บทที่ 388 จ้องมองจากที่ลับ
“ไม่!ข้ามีแค่ใจสำหรับท่าน บางทีอาจจะเพราะวิธีการของข้ามันไม่ถูกนักก็เท่านั้น!”
ฉีหยู่รีบตะโกนออกมา จวบจนตอนนี้แล้ว ถึงอย่างไรนางก็ยังรู้สึกว่าความคิดของตัวเองไม่มีความผิด นางรีบพูดความคิดของตนเองขึ้นอีกครั้ง “ขอเพียงแค่ท่านเต็มใจช่วยข้า ต่อไปในภายภาคหน้า ข้าเต็มใจที่จะฟันฝ่าอุปสรรคและอันตรายทั้งปวง เมื่อเทียบกับฉีหรัวแล้วข้ายังทำเรื่องได้อีกตั้งมากมาย”
“เจ้าเทียบกับนางไม่ได้เลยด้วยซ้ำ แม้กระทั่งสามีของเจ้าเองก็ยังดูออก”
ซ่านจินจื๋อใบหน้าดูเย็นชาลงเช่นกัน มือข้างหนึ่งค่อย ๆ ยื่นไปโอบที่เอวของกู้อ้าวเวย แล้วดึงให้นางกลับมาอยู่ข้างกายของตนเอง
ค่อย ๆ ขยับเข้าใกล้ซ่านจินจื๋อ กู้อ้าวเวยก็เริ่มมีความรู้สึกตัวขึ้น ค่อย ๆ ปลดมือของซ่านจินจื๋อจากด้านหลัง หรี่ตาลงจ้องมองไปที่ฉีหยู่ “เจ้าคิดแม้กระทั่งจะยื่นมือเข้ามาท่ามกลางความขัดแย้งขององค์ชาย ช่างกำเริบเสิบสานยิ่งนัก”
ฉีหยู่ถูกกดเอาไว้ ช่างทุกข์ทรมานเป็นอย่างที่สุด แต่กลับยังคงกัดฟันเอาไว้แน่น อย่างไรก็ไม่ยอมพูดออกมา
นับว่าฉีหรัวเองก็เริ่มเข้าใจอะไรขึ้น กู้อ้าวเวยเป็นเช่นนี้ นับว่าเป็นการเตือนฝั่งตระกูลสามีของฉีหยู่ อ๋องจิ้งรับรู้ความคิดของฉีหยู่ ในอีกด้านหนึ่งแล้ว ก็นับว่าเป็นการสืบดูว่าแท้จริงแล้วฉีหยู่รู้อะไรบ้าง
“ท่านพ่อเคยพูดมาก่อนว่า ทั้งลูกสาวลูกชายของครอบครัวเราไม่อนุญาตให้ข้องเกี่ยวกับเรื่องนี้ ท่านอ๋องจิ้ง หม่อมฉันไม่รู้เห็นกับเรื่องนี้จริง ๆ สำนักเยียนหยู่เก๋อยังทำงานเพื่อพระองค์เพคะ”ฉีหรัวรีบลุกออกจากโต๊ะ คุกเข่าลงกับพื้นด้วยความเคารพยำเกรง
“เช่นนั้นก็ยิ่งดี”สายตาของซ่านจินจื๋อเคร่งขรึมและเยือกเย็น มองไปทางฉีหยู่ “ในเมื่อเจ้ามีความคิดอยากจะเข้าร่วมอยู่ในท่ามกลางความขัดแย้งของราชสำนัก เช่นนั้นนับว่าเป็นความต้องการของเจ้า”
“ท่านอ๋องเพคะ……”ฉีหยู่ไม่เข้าใจ
“นำความเรื่องนี้กราบทูลรายงานต่อฝ่าบาท ทุกวันนี้ฝ่าบาททรงไต่ถามเรื่องที่ขุนนางต่างพากันปกปิดในเทียนเหยียนในตอนนี้มีการสมรู้ร่วมคิด เรื่องราวที่แอบทำกันลับ ๆ ไม่รู้ว่ามีกี่มากน้อย ก็มาดูกันซิว่าองค์ชายสามเองจะเต็มใจจัดการสายเลือด เห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าหรือไม่”
กู้อ้าวเวยเองก็เข้าสู้อ้อมกอดของซ่านจินจื๋อด้วยความเข้าใจอะไรมากขึ้น “เป็นเช่นนี้ก็ดี แต่เรื่องนี้จะต้องกระทบกับตระกูลฉี ท่านอ๋องคิดว่าอย่างไรหรือเพคะ?”
“เห็นทีแบบนี้แล้ว เทียนเหยียนเองก็ควรจะเปิดร้านเครื่องสำอางค์ใหม่กันสักหน่อยแล้ว”
ซ่านจินจื๋อพูดประโยคนี้ขึ้นลอย ๆ แล้วก็ทำให้ทั้งฉีหรัวกับฉีหยู่ตกอกตกใจไปไม่ใช่น้อย ๆ
เดินทีเมื่อองค์ชายสามได้รับความเอนเอียงแล้วหลังจากนั้น ฝ่าบาทเองก็ทรงเริ่มไต่สวนเรื่องที่ขุนนางพากันปกปิด แล้วก็ทรงคิดว่าองค์ชายแปดที่ได้ทรงกระทำความผิดร้ายแรงก็เพราะว่ามีข้าