บุบผาร้อยเสน่ห์ นิยาย บท 322

บทที่ 322 นำคำมาบอกถึงบ้าน

“คิดจะใช้หนังสือการแพทย์สองเล่มไล่ข้าเชียวหรือ?”

กู้อ้าวเวยช่วงชิงหนังสือการแพทย์สองเล่มนั้นกลับมา พลิกเปิดดูสองสามแวบด้วยรอยยิ้มแป้น แต่หลังจากอ่านสารบัญก็หุบรอยยิ้ม เริ่มอ่านอย่างตั้งอกตั้งใจสักพัก และกอดมันอย่างระมัดระวัง

จะว่าไปแล้วซ่านเซิ่งหานก็อยู่ร่วมใต้ชายคาเดียวกันกับกู้อ้าวเวยมาเป็นเวลานาน เขารู้สึกสรรเสริญต่อการที่กู้อ้าวเวยเป็นคนตั้งใจทำงานขนาดนี้อย่างมาก

“เจ้าต้องการให้ข้าขอบคุณเจ้าอย่างไร?” ซ่านเซิ่งหานทำเพียงยิ้มๆ หย่อนตัวนั่งเอง และรินชาให้ตัวเองหนึ่งแก้ว

กู้อ้าวเวยกอดหนังสือนั่งลงตรงข้ามกับเขา พลางยิ้ม “ข้าต้องการพื้นดินที่อยู่นอกเมืองเทียนเหยียน เอามาปลูกดอกไม้ ปลูกดอกไม้ที่เหมาะกับการทำแต้มชาด”

ปลูกดอกไม้?” ซ่านเซิ่งหานไม่เข้าใจเอาเสียเลย

“ใช่แล้ว” กู้อ้าวเวยพยักหน้า “ตอนนี้ฉีหรัวรับช่วงดูแลสำนักเยียนหยู่เก๋อเป็นการชั่วคราว ถ้าหากมัวแต่ชะล่าใจส่วนที่ถูกฉีหมิงกินอย่างเอาตาย ยิ่งทำให้เกรงกลัวว่าฉีหยู่จะมาหาเรื่องแย่งชิงกิจกาจครอบครัวอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน แต่หากนางมีกองกำลังของตัวเอง วันหน้าต่อให้ไม่อยู่สำนักเยียนหยู่เก๋อแล้ว นั่นก็เป็นการประสบความสำเร็จอย่างหนึ่ง”

ซ่านเซิ่งหานรับฟัง ยิ่งไม่เข้าใจไปกันใหญ่ “เจ้าก็ดีต่อฉีหรัวสหายผู้นี้จริงๆ นั่นแหละ”

“แต่ไรมาข้าไม่เคยทำเรื่องที่ไร้ประโยชน์กับข้า แม้ฉีหรัวจะเป็นเพื่อนข้า แต่สุดท้ายก็ยังไม่ได้สนิทกับข้าเหมือนหยินเชี่ยวอยู่วันยังค่ำ” กู้อ้าวเวยกะพริบตาให้เขาอย่างน่าสนใจ ปายเสาร้องเหมียวๆ หมายจะขุดดินใต้ต้นไม้ กู้อ้าวเวยรีบวางหนังสือลง เพื่อไปหิ้วปายเสากลับมา

ซ่านเซิ่งหานไม่เข้าใจการกระทำเหล่านี้ของกู้อ้าวเวย แต่ก็รู้ว่านางเฉลียวฉลาดยิ่งนัก

“เรื่องนี้จัดการได้ง่ายมาก พรุ่งนี้ก็จะส่งคนไปจัดซื้ออย่างลับๆ ที่มาวันนี้ ยังมีเรื่องของบิดาเจ้าอยากจะพูดด้วย” ซ่านเซิ่งหานหุบยิ้มด้วยเช่นกัน พลางเล่าเรื่องของกู้เฉิงกับกู่เซิงโดยละเอียด

รวมถึงกู้เฉิงตั้งใจเป็นจักจั่นลอกคราบไปสู่ความตาย ให้ลูกชายที่มีวุฒิภาวะซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางราชสำนัก ซ่านเซิ่งหานคอยผสมโรงผลักคุณงามความชอบแห่ง เมืองยิ่งโจวทั้งหมดให้กับกู่เซิง เพื่อให้กู่เซิงรับสืบทอดตำแหน่งเฉิงเสี้ยงได้สะดวกราบรื่น รวมถึงหลังจากกู้เฉิงถูกช่วยเอาไว้ก็เปลี่ยนชื่อแซ่เป็นพ่อค้าแห่งเมืองหยูโจว ถึงตอนนั้นค่อยรับ กู่เซิงกลับมาอีกครั้ง โดยบอกว่ากู่เซิงเป็นลูกที่พลัดพรากของเขา และปฏิบัติอย่างถูกต้องตามครรลองอีกครั้งภายใต้พระเนตรของฮ่องเต้

ดวงตากู้อ้าวเวยค่อยๆ หรี่ลง แต่กลับไม่ได้มีความผิดแผกตามที่ซ่านเซิ่งหานจินตนาการเอาไว้ ตรงกันข้ามทำเพียงถอนใจเบาๆ “กู้เฉิงทำงานหนักมานานกว่าสามสิบปีสำหรับเรื่องนี้”

“เจ้าไปรู้มาจากไหน” ซ่านเซิ่งหานมุ่นคิ้ว กู้อ้าวเวยดูลำบากเล็กน้อย

“ข้ารู้มาจากไหนมันไม่สำคัญหรอก ที่สำคัญคือเขาเห็นข้ากับกู้จี้เหยาเป็นลูกที่ถูกทอดทิ้ง ถ้าหากในตอนแรกกู้จี้เหยาไม่ได้แต่งเข้าตำหนักอ๋อง ป่านนี้ไม่ใช่ว่าต้องเข้าไปนอนในโลงแล้วหรือ” กู้อ้าวเวยหัวเราะเย็นชาหนึ่งครั้ง “คนอย่างนี้ท่านเหลือกู่เซิงไว้บงการนับว่าไม่เลวเลย แต่ขอเพียงกู่เซิงคนนี้ไม่โง่ กู้เฉิงก็คงอยู่ได้ไม่พ้นสามปีหรอก”

มองดูความเย็นชาบนใบหน้าของกู้อ้าวเวย เป็นครั้งแรกที่ซ่านเซิ่งหานต้องขมวดคิ้วมุ่นเป็นปมให้กับนาง

“เจ้าเกลียดที่เขาเห็นเจ้าเป็นหมากรึ?”

“ข้าเกลียดที่ปีนั้นเขาฆ่าท่านแม่ของข้า” กู้อ้าวเวยหันหน้ามองไปทางเขาอย่างจนปัญญา “ถึงแม้ข้าจะไม่เคยเห็นท่านแม่มาก่อน แต่ในเมื่อเขาเล่นสนุกกับชะตาชีวิตของท่านแม่ข้า วันนี้ต่อให้ถูก กู่เซิงคนนั้นฆ่าตาย ก็คงเป็นเพราะเวรกรรมตามสนอง”

ซ่านเซิ่งหานมองไปที่นาง “หากเจ้าเป็นชาย ไม่แน่ว่ายังจะพอประสบความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่ได้”

“ข้าเป็นชายก็ดี หญิงก็ดี ก็แค่อยากแก้ไขเรื่องนี้ให้เสร็จแล้วมีอิสระเสรีชั่วชีวิต” ทันใดนั้นกู้อ้าวเวยกับยิ้มให้เขาขึ้นมา ภายใต้แสงจันทร์สุกสกาวนี้มันกลับดูสวยงาม

“เจ้ายังอยากแก้ไขเรื่องอะไรอีก” ซ่านเซิ่งหานจนปัญญา

“ย่อมต้องเป็นการแก้แค้นอยู่แล้วสิ รอพวกเขาเอาของที่ติดค้างข้ามาคืนแล้ว นั่นมันก็คงเกือบๆ แล้วล่ะ” กู้อ้าวเวยกอดปายเสาพลางนั่งลง เห็นสีหน้าซ่านเซิ่งหานดูแปลกๆ จึงเอ่ยต่อ “แต่ว่าท่านวางใจได้ ข้าบอกว่าจะช่วยท่านขึ้นเป็นฮ่องเต้ก็คือจะช่วยท่านขึ้นเป็นฮ่องเต้”

“ให้ข้าขึ้นเป็นฮ่องเต้ก็เพื่อจะแก้แค้นใคร” ซ่านเซิ่งหานกระตุกมุมปาก รู้สึกเพียงว่ากู้อ้าวเวยพูดเหตุผลอะไรออกมา เขาก็ไม่รู้สึกว่ามันแปลก

กู้อ้าวเวยหัวเราะคิกคักออกมา ตบผิวโต๊ะหัวเราะอยู่เนิ่นนานกว่าจะหยุดลง ค้ำใบหน้ามองไปที่เขา “ข้าเพียงแต่รู้สึกว่าท่านขึ้นเป็นฮ่องเต้ จะต้องทำให้ผู้คนจำนวนมากปลดเปลื้องจากทะเลแห่งทุกข์เข็ญได้อย่างแน่นอน นี่มันรวดเร็วกว่าการที่ข้าช่วยรักษาทีละคนๆ เอาไว้อีกนะ”

“ไม่แน่ใจข้าอาจเสแสร้ง” ซ่านเซิ่งหานก็ค้ำใบหน้ามองที่นางเช่นกัน

“ท่านคิดว่าครั้งก่อนที่ข้าอยู่ห้องเดียวกันกับท่าน ข้าทำเพียงแค่ท่องรายชื่อเท่านั้นจริงๆ หรือ” กู้อ้าวเวยเอียงศีรษะ “บางทีแม้แต่ตัวท่านเองอาจจะไม่รู้ ขอเพียงท่านเอ่ยถึงเรื่องเลวทรามอะไรสักอย่างที่มีคนบางกลุ่มทำลงไป ก็มักจะแสดงสีหน้าประหลาดๆ เหมือนกับกินของไม่สะอาดแต่กลับเพราะเรื่องบางอย่างจึงไม่อาจขย้อนมันออกมาได้”

ตกตะลึงครู่หนึ่ง ซ่านเซิ่งหานลูบใบหน้าของตัวเอง ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวเลย

ก็แม้แต่เยว่ที่อยู่บนชายคายังขมวดคิ้ว เหตุใดนางติดตามเคียงข้างกายซ่านเซิ่งหานมาตั้งนานขนาดนี้แล้ว ยังไม่เคยสังเกตถึงรายละเอียดเหล่านี้เลย

อย่างไรก็ตามทั้งหมดนี้เป็นเพียงความเคยชินของกู้อ้าวเวยเท่านั้น

คนเป็นหมอ หากพลาดรายละเอียดใดๆ ไปก็เป็นไปได้ว่าจะก่อความผิดพลาดครั้งใหญ่ได้ เมื่อเวลาผ่านไป นางไม่เพียงแต่เรียนรู้ที่จะจริงจัง แต่ยังนำนิสัยการเคยชินนี้มาใช้ในชีวิตประจำวันยามปกติอีกด้วย

“ท่านเป็นคนดีคนหนึ่ง ต่อให้ทำเรื่องร้ายๆ มากแค่ไหน ท่านก็เป็นคนดีคนหนึ่ง เหมาะสมจะเป็นฮ่องเต้แล้ว” กู้อ้าวเวยเห็นเขาไม่พูดไม่จา จึงกระแอมไออย่างทำตัวไม่อยู่หลายที

“ข้าก็หวังว่าจะเป็นอย่างที่เจ้าพูด” ซ่านเซิ่งหานยิ้มบางๆ

กู้อ้าวเวยปราดมองสีท้องฟ้าแวบหนึ่ง ก่อนเอ่ยอย่างจนปัญญา “แต่ว่าคราวหน้าท่านอย่าได้เข้ามาอย่างโจ่งแจ้งแบบนี้อีกเชียว”

“นี่มันไม่มีทางเลือก เรื่องของกู้เฉิงกู่เซิงข้าไม่กล้ายืมปากคนอื่นมาบอกเจ้า” ซ่านเซิ่งหานเองก็จนปัญญา แต่ว่ากลับยังคงกวักมือไปทางเยว่ เรียกให้นางลงมา

เยว่กลับเหลือบไปยังบริเวณมืดๆ ซึ่งอยู่ไม่ไกลออกไปแวบหนึ่ง ก่อนโรยตัวลงมาข้างกายซ่านเซิ่งหาน

“ไปกันเถิด”

“เพคะ พระองค์องค์ชายสาม” เสียงของเยว่คล้ายกับดังไปหน่อย

ซ่านเซิ่งหานกลับไม่ได้ตระหนักว่ามีอะไรผิดสังเกต ทำเพียงพาเยว่กระโดดออกไปบนชายคาบ้านด้านข้าง

ส่วนกู้อ้าวเวยกลับคว้าเปล่าๆ เอาไว้ครู่หนึ่ง เหมือนกับรับรู้ถึงปัญหาอะไร ทำเพียงรีบเผ่นออกไป ถือโคมไฟเริ่มค้นหาในละแวกใกล้เคียงทันที ทว่าเห็นเพียงแต่กลุ่มคนรับใช้ที่ลาดตะเวนยามกลางคืนกลุ่มหนึ่ง เห็นว่ากู้อ้าวเวยดูเหมือนกำลังหาของ จึงรีบเข้ามาทัก “พระชายา กำลังหาของสิ่งใดอยู่หรือ”

“พวกเจ้าเพิ่งเข้ามา?” กู้อ้าวเวยตกใจพวกเขาจนโคมไฟในมือเกือบตก

“ใช่” คนรับใช้หลายคนถอยหลังเล็กน้อย เห็นกู้อ้าวเวยมุ่นคิ้วเดินวนรอบอยู่กับที่ จึงรีบเดินตาม “ให้พวกเรากลับวิหารเฟิ่งหมิงไปกับท่านดีกว่า”

กู้อ้าวเวยคิดสักครู่ ก่อนพยักหน้า พาคนกลับวิหารเฟิ่งหมิง

มันแปลกๆ แล้ว ปกติเยว่ไม่เรียกซ่านเซิ่งหานแบบนี้ ไม่เรียกว่าองค์ชายสามก็เรียกว่าพระองค์ เรียกซ้อนกันมักรู้สึกว่ามันพิลึกๆ อยู่ ดูเหมือนกำลังส่งข่าวให้กับใครสักคนอยู่ แต่ออกมาเดินวนรอบแล้วก็ยังไม่เห็นใครเลย

นางคิดมากไปเองกระมัง หลังจากผ่านประสบการณ์เรื่องหน้าผาไป๋เฉ่า ซ่านเซิ่งหานต้องอบรมลูกน้องเป็นอย่างดีถึงจะถูก

เมื่อกลับมาถึงในวิหารเฟิ่งหมิง นางยังคงไม่ได้กลิ่นยาอ่อนๆ กลิ่นนั้น

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุบผาร้อยเสน่ห์