บุบผาร้อยเสน่ห์ นิยาย บท 295

บทที่ 295 เรื่องราวการสอบขัดเลือกขุนนางในฤดูใบไม้ร่วง

ฤดูใบไม้ร่วง อากาศหนาวเย็น และวันนี้เป็นวันแรกการสอบขัดเลือกขุนนางในถูดูใบไม่ร่วงที่ไม่เคยมีมาก่อนในชางหลาน

ฝนตกปรอยๆ ทุกสิ่งทุกอย่างเต็มไปด้วยความหนาวเย็น รวมทั้งน้ำฝนที่ตกลงบนร่มนั้นก็เหมือนกัน

การสอบขัดเลือกขุนนางในวันนี้ ผู้เรียนทุกคนมาเข้าร่วมการสอบ ทำให้เมืองเทียนเหยียนจากบรรยากาศคึกคักกลายเป็นเงียบๆในตอนนี้ รถม้าที่วิ่งอยู่ในตลาดก็จะดูระมัดระวังขึ้น และกู้อ้าวเวยเปลี่ยนใส่ชุดขาวมาเป็นชุดสีฟ้าอ่อน เดินทางไปยังสถานที่ที่สอบ

อาจารย์คุมสอบมีประมาณหลายสิบคน กำลังเดินไปเดินมาที่ห้องสอบ กลัวมีคนจะโกงข้อสอบกัน

กู้อ้าวเวยวางแก้วน้ำชา หันไปมององค์ชายสามซ่านเซิ่งหานที่นั่งอยู่ข้างๆ ถามว่า “ทำไมไม่เห็นหวางโม่มาเข้าร่มการสอบคะ โจวต้ากับสวี่กุยเห็นมาแล้วนะ”

“หวางโม่บอกว่าเขาไม่อยากเป็นขุนนาง จะทำการค้าขายที่ตลาดกับเจิ้งฉิงคุน คิดว่าเงินทองสำคัญกว่าฐานะ” ซ่านเซิ่งหานตอบอย่างไร้ทางเลือก ในเทียนเหยียนนี้ใครๆก็รู้กันหมด เมื่อก่อนที่เสี่ยวเจเกิดการเผาไหม้ หวางโม่ได้เขียนตัวอักษรที่ข้างหน้าที่ทำการปกครองเมืองไว้ว่า ไม่เป็นธรรม รวมทั้งฮ่องเต้ยังโมโหมากเลยเมื่อได้ยินเรื่องนี้ แม้ว่าเขาสอบผ่าน แต่น่าจะไม่มีใครกล้ารับเขามาทำงานหรอก

“ว่าแต่ เมิ่งซู่ที่พระชายารู้จักคนนั้น ตอนนี้พาน้องชายของคุณไปรับข้าราชการเป็นเจ้าเมืองที่เมืองยิ่งโจว ตรงโน้นเป็นพื้นที่ที่ผมเคยควบคุมและจัดการพวกโจรภูเขานั้นมานะ” ซ่านเซิ่งหานพูดเบาๆ เห็นขุนนางสองสามคนนั่งอยู่ข้างๆ เขาจึงตั้งใจทำตัวต่อต้านกับกู้อ้าวเวย และพูดว่า “ถ้าพระชายาต้องการ ผมสามารถตัดสินใจให้เขาย้ายมาทำงานอยู่ที่พื้นที่ที่พระเจ้าอาควบคุมเองนะ”

ขุนนางพวกนั้นล้วนหันมามอง และรอฟังอย่างตั้งใจ

“ไม่เป็นไรค่ะ คุณชายเมิ่งจะไปอยู่ไหนก็ตามใจเขา” กู้อ้าวเวยยิ้ม และถามว่า “ไม่ทราบว่าการสอบครั้งนี้ องค์ชายสามถูกใจใครบ้างนะ”

“ก็ต้องเป็นพวกปั๋งเหยี่ยน(ผู้ที่สอบได้อันดับที่2) ถ้านฮัว(ผู้ที่สอบได้อันดับที่ 3)นั้นแหละ จอหงวน(ผู้ที่สอยได้อันดับที่ 1)นี้ น่าจะสู้กับคนอื่นไม่ได้” ซ่านเซิ่งหานถอนหายใจเบาๆ พวกขุนนางก้มหน้าลง ทำตัวไม่สนใจ

กู้อ้าวเวยนิ้มอย่างเดียว มองดูขุนนางพวกนั้นไปทีละคน ตลกเหลือเกิน

พวกเขาเหมือนไม่เคยเจอว่า มีผู้หญิงเข้าร่วมงานในการสอบคัดเลือกขุนนาง แต่ก็เพราะกู้อ้าวเวยมีอำนาจอย่างสูง เลยมีแต่ก้มหน้าลง และได้แต่รับปากครับผมลูกเดียว ไม่กล้าพูดอะไรสักคำ

เบื่ออยู่กับพวกเขาแล้ว เธอลุกขึ้น เพราะชิงต้ายเข้ามาไม่ได้ ตอนนี้มีแต่กุ่ยเม่ยคนเดียวที่อยู่ข้างเธอ สองคนไปเดินดูในห้องสอบ ผู้สอบบังคนเห็นเธอแล้วรู้สึกตกใจมาก

เธอได้รับสายตาของพวกเขาที่เต็มไปด้วยความตกใจ กู้อ้าวเวยกลับไปนั่งที่เดิม เธอหาวอย่างน่าเบื่อและพูดว่า “ได้ยินว่าโจรภูเขาที่อยู่เมืองยิ่งโจว ยังถูกขังตัวอยู่ องค์ชายสามจะจัดการพวกมันยังไงคะ”

“โจรบางคนไม่รู้มาจากที่ไหน ต้องตรวจให้ชัดเจนก่อน” ซ่านเซิ่งหานตอบ

“ต่างประเทศให้ราชทูตมาเมืองเทียนเหยียน...”

สองคนคุยเรื่องราวที่เกี่ยวกับการเมืองของแคว้นชางหลานอย่างไม่สนใจคนข้างๆ พวกขุนนางได้ยินแล้วทั้งตกใจและกลัว

ทำไมพระชายาจิ้งรู้จักเรื่องราวการเมืองมากขนาดนี้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของพวกโจรขี่ม้า หรือเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับเงื่อนไขที่ราชทูตเสนอขึ้นมานั้นก็ตาม รวมทั้งเรื่องของการเก็บเกี่ยวในฤดูใบไม้ร่วงภาคใต้ ก็ยังสามารถพูดมาได้อย่างมีเหตุมีผล และองค์ชายสามยิ่งตอบเธอได้อย่างคล่องแคล่วและถูกต้อง ทำให้คนอื่นเขาชื่นชมมาก

มีแต่กุ่ยเม่ยเข้าใจว่า ที่สองคนคุยกัน เพื่อให้พวกขุนนางเห็นความสามารถของตัวเอง และให้เห็นว่า องค์ชายสามไม่ใช่คนโง่ๆที่ไม่มีความสามารถ อย่างที่จริงแล้ว สองคนนี้ยังได้แลกเปลี่ยนข่าวสารไม่น้อย โดยการพูดอ้อมที่ตั้งใจพูดถึงเรื่องที่ไม่เกี่ยวข้อง เพื่อดึงดูดความสนใจของคนอื่น

คุยกันได้ประมาณครึ่งชั่วโมง กู้อ้าวเวยรู้สึกปากแห้ง ดื่มน้ำ และพูดว่า “ฝนยิ่งตกยิ่งหนักแล้วนะ”

“ใช่ครับ” ซ่านเซิ่งหานเห็นกู้อ้าวเวยเปลี่ยนเรื่อง เลยดื่มน้ำชาและไม่ได้พูดต่อ

กู้อ้าวเวยลุกขึ้น พร้อมพูดว่า “ฉันจะไปจวนเฉิงเสี้ยงก่อน น้องสาวตั้งครรภ์ ฉันต้องไปช่วยรักษาด้วย”

พูดจบ รีบเดินออกไปข้างนอกอย่างรวดเร็ว พวกขุนนางโล่งใจขึ้นทันที แต่ยังไม่ทันพูดอะไรเลย เห็นกู้อ้าวเวยกับกุ่ยเม่ยกลับเข้ามาอย่างรีบร้อน เธอเดินไปหาซ่านเซิ่งหานโดยตรง พูดว่า “เมื่อก่อน ฮูหยินของคุณมาจี้เซ่อถาง บอกว่าไม่ค่อยสบาย สงสัยเป็นหวัดมั้ง เดี๋ยวฉันจะไปตรวจให้เธอที่จวนของคุณนะคะ”

“ขอบคุณครับ พระชายา” ซ่านเซิ่งหานรีบลุกขึ้นและขอบคุณเธออย่างจริงจัง

กู้อ้าวเวยยกมือ และจากไปอย่างแท้จริงในครั้งนี้

พวกขุนนางเริ่มคุยกันต่อ เมื่อพระชายาจิ้งพูดถึงเรื่องการเมือง ก็ดูเป็นเป็นพระชายาอย่างแท้จริง แต่พอพูดถึงรักษาคนไข้ จะดูเหมือนคุณหมอมากกว่า ทำให้คนอื่นเขาสับสนเหลือเกิน

