ตอนที่ 368 ตระหนักรู้
ยังไม่ทันจะผ่านไปสามวันพวกขุนนาง ได้ส่งชาวบ้านไปที่หมู่บ้านประมง แล้วก็ให้ใช้ปลาตายดิบเป็นอาหาร และโรคติดต่อก็ยังคงแพร่กระจายอยู่
องค์ชายแปดถูกนำตัวไปขังคุกเพราะไม่สามารถจัดการอะไรได้ ชาวบ้านติดเชื้อกันมาก
องค์ชายสามก็วุ่นอยู่กับการจัดการโรคติดต่อนี้จนหัวจะระเบิด เพียงแค่คืนเดียว ประชาชนป่วยกันเกือบสองพันคน กู้อ้าวเวยถึงแม้จะเตรียมตัวไว้ก่อนแล้ว แต่ก็ยุ่งจนมือเป็นระวิง ได้แต่สวมผ้าปิดหน้าอยู่ในกลุ่มคนป่วยทุกวัน
เยว่เองก็คอยช่วยเหลือนาง กู้อ้าวเวยตรวจวัดชีพจรคนนั้นคนนี้ด้วยความอดทน: “เอากระบองไม้ไผ่กับเสื้อผ้าพวกนี้ไปเผาไฟทิ้ง แล้วก็ไปเอาน้ำส้มสายชูไปต้มที่หน้าประตู หลังจากนั้นเอาหญ้าปู่เจิ้นไปกลั่น แต่ว่าทุกคนต้องได้กินคนละครึ่งช้อน แล้วก็จัดยาชุดที่สองให้”
กุ่ยเม่ยเดินไปทำตามที่นางบอกทันที แต่เยว่กลับตามนางมาที่ห้องที่สอง หลังจากที่นางหอบเอายาพวกนั้นแล้ว ก็พลันพูดขึ้น: “โรคนี้นั้นมันเกิดจากการผสมกันของสองโรค อันนี้เกิดจากพื้นเลยทำให้ชื้น และทำให้โรคนั้นเป็นหนักมาก เจ้าทำตามใบสั่งนี้ แล้วก็แบ่งยาออกเป็นสองส่วน ถ้าหากว่ามันผสมกันนั้นก็จะทำยากมาก”
“จะมีสองอย่างได้ยังไง?” เยว่พูดอย่างประหลาดใจ
“โรคสองชนิดนี้ก็เป็นโรคที่พบอยู่บ่อยๆ และทุกคนก็จะมีอาการไม่เหมือนกัน ควรจะจัดยาให้ตามอาการ บอกให้ฝ่าบาทไปรายงานฮ่องเต้ ว่าให้ส่งหมอหลวงมารักษาต่อไป อย่าได้ปิดบังฮ่องเต้เลย” นางพูดจบ ก็พลันดึงผ้าปิดหน้าออก เพื่อดมกลิ่นดู แล้วก็เก็บย่าที่หล่นลงไปออกมา พลางพูดขึ้น: “พวกท่านมาจากทางตะวันตกใช่หรือไม่ เพราะกลิ่นบนตัวพวกท่านคนข้างเหม็น”
“ใช่แล้ว ตามท้องถนนมีคนตายมากมาย....”
“เยว่ ส่งคนไปเผาศพพวกนั้นทิ้งให้หมด” กู้อ้าวเวยพูดขึ้นเสียงนิ่ง
เยว่ขมวดคิ้วแล้วถามขึ้นทันที: “เรื่องพวกนี้พอจะทำได้ แต่ว่าถ้าจะให้รายงานฮ่องเต้....”
“ตอนนี้องค์ชายแปดก็ได้กลายเป็นนักโทษไปแล้ว ตอนนี้ฮ่องเต้เองก็ทรงมีเมตตา ถ้าหากว่าเจ้าปิดบังต่อไป จะยิ่งทำให้องค์ชายสามเกิดเรื่องขึ้นได้นะ และอีกอย่างองค์ชายสามเองก็จัดการเรื่องน้ำท่วมได้ดีมาก เรื่องโรคติดต่อนี้ก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเขา ยังไงก็ไม่มีทางเอาผิดเขาได้หรอก” กู้อ้าวเวยพูดแล้วก็หันไปจ้องหน้าเยว่ และในขณะนั้น มีดที่อยู่ในมือของนางก็ได้กรีดลงไปที่ข้อมือของหญิงคนหนึ่งอยู่ แล้วก็เอาเลือดนั้นเก็บลงไปในขวด
หญิงผู้นั้นตกใจอย่างมาก กู้อ้าวเวยก็ไม่รู้ว่าตัวเองไปเอาแรงมาจากไหนถึงได้ทำให้นางอึ้งและหวาดกลัวขนาดนั้น พลางพูดขึ้น: “อย่าขยับ”
และยิ่งคนนั้นก็เหมือนจะตกใจมาก เลยได้แต่ทำตามคำพูดนาง
เยว่มองเห็นเหตุการณ์ทุกอย่าง พอรายงานเรื่องที่เกิดขึ้นให้ซ่านเซิ่งหานฟังแล้ว นางก็ได้อธิบายลักษณะของกู้อ้าวเวยให้เขาฟังอีกด้วย
“ความสามารถของนางในตอนนี้กับเมื่อก่อนนั้นเหมือนกับคนละคน”
“มิน่าล่ะคนพวกนั้นถึงได้ฟังนาง” ซ่านเซิ่งหานรู้สึกยกย่องนางมาก หลังจากที่เขาเขียนจดหมายเสร็จก็มอบให้คนสนิท พลางพูดขึ้น: “ใช้ม้าเร็วไปส่งสารให้เสด็จพ่อ”
พอหลังจากที่ทหารออกไปจัดการแล้ว เขาก็ค่อยๆ ลุกขึ้น แล้วหันไปมองพระอาทิตย์ที่จะลับขอบฟ้า แล้วก็หันไปทอดมองไกลๆ : “นางจะไม่ได้นอนมากี่วันแล้วนะ?”
“ตั้งแต่มาที่นี่ ทุกวันนางได้นอนไม่ถึงสามชั่วยาม วันก่อนขาก็เริ่มปวดแล้ว นางนั่งอยู่เกือบสองชั่วยาม จนไม่สามารถตรวจคนไข้พวกนั้นต่อได้ นางเลยได้ปีนขึ้นมา แล้วก็ให้กุ่ยเม่ยเอาเก้าอี้หมุนมาให้” เยว่พูดถึงแค่นี้ ก็รู้สึกถึงความซาบซึ้ง
ซ่านเซิ่งหานขมวดคิ้วแล้วพูดขึ้น: “ข้าก็นึกว่านางจะนั่งคุกเข่าอยู่กลางหิมะเจ็ดวันเจ็ดคืน แต่ว่ามันเป็นเพียงข่าวลือ.....”
“อ๋องจิ้งนั้นช่างใจร้ายนัก” เยว่พูดพลางถอนหายใจ: “แต่ชายานั้นกลับดูไม่สนใจอะไรเลย ไม่เคยจะเอาความทุกข์มาพูดเลยสักคำ”
ซ่านเซิ่งหานพยักหน้า แล้วก็พลันนึก แล้วก็พลันส่ายมือให้เยว่: “รอให้เรื่องราวมันคลี่คลายลง นางจะได้พักผ่อนเต็มที่”
เยว่พยักหน้า แต่อยู่ดีๆ ประตูด้านหน้ากลับถูกเปิดออก ทหารนายหนึ่งรีบวิ่งเข้ามา แล้วเอาจดหมายลับให้ซ่านเซิ่งหาน
เขามองแค่แวบเดียว ก็พลันหันไปพูดกับเยว่ทันที: “ไปพาตัวนางมา ข้ามีเรื่องต้องคุยกับนาง”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุบผาร้อยเสน่ห์
นางเอกเหมือนจะเก่งแต่ก็ยอมให้ผัวทำร้ายร่างกายตลอด...
บางคำแปลแบบ งงๆ อ่านแล้วเหนื่อยเรื่องนี้ พักก่อน...
สรุปแล้วใครคือพระเอก อ๋องจิ้งไม่เหมาะเลย ขอเป็นคนอื่นแทนได้ไหม...