึกไม่ถึงหลายวันที่ไม่ได้พานพบกู้อ้าวเวยกลับไม่มีความคิดคำนึงแม้สักเสี้ยว

เมื่อกลับถึงจวนซูพ่านเอ๋อร์รุดเข้ามาต่อยรับขับสู้ทันที สายตามองออกถึงความผิดหวังบนใบหน้าของซ่านจินจื๋อ “พี่จื๋อ เหตุใดจำเป็นต้องทุ่มเทกายใจเพื่อนาง ข้าเห็นนางใช้ชีวิตอย่างอิสระแต่ไม่แยแสตัวพี่จื๋อเลย”

“พ่านเอ๋อร์ ข้าได้จองเรือล่องไว้แล้ว วันพรุ่งตามข้าไปท่องทะเลสาบเถอะ” ซ่านจินจื๋อแสร้งทำเป็นมีความสุข มือข้างหนึ่งเชยคางของนางไว้ทำให้ซูพ่านเอ๋อร์ส่งเสียงไม่พอใจแต่ก็ตอบตกลง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุบผาร้อยเสน่ห์