ซ่านเซิ่งหานแอบยิ้มอยู่ข้างๆที่ไม่มีใครมองเห็น กู้อ้าวเวยคนนี้ สนุกจริงๆ

จากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของกู้อ้าวเวยหายทันที หลังจากเหตุการณ์ที่เลือดต้องล้างด้วยเลือดแล้ว โลงศพของแม่เธอยิ่งไม่มีข่าวเลยว่าอยู่ที่ไหน สิ่งที่แตกต่างกัน ก็คือ กู้ฮูหยินกับกู้เฉิงทำดีกับเธอมากอย่างกระทันหาร แต่ยิ่งทำให้เธอสงสัยอีก

มาถึงจวนเฉิงเสี้ยง ตรวจชีพจรให้แก่กู้จี้เหยาตามปกติ พูดว่า “ทุกอย่างปกติดี แต่ฉันไม่ใช่หมอตำแย ถึงตอนนั้นแล้ว ต้องให้พวกเธอมาตรวจให้ด้วยว่าตำแหน่งของทารกในครรภ์ดีหรือไม่”

หลังจากกู้จี้เหยาตั้งครรภ์ จะดูอ่อนโยนมากขึ้นกว่าปกติ กู้อ้าวเวยมาดูแลเธอทุกวัน ตอนนี้จึงรู้สึกดีกับกู้อ้าวเวยขึ้น ยิ้มและพูดว่า “ขอบคุณพี่สาวมากค่ะ”

“อีกไม่กี่วัน งานเลี้ยงในวังใกล้จะมาถึงแล้ว ราชทูตที่มาจากต่างประเทศ ก็จะเข้ามาขอโทษหรือขอดีกันกับ...” กู้อ้าวเวยไม่อยากให้เธอไปร่วมงานนี้จริง ถ้าไปแล้วจะอันตรายมาก

แต่ตอนนี้ซ่านจินจื๋อไม่อยู่ ถ้าไม่ไป ยิ่งไม่มีคนไปเป็นตัวแทนของตำหนักอ๋องแล้ว”

“ต้องไปครับ” กู้เฉิงยืนอยู่ข้างๆและพูด ไม่สนใจกู้ฮูหยินที่จับแขนเสื้อของเขาอย่างน่าสงสาร พูดว่า “เวยเอ๋อฉลาด เธอรับผิดชอบงานในการต้อนรับราชทูตที่มาจากต่างประเทศแล้วกัน ส่วนจี้เหยา ไปเพื่ออวดร่ำอวดรวยเฉยๆ

แต่กู้อ้าวเวยเข้าใจว่า กู้เฉิงมีเป้าหมายอะไร

การที่ให้หลานที่รักของเขาที่ใกล้จะคลอดนี้ ไปเสนอตัวต่อหน้าฮ่องเต้ ก็เพื่อได้ใจผู้คนแค่นั้นเอง

“คุณบิดาคะ เธอตั้งภรรค์อยู่ ไม่ควรไปที่วุ่นวายขนาดนั้นนะ” กู้อ้าวเวยพึ่งพูดจบ กู้เฉิงมองเธอด้วยสายตาอย่างโหดร้าย และว่าเธออีก

กู้อ้าวเวยยอมรับอย่างไร้ทางเลือก กู้เฉิงบอกว่าจะให้คนตามไปปกป้อง ย่อมไม่มีข้อผิดพลาดอะไร

ตอนกลางคืนในวันสอบคัดเลือกขุนนาง ฝนตกหนัก

กู้อ้าวเวยศึกษาวิธีทางแพทย์อยู่ในตำหนักอ๋องที่ใหญ่โต ผู้เรียนที่มาเข้าร่วมการสอบนั้น กำลังพยายามทำงานอย่างตั้งใจ ต้องใช้เวลาสองวันหนึ่งคืน จึงสามารถตัดสินบทความได้ และต้องใช้เวลาสองชั่วโมงในหนึ่งวัน เพื่อให้อาจารย์ที่翰林院ถามคำถามทีละคน เป็นการทดสอบที่ตั้งขึ้นมาใหม่

เมื่อถึงตอนกลางคืนอย่างสงบเงียบ กุ่ยเม่ยพาคนหนึ่งมาที่วิหารเฟิ่งหมิงของเธอ

กู้อ้าวเวยวางพู่กันในมือ เห็นจูเย่นเปียกเกือบทั้งตัว จึงบอกว่า “ชิงต้าย คุณไปเอาน้ำซุปขิงมาสองถ้วย กุ่ยเม่ย คุณเอาจดหมายที่ฉันเขียนเสร็จส่งไปที่จวนของคุณม่านเมิ่งกับคุณม่านซู๋ เป็นใบยารักษาที่พวกเขาเคยขอมา”

กุ่ยเม่ยกับชิงต้ายจากไป จูเย่นจึงเดินมาข้างหน้าและถามว่า “คุณให้พวกเขาจากไปหมดแล้ว ไม่กลัวพวกผมจะฆ่าคุณเหรอ”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุบผาร้อยเสน่ห์