บุบผาร้อยเสน่ห์ นิยาย บท 329

บทที่ 329 ชิงต้ายทรยศ

สายฟ้าไม่หยุดพัก ฝนตกหนักไม่สิ้นสุด

ส่วนบานประตูเรือนนิรนามเปิดอ้า ลมเย็นหวิวๆ พัดโบกเข้ามา

กู้อ้าวเวยทำเพียงนั่งอยู่บนหน้าโต๊ะหนังสือ ผมดำขลับทั่วศีรษะราวกับม่านน้ำตกสาดกระทบโครงหน้า ไม่ได้สวมผ้าคลุมผม ข้อมือขวาถูกบ่วงโซ่ตรวนจนหนังถลอก แต่ในดวงตาสองข้างของนางยังคงเปล่งประกาย ไม่ได้สิ้นหวังเลยแม้แต่น้อย

ลานนิรนามว่างเปล่าเกลี้ยงเตียนตั้งนานแล้ว ประตูบานใหญ่ปิดสนิท ข้างกายไร้ผู้คนไม่มีใครมาคอยปรนนิบัติเลย

ส่วนบนโต๊ะหนังสือ ยังมีจดหมายฉบับหนึ่งที่ซ่านจินจื๋อเขียนเองกับมือ อธิบายเกี่ยวเรื่องราวในตอนที่นางหมดสติไป หลังจากนั้น ก็เป็นถ้อยคำบางส่วนของซ่านจินจื๋อเอง

“เดิมทีข้าคิดอยากอนุญาตให้เจ้าควบม้าไปยังยุทธภพ ใช้ชีวิตโดยการฝึกปรือทักษะการแพทย์เพื่อไปรักษาผู้คน”

“แต่เจ้ากลับมีอุบายมากมาย ปั่นป่วนหัวใจดวงนี้ของข้า ชั่วชีวิตนี้ ก็จงถูกจองจำในตำหนักอ๋องจิ้งแห่งนี้ตลอดไปเถิด”

เส้นพู่กันของซ่านจินจื๋อคมกริบ จดหมายที่เขียนออกมามันดูทรงพลังเยี่ยงนี้ ซ้ำยังเจือความโกรธเคืองเอาไว้อีกด้วย

คลี่ยิ้มบางๆ ปลายนิ้วของกู้อ้าวเวยไล้ผ่านทุกตัวอักษรบนจดหมายฉบับนี้แผ่วเบา บ่นพึมพำกับตัวเองอย่างจนปัญญา “ท่านกับข้าในที่สุดก็เดินบนเส้นทางของคนแปลกหน้า ต่างฝ่ายต่างเคลือบแคลงกันไม่อาจใช้ชีวิตและตายร่วมกันได้”

สิ้นสุดน้ำเสียง กู้อ้าวเวยใช้น้ำชาแก้วสุดท้ายของลานนิรนามแห่งนี้แช่จุ่มจดหมายทั้งฉบับ ตัวอักษรทั้งหมดบิดเบี้ยวเช่นเดียวกันตัวหนอนปลาโคลน ท้ายที่สุดก็กลายเป็นโคลนตมทั้งผืน

ขาซ้ายของกู้อ้าวเวยอ่อนแรง กลับคิดไม่ถึงว่าเรื่องทั้งหมดที่นางทำก่อนหน้า ปัจจุบันมันจะกลายมาเป็นโซ่ตรวนบนข้อมือของนางเสียแล้ว

เรื่องราวเหล่านั้นล้วนวางกรอบโดยซูพ่านเอ๋อและลี่วาน แต่สุดท้ายเรื่องของกู้เฉิงกับ กู่เซิง อาจเป็นไปได้เพียงว่าลูกน้องขององค์ชายสามเป็นคนทำ อย่างไรเสียคนที่รู้เรื่องนี้ก็มีไม่กี่คน

มองยังหยาดฝนด้านนอก นางรู้สึกว่าหัวใจทั้งดวงนี้กลับกระชุ่มกระชวยขึ้นมา “เดิมทีข้ายังนึกอยากตัดสายสัมพันธ์ คิดไม่ถึงว่าท่านจะตัดเยื่อใยได้เร็วกว่าข้าเสียอีก”

“แต่ว่ามันก็ถูก ตัดความสัมพันธ์ของข้า ยังมีซูพ่านเอ๋ออยู่เคียงข้างท่านตลอดชีวิตทั้งคนนี่นา”

หัวเราะราวกับเย้ยหยันตัวเอง กู้อ้าวเวยกลับกำลังขบคิด กลัวว่าซ่านเชียนหยวนก็ไม่อาจเชื่อใจตนได้ อย่างไรเสียลี่วานสามารถทำร้ายตนจนมีสภาพกลายมาเป็นแบบนี้ได้ คงต้องพูดอะไรสักอย่างกับองค์ชายสี่เป็นแน่ ไม่เช่นนั้นคนอย่างลี่วานจะมาพูดเรื่องนี้โต้งๆ กับซ่านจินจื๋อเองได้อย่างไร

ฝนตกบนขอบฟ้า บนกระดาษบัญชาที่เขียนโดยซ่านจินจื๋อกลับหยดลงมาเป็นจุดหมึก

สาวใช้ข้างกายรีบเข้ามาเปลี่ยนกระดาษแผ่นใหม่ให้เขา ก็แม้แต่ซูพ่านเอ๋อซึ่งกำลังทานติ่มซำอยู่ข้างกายยังมองเข้ามาอย่างสงสัย “เป็นอะไรไปหรือ ท่านพี่จื๋อ”

“ไม่มีอะไร” ซ่านจินจื๋อเงยหน้าขึ้นมองซูพ่านเอ๋อทันใด แต่กลับก้มหน้าลงอย่างผิดหวังอีกครั้ง

ซูพ่านเอ๋อมองเห็นสายตาของซ่านจินจื๋อ ในใจกลับแปลกประหลาดตามๆ ไป

คนที่ยิงลูกดอกเข้ามาบอกข่าวพวกเขาคือใครกันแน่

ฝนด้านนอกยิ่งตกหนักเข้าไปใหญ่

ก็แม้แต่คนในเมืองเทียนเหยียนยังลอบสงสัย ทั้งที่สภาพอากาศของฤดูใบไม้ร่วงแท้ๆ ยังสามารถมีฝนตกลงมาได้มากขนาดนี้ ก็ไม่รู้ว่าเป็นสัญลักษณ์ของลางดีของปีหน้าหรือไม่

ชิงต้ายและกุ่ยเม่ยยังคงอยู่ที่วิหารเฟิ่งหมิง ท่ามกลางตำหนักอ๋องทั้งหมด ดูเหมือนว่านอกจากเรื่องที่พระชายาจิ้งถูกกักขัง สิ่งอื่นๆ ก็ยังไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ เลย

ส่วนในเวลานี้ ชิงต้ายกลับเดินวกไปวนมา ไม่ยอมหยุดฝีเท้าโดยไม่พูดอะไร

กุ่ยเม่ยเดินตากฝนจากด้านนอกเข้ามา

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุบผาร้อยเสน่ห์