บุบผาร้อยเสน่ห์ นิยาย บท 349

บทที่ 349 รู้คำตอบ

เริ่มใกล้มืดแล้ว ลมหิมะนอกหน้าต่างยิ่งแรงขึ้นอีก

ประตูถูกปิดสนิท หน้าต่างยังคงถูกเปิดอยู่ครึ่งๆ กลางๆ เตาอังความร้อนที่ข้างเท้ายังสว่างอยู่ ชาร้อนข้างมือยังอุ่นๆ อยู่

ซ่านจินจื๋อตลอดทั้งวันไม่มีจิตใจที่จะทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน เงยหน้าขึ้นมา เห็นบนบ่าของกู้อ้าวเวยปกคลุมไปด้วยหิมะที่หนาชั้นมาก บนคิ้วก็ถูกหิมะขาวปกคลุมด้วย ในใจยิ่งว้าวุ่น “ปิดหน้าต่างซะ”

คนรับใช้ตัวน้อยที่คอยปรนนิบัติอยู่ข้างกายรีบไปปิดหน้าต่างทันที

“ท่านอ๋อง พระชายารองส่งอาหารเย็นมาแล้ว” เฉิงซานพูดเสียงเบาข้างหูของซ่านจินจื๋อ เห็นซ่านจินจื๋อจะเปลี่ยนสีหน้า รีบพูดอีกว่า “นางยังบอกว่าจะมาขอร้องให้พระชายากลับไป”

ฟังจบ ซ่านจินจื๋อโบกมือ เฉิงซานให้คนเอาเข้ามาวางอย่างเข้าใจในทันที

กู้จี้เหยามาในชุดขาวเขียวทั้งตัว ตอนที่หิ้วกล่องอาหารเดินเข้ามาก็ไม่ลืมที่จะมองไปที่กู้อ้าวเวย

ที่อยู่ท่ามกลางหิมะครู่หนึ่ง ตลอดทางที่เดินมา ปัดละอองหิมะบนไหล่ และคารวะ “ท่านอ๋อง”

“ไปเอาพี่ของเจ้ากลับไป” ซ่านจินจื๋อโยกมือขึ้นทั้งสองข้าง และเปิดตำราในมือออกต่อ ไม่มีอารมณ์ที่จะรับอาหารแต่อย่างใด

กู้จี้เหยามาตามคำพูดของหลานเอ๋อร์ แน่นอนว่าไม่ออกไปง่ายๆ เด็ดขาด หลังจากนำอาหารวางลงบนโต๊ะอย่างว่าง่ายแล้ว ก็มาอยู่ที่ท่ามกลางลมหิมะจริงๆ แอบมองดูหน้าต่างนั้นค่อยๆ ถูกเปิดออกอีก ก็เลยคุกเข่าลงข้างกายกู้อ้าวเวย

กู้อ้าวเวยเนื้อตัวสั่นเทาอยู่ท่ามกลางลมหนาว มีเพียงดวงตาคู่นั้นที่ไม่เปลี่ยนแปลงไป

“เจ้าลำบากอะไรเช่นนี้” กู้จี้เหยาเอาห่อกระดาษน้ำมันควักออกมาจากในแขนเสื้อ หยิบเอาคุกกี้จำนวนหนึ่งยัดเข้าปากนาง ยังไม่ลืมที่จะโน้มน้าวต่อว่า “หากยังจะคุกเข่าต่อไปอีก เจ้าจะต้องป่วยหนักในไม่ช้าแน่นอน”

แต่กู้อ้าวเวยก็ได้แค่มองดูนางอย่างเรียบเฉยชั่วครู่แสดงรอยยิ้มที่แยบยลออกมา กลับส่ายหัวไม่กิน

กู้จี้เหยามีความรู้สึกว่ารู้ทันตนเอง ก็ได้แต่แกล้งปลอบประโลมก็แค่นั้น จึงกลับห้องไป เห็นซ่านจินจื๋อมองมาทางหน้าต่างอย่างสติหลุดลอย ก็เลยค่อยๆ มาที่ข้างกายของเขา “ท่านอ๋อง หากท่านอยากให้ท่านพี่กลับไปจริงๆ ก็น่าจะพอมีวิธีอยู่”

“ว่ามาสิ” ซ่านจินจื๋อจึงหันมามองนางด้วยสายตา

ใจของกู้จี้เหยาราวกับมีดบิด เบะปากแล้วพูดว่า “ท่านพี่อยากเอาความรักความเอ็นดูของท่านมาข่มขู่ท่าน แค่ท่านแสดงออกว่าไม่ได้รักนาง นางก็จะผิดหวังไปเองตามธรรมดา”

ซ่านจินจื๋อมองกู้จี้เหยาอยู่ชั่วครู่ เหมือนกับว่าเห็นถึงความคิดของกู้จี้เหยาทะลุปรุโปร่งทั้งหมด

แต่กู้จี้เหยาถูกจับได้ก็ได้แค่หน้าแดงระเรื่อ ตามที่หลานเอ๋อร์พูด เดิมทีนางก็ไม่ใช่คนที่ฉลาดนัก บัดนี้หากไม่มีความกล้าแม้แต่นิดเดียว วันข้างก็จะไม่เหลือที่ให้นางยืน

“เพียงแค่ท่านอ๋องใช้ประโยชน์จากข้าได้ ท่านพี่จะต้องตายใจในไม่ช้า” นางยังพูดต่อ

ซ่านจินจื๋อยังคงลังเล หากทำเช่นนี้ กู้อ้าวเวยจะผิดหวังในตัวเองจริงๆ หรือเปล่า

“ท่ามกลางลมหิมะเช่นนี้ ผ่านไปอีกหลายวันจะต้องป่วยเป็นไข้หนังแน่นอน” กู้จี้เหยายังคงเพิ่มรสชาติลงไปอีกต่อเนื่อง ก็น่าจะรีบร้อนขึ้นมาบ้างแล้ว “ใจคนสามารถทำให้อบอุ่นได้ แต่หากเป็นโรคเรื้อรัง ก็มีเพียงชั่วชีวิตนี้ชีวิตเดียวแล้วล่ะ”

เงียบขรึม

หลังจากนั้นนานมาก ซ่านจินจื๋อจึงกวักมือมาทางนางให้คนเปิดหน้าต่างออกอีกหน่อย

ในห้องมีความอบอุ่นมีชีวิตชีวา แต่ใจของกู้อ้าวเวยดวงนี้กลับถูกลมหิมะพัดจนเย็นยิ่งขึ้นอีก

รากฟันของนางเริ่มสั่นไปมา ได้ยินเสียงพูดเสียงหัวเราะของทั้งสองคนดังมาจากในห้อง นางเริ่มทำลำตัวให้ตรง ขาสองข้างเกือบจะชาไปหมดแล้ว แต่กุ่ยเม่ยก็ยังไม่มีข่าวดีใดๆ ส่งมาบอกนางเลย ซ่านจินจื๋อก็ไม่มีทีท่าว่าจะอ่อนให้

หายใจเข้าลึกๆ ร่างของกู้อ้าวเวยเอนไปมาเล็กน้อย ยังคงพยายามพยุงตัวเอาไว้ได้ มือข้างหนึ่งพยุงร่างเอาไว้

นาทีนี้กุ่ยเม่ยไม่หยุดที่จะไปมาทุกที่ในเมืองเทียนเหยียน แต่ยังคงไม่มีวิธีการใดเลยสำหรับเรื่องของตระกูลหยุน

แต่ในห้อง กู้จี้เหยากลับเปลี่ยนเสื้ออาบน้ำให้ซ่านจินจื๋อนานแล้ว ค่อยๆ ถูไหล่ของเขาเบาๆ ผลักดันขึ้นไปบนเตียง

กู้อ้าวเวยได้แค่ชำเลืองมองไปอย่างทันที ก็ปิดหนังตาลงอย่างหนักอึ้ง แม้แต่ความรู้สึกตัวก็รู้สึกหนักมาก

เดิมทีซ่านจินจื๋อคิดว่าความพยายามของกู้อ้าวเวยจะสิ้นสุดลงที่รุ่งสาง

แต่กลับรอถึงวันที่สอง คนที่ถูกหิมะปกคลุมผ่านไปสามชั่วยามก็ต้องเผ่นแนบไปแล้ว ยังคงคุกเข่าอยู่ที่พื้นหิมะนั้น แต่กลับไม่มองไปด้านหน้าอีกแล้ว มีแต่ความผิดหวังที่อยู่ในลมหิมะ ที่ไม่เคยเคลื่อนย้ายไปไหน

ทั้งหมดเจ็ดวันเจ็ดคืน จากวันที่หิมะเต็มฟ้าจวบจนช่วงที่หิมะละลาย ถึงบัดนี้ลมหนาวเงียบเหงาลงอีกครั้ง น้ำแข็งบนชายคาค่อยๆ เติบโตขึ้น เสียงชนเข้าปังหนึ่งเสียง กู้อ้าวเวยเหมือนว่าจะทนไม่ไหวแล้ว ล้มลงบนพื้น

ในเจ็ดวันนี้ซ่านจินจื๋อเหมือนกับว่าถูกคนควักหัวใจไปเจ็บปวดมาก

วันนี้ เขาออกจากห้องหนังสือลำพัง เดินมาที่ข้างกายกู้อ้าวเวย คุกเข่าลงครึ่งหนึ่งมองนาง “ข้าไม่เปลี่ยนความคิดแน่ๆ”

กู้อ้าวเวยผอมลงมาก นิ้วที่มีแต่กระดูกกลับยังมีแรงอยู่เล็กน้อย ค่อยๆ จับแขนเสื้อของเขาไว้ น้ำตาที่ไหลออกมาเหมือนกับว่าได้ถูกกำหนดเอาไว้แล้ว

“ขอร้องท่าน......”

ในใจของซ่านจินจื๋อรู้สึกเครียด เกือบจะออกปากรับปากไปแล้ว

แต่กู้จี้เหยาที่อยู่ในห้องเดินมาที่ข้างตัวของซ่านจินจื๋อนานแล้ว การแสดงละครในเจ็ดวันนี้ อย่างน้อยนางก็มีตำแหน่งที่ยืนในใจของซ่านจินจื๋อบ้าง ยิ่งรู้อีกว่าซ่านจินจื๋อก้ทนไม่ไหวที่จะมาหากู้อ้าวเวย แล้วจึงหันตัวกลับไปพยุงกู้อ้าวเวยขึ้นมา น้ำตาก็ไหลลงมาตามด้วย “ท่านพี่ ท่าอ๋องทำเช่นนี้ก็เพราะหวังดีกับท่าน หากท่านออกหน้าเพื่อตระกูลหยุน ท่านอ๋องก็ปกป้องท่านไว้ไม่ได้เช่นกัน”

กู้อ้าวเวยรับรู้ถึงจิตใจที่หย่อนยานมานานแล้ว บัดนี้รวบรวมอารมณ์ทั้งหมดมองไปที่กู้จี้เหยา ได้แค่กระแอมเสียงเย็นชาหนึ่งที ผลักกู้จี้เหยาออกไปอย่างไม่มีแรง พยายามประคองตัวเองให้นั่งอยู่บนพื้นน้ำแข็งให้ดี ไอครอกแคร่กสองสามคำ คิดไม่ถึงว่าจะไอเอาเลือดออกมาด้วย

ซ่านจินจื๋อใบหน้าเคร่งขรึมอยากจะเอานางเข้ามากอดไว้ในอ้อมอกของตน ลมพัดผ่านมาที่ข้างหู กุ่ยเม่ยลงมาอยู่ข้างกายของกู้อ้าวเวยอย่างนิ่งเงียบนานแล้ว คุกเข่าครึ่งหนึ่งอยู่บนพื้น มืออีกข้างพยุงเอวของนางไว้ มืออีกข้างหนึ่งพยุงมือข้างหนึ่งของนางเอาไว้ “คุกเข่าต่อไปไม่ได้อีกแล้ว”

กู้อ้าวเวยไออีกสองสามคำ กุ่ยเม่ยช่วยเอาขาของนางทั้งสองข้างวางให้ราบกับพื้นอย่างรีบร้อน ค่อยๆ ลูบหลังของนางเบาๆ และก็ไม่พูดอะไร

ซ่านจินจื๋อเห็นภาพที่อยู่ตรงหน้า อารมณ์หึงหวงในใจก็เกิดขึ้นมา

กุ่ยเม่ยก็ดี องค์ชายสามองค์ชายสี่ก็ดี คิดไม่ถึงว่าจะเวียนวนอยู่รอบตัวนางไม่หยุด

“พาพระชายากลับไปพักผ่อน หากเจ้าอยากคุกเข่า ก็คุกเข่าต่อไปเถอะ” ซ่านจินจื๋อลุกขึ้นยืนด้วยความใจร้าย รอแค่ให้ได้ใบยาลับของตระกูลหยุนมาเสียก่อน หลังจากรักษาซูพ่านเอ๋อให้หายดีแล้ว แน่นอนว่าเขาจะชดเชยให้กับกู้อ้าวเวยเอง

แต่กู้อ้าวเวยกลับไม่ได้คิดเช่นนี้ มองดูเงาของซ่านจินจื๋อและกู้จี้เหยา นางได้เพียงใช้มือที่แข็งจนบาดเจ็บกดไปที่หน้าอกของตนแล้วพูดด้วยเสียงต่ำว่า “ข้าจะไม่มาแล้ว......”

“ข้ารู้คำตอบแล้ว” กู้อ้าวเวยพยายามยันร่างให้ลุกขึ้นมาจากการพึ่งพิงแรงของกุ่ยเม่ย กุ่ยเม่ยมองดูขาของนาง นัยน์ตารู้สึกเจ็บปวดอยากจะนำนางแบกขึ้นมา

กู้อ้าวเวยถูกแบกอยู่บนหลังของกุ่ยเม่ย ค่อยๆ หลับตาลง

กุ่ยเม่ยแบกนางแล้วรับจากไป

ซ่านจินจื๋อกลับกำหมัดอย่างแน่นหนายืนอยู่ที่เดิม กู้จี้เหยาที่อยู่ข้างกายกลับกุมมือของซ่านจินจื๋อแน่น จ้องดูอารมณ์โมโหของเขา แล้วพูดเสียงเบาๆ ว่า “ต้องมีสักวัน ท่านพี่จะต้องรู้ว่าท่านดีต่อนาง”

ถูกกู้จี้เหยาจับอยู่เช่นนั้น ใจของซ่านจินจื๋อก็ดีขึ้นเยอะเลย

รอจนฝุ่นตลบลง เขาก็จะเอาความไม่เป็นธรรมทั้งหมดที่นางได้รับชดเชยกลับคืนมา

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุบผาร้อยเสน่ห์