บุบผาร้อยเสน่ห์ นิยาย บท 325

บทที่ 325 ถูกขังในเทือกเขา

“โอ้ย” ซ่านเซิ่งหานรู้สึกเพียงว่าแผ่นหลังปวดแปลบผ่าวๆ ขึ้นมา

กู้อ้าวเวยรีบก้มหน้าลงไปมองดูเขา ซ้ำยังคิดอยากจะปีนป่ายขึ้นมา รู้สึกเจ็บข้อเท้าซ้าย ขณะนั้นนางกลอกตาขาวเต็มแรง นางช่างหาเรื่องใส่ตัวจริงๆ เลย แผลคราวก่อนยังไม่ทันหายดี ครั้งนี้เท้าก็ดันมาเจ็บอีกแล้ว

นางรีบปรับเปลี่ยนอิริยาบถที่เหมาะสมพลางนั่งลง ความเจ็บปวดจึงผ่อนคลายลงบ้าง

“ไม่เป็นไรกระมัง” ซ่านเซิ่งหานไม่แยแสความเจ็บที่แผ่นหลัง รีบตะกายขึ้นมามองทางกู้อ้าวเวย เห็นว่าส่วนศีรษะของนางไม่ได้บาดเจ็บ หัวใจหวิวๆ ก็พลันเบาลงมาบ้าง

กู้อ้าวเวยกลับตบหัวไหล่ของเขา “ท่านไปดูรอบๆ หน่อยว่ามีบ่อน้ำแร่หรือไม่ พาข้าไป ข้าจะจัดการปากแผลให้ท่านเสียหน่อย”

ซ่านเซิ่งหานมองสำรวจรอบด้าน ก็แต่มีสีหน้าสับสนเช่นกัน

อย่างไรก็ตามเรื่องที่หยินเอ่อวิ่งกระเจิงแบบนี้มันเกิดขึ้นแบบไม่คาดคิดจริงๆ ก็ไม่รู้ว่าม้าสองตัวไล่ล่าไปนานเท่าไร มุ่งไปยังทิศทางใดแล้ว เมื่อครู่เขาสนใจแต่จะทำกู้อ้าวเวยลงมา กลัวเหลือเกินว่านางจะโรยแรงบนหลังม้า ตอนที่ตกลงม้ายิ่งไม่รู้ทิศทางเข้าไปใหญ่ ตอนนี้หากจะหาที่ตั้งของค่าย มันก็ช่างยากเย็นเหลือเกิน

พยักหน้าพลาง ซ่านเซิ่งหานไม่แยแสความเจ็บปวด รีบไปเสาะหา เดินสักพักจึงหาลำธารเล็กๆ สายหนึ่งเจอ ต้นน้ำแร่น่าจะอยู่ไม่ไกลแล้ว มันใสสะอาดยิ่งนักแต่กลับไม่ได้มีน้ำมากมายเท่าใด

ซ่านเซิ่งหานรีบวิ่งกลับไปอย่างรวดเร็ว เห็นว่ากู้อ้าวเวยใช้กิ่งไม้และผ้าขี้ริ้วพันรอบข้อเท้าซ้ายของตนจนแน่น ในมือของตนยังคงกำไม้สองชิ้นพันเข้าด้วยกันทำเป็นไม้เท้าอย่างง่าย กะเผลกเดินไปทางฝั่งเขา “หาเจอแล้ว?”

“ขาของเจ้า...” ซ่านเซิ่งหานเห็นว่าขอของนางค่อนข้างบิดเบี้ยว ซ้ำยังบวมเป่ง

“ข้ายังมียาอยู่ในนี้ เพียงแต่กลับไปอาจจะต้องให้คนมาช่วยดัดกระดูกให้” กู้อ้าวเวยโบกมือ ก่อนตบเข้าที่ถุงยาเล็กๆ ช่วงเอวของตน ข้าวของในนี้มีไว้เพื่อยามจำเป็น

ซ่านเซิ่งหานหมายจะแบกนางขึ้นมา กู้อ้าวเวยโบกมือ “ด้านหลังของท่านมีแผล พยุงข้าก็พอแล้ว แหล่งน้ำอยู่ไกลหรือไม่”

กู้อ้าวเวยใบหน้าซีดขาว การแสดงออกบนใบหน้ากลับสุขุมสำรวม ในใจซ่านเซิ่งหานค่อนข้างมีน้ำโห มุ่งตรงไปอุ้มนางขึ้นมา ปฏิกิริยาตอบสนองแรกของนางกลับทุบไปที่ไหล่ของเขา “ยังดีที่แขนของท่านไม่ได้บาดเจ็บ ไม่เช่นนั้นท่านเคลื่อนไหวขนาดนี้ แขนอาจจะข้อเคลื่อนจนหมด”

“เจ้าไม่เจ็บ?” ซ่านเซิ่งหานยิ่งโกรธขึ้ง ก่อนเตะ “ไม้เท้า” ที่ใช้กิ่งไม้สองอันมัดรวมเข้าด้วยกันเขี่ยไปไว้ด้านข้าง

กู้อ้าวเวยยู่ปาก ก่อนปราดมองเท้าของตนแวบหนึ่ง สูดลมหายใจหนึ่งเฮือก “ยังไหว พอทนได้”

“เจ็บก็บอก”

“บอกไปยิ่งเจ็บกว่าเดิม” กู้อ้าวเวยมองเขา ดวงตาสองข้างดูเหมือนมีแสงเปล่งประกายเล็กน้อย

ซ่านเซิ่งหานไม่เอ่ยวาจา รู้ว่าความจริงแล้วกู้อ้าวเวยกลัวเจ็บ เพียงแต่กลั้นตัวเองไว้เท่านั้น

คนที่แข็งแกร่งเช่นนี้ ได้แค่ทำให้ผู้คนรู้สึกน่ากลัว เพราะว่าพวกนางสามารถต้านทานความอ่อนแอตามสัญชาตญาณไว้ได้

แต่ว่าคนในอ้อมอกเบาหวิว สำหรับคนที่ร่ำเรียนวิทยายุทธ์อย่างพวกเขาแล้วแทบจะไม่มีน้ำหนักอะไรเลย ส่วนนางดูเหมือนจะทำเพื่อบรรเทาความเจ็บปวด กลีบปากถึงได้แต่บ่นพึมพำ ท่องชื่อขนมขบเคี้ยวออกมามากมาย

ซ่านเซิ่งหานฟังนางนับอย่างถี่ถ้วน ดูเหมือนจะผ่อนคลายลงด้วยเช่นกัน

มายังด้านข้างลำธารเล็กๆ เดิมทีเขายังนึกจะโน้มเอววางนางลง แต่กู้อ้าวเวยกลับพลิกตัวลงมาดื้อๆ โดยร่วงลงพื้นด้วยท่าทางแปลกประหลาด ให้เท้าขวาร่วงลงไปก่อน ดูเหมือนจะเจ็บหน่อยๆ ขมวดคิ้วกวักมือเรียกเขา “อย่าก้มตัวลงเชียว การบาดเจ็บที่หลังถ้าหากเจ็บจนถึงกระดูกสันหลังก็จบเห่แล้ว”

ซ่านเซิ่งหานตกใจกับการเคลื่อนไหวเมื่อครู่ของนาง เห็นว่านางไม่เป็นไรก็ปรนลมหายใจออกมา ก่อนค่อยๆ หย่อนตัวนั่งลง

กู้อ้าวเวยทำความสะอาดปากแผลให้เขาก่อนเป็นอันดับแรก จากนั้นจึงหยิบยาในถุงยาเล็กๆ ออกมา แต้มยาใส่บนปากแผลที่แผ่นหลังให้เขา และฉีกเสื้อผ้าของตนออกมาอีกครั้งเพื่อพันห่อให้เขาเป็นอย่างดี หลังจากนั้นก็สวมอาภรณ์กลับคืนให้เขา

ซ่านเชียนหยวนกำลังนึกได้ว่าจะต้องอุ้มนาง กู้อ้าวเวยกลับเอนพิงหินก้อนใหญ่ที่อยู่ด้านข้าง มองทางเขา “ท่านไปหากำลังเสริมก่อนเถิด ข้าจะรอท่านที่นี่”

“ไปด้วยกัน” ซ่านเซิ่งหานมุ่นคิ้ว หมายจะไปคว้านาง

“ว่าตามเนื้อผ้า ไม่เอ่ยถึงมิตรภาพ” กู้อ้าวเวยเบี่ยงหลบเล็กน้อย มองเขาอย่างจริงจัง ทันใดนั้นบนหน้ามีเหงื่อพรายผุดขึ้นไม่น้อย “ท่านไปคนเดียวจะเดินเร็วกว่า เอาข้าไปด้วยหากหลงทางขึ้นมาพวกเราสองคนก็อย่าคิดจะออกไปเลย”

“ถ้าฟ้ามืดแล้วข้ายังไม่พบลู่ทาง เจ้าเตรียมตัวนอนค้างคืนที่นี่แล้ว?” ซ่านเซิ่งหานชำเลืองมองสถานที่วิเวกวังเวงแห่งนี้แวบหนึ่ง แม้แต่ต้นไม้ในดงป่าผืนนี้ยังสูงชะลูดขึ้นไปมาก

กู้อ้าวเวยสำลักหนึ่งที

ซ่านเซิ่งหานปั้นหน้าขรึมแล้วช้อนนางขึ้นอุ้ม พลางเอ่ยเสียงเข้ม “พวกเรากลิ้งลงมาตามทางลาด แค่เดินไปตามนั้นก็สิ้นเรื่องแล้ว”

“แต่...”

“เลือดจะดึงดูดสัตว์ป่าเข้าหา เจ้าอยู่คนเดียวที่นี่คงตายสถานเดียวแล้ว” ซ่านเซิ่งหานออกเรี่ยวแรงมากขึ้นหน่อย เห็นกู้อ้าวเวยเจ็บจนสูดลมหายใจเย็นๆ หนึ่งเฮือกพลางจ้องเขาเขม็ง จึงใจอ่อน ไม่มีทางอื่น “เจ้าอยากตายหรือ”

“ข้าไม่อยากตาย” กู้อ้าวเวยส่ายหน้า คิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนยกมือขึ้นโอบลำคอของเขาเอาไว้ “แผ่นหลังกับหัวไหล่เชื่อมต่อกัน ข้าโอบลำคอของท่านเอาไว้ ท่านคงเมื่อยคออยู่หน่อยกระมัง”

มองดูคนที่ยังคิดจะออกแรงอยู่ในอ้อมกอดตน ซ่านเซิ่งหานงุนงงเล็กน้อย ก่อนพยักหน้าแน่นิ่ง อุ้มนางพลางเดินไปข้างหน้า กู้อ้าวเวยอยู่ในอ้อมอกของเขา ร่างกายยังคงสั่นระริก ดูเหมือนว่านึกถึงเรื่องเมื่อครู่แล้วเริ่มรู้สึกกลัวขึ้นมาจริงๆ ในกลีบปากกลับฮัมเพลงขับร้องซึ่งมีแค่เด็กเท่านั้นที่จะทำ

กลิ้งลงมาจากเขาแค่แปบเดียว แต่หากจะปีนป่ายตามร่องรอยก่อนหน้านี้ขึ้นไป มันก็ค่อนข้างลำบากแล้ว

ซ่านเซิ่งหานปีนได้สักพัก กู้อ้าวเวยก็ให้เขาวางตนลงมา หาพื้นที่ราบสักแห่งเพื่อหยุดพัก “ไม่สู้ก่อไฟดีกว่ากระมัง บางทีหากมีควันพวกเขาจะยิ่งหาพวกเราพบได้ง่ายขึ้น”

“ฟ้าใกล้มืดแล้ว” ซ่านเซิ่งหานก็มีบทวิเคราะห์ของตัวเอง “หากสัตว์ป่าเห็นว่าในภูเขามีแสงไฟละก็ เรื่องมันจะไปกันใหญ่ ถึงตอนนั้นพวกเราสองคนจะฝังร่างที่นี่อย่างง่ายดายเสียมากกว่า”

ทั้งสองสบสายตากันแวบหนึ่ง คิดว่าปีนเขาขึ้นไปดีกว่า

นี่เป็นละแวกใกล้เคียงของสนามล่าสัตว์ เป็นไปไม่ได้เลยที่จะไม่มีสัตว์ป่า อีกอย่างพวกเราไม่ก่อเปลวไฟ คนเหล่านั้นที่มาหาพวกเขาจะต้องชูคบเพลิงมาแน่ เพื่อความปลอดภัย พวกเรายังต้องมองหาคนที่ถือคบเพลิงให้ได้เร็วๆ จะดีกว่า

เดินไปสักพัก กู้อ้าวเวยก็ไม่รู้ว่ายังเหลืออีกยาวไกลเท่าไร เท้าไม่รู้สึกเจ็บขนาดนั้นแล้ว แต่ยังจนปัญญา “ครั้งก่อนพวกเราพบกันยังเล่นจับปลากันอยู่เลย ครั้งนี้กลับมาตกในบ่วงแห่งโชคชะตาเสียแล้ว”

ซ่านเซิ่งหานก็จนปัญญาเช่นกัน “พวกเราติดกับแล้ว”

“อะไรนะ?” หัวสมองของกู้อ้าวเวยเริ่มชัดเจนขึ้นมาหน่อย

“มีคนเอาจดหมายสั้นให้ข้าหนึ่งแผ่น ด้านบนเขียนว่าเจ้านัดข้ามาพบที่นี่ ลายมือก็น่าจะเป็นของเจ้าด้วย” ซ่านเซิ่งหานบุ้ยปากให้นาง กู้อ้าวเวยมองตามก่อนดึงกระดาษจดหมายแผ่นหนึ่งออกมาจากในกระเป๋าของเขา ลายมือถึงกับเหมือนกันทุกประการ นางขมวดคิ้วทันที

ซ่านเซิ่งหานมองที่กำแพงหินสูงชันด้านบนแวบหนึ่ง ค่อยๆ เดินอ้อมออก และใช้ออกแรงเล็กน้อย ก่อนเอ่ยต่อไป “อีกอย่างข้ากลัวว่าซูพ่านเอ๋อจะเล่นอุบายสกปรก จงใจส่งคนไปเฝ้าดูโดยเฉพาะ แต่หลังจากที่นางพบหน้ากับพระชายาองค์ชายสี่เพียงแค่หนึ่งครั้ง ก็ดูเหมือนไม่ได้ทำอะไร พบกลับถึง...”

“นี่สิที่เป็นปัญหา” สายตาของกู้อ้าวเวยเย็นลง ขยำจดหมายในมือจนเป็นก้อน ก่อนโยนทิ้ง

เดิมทีนางคิดว่าเข็มเงินบนตัวของหยินเอ่อเป็นไปได้ว่าเมี่ยวหารอาจเป็นคนทำ แต่ตอนนี้คิดดูแล้ว พระชายาองค์ชายสี่ไม่เพียงแต่สามารถเข้าสู่สนามม้าได้อย่างสง่าผ่าเผย แต่ยังทำพิษจินฉานได้อีกด้วย

ลี่วานคนนี้ กำลังหึงหวง หรือว่าเสียนเฟยส่งนางให้มาทำร้ายตนกันแน่

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุบผาร้อยเสน่ห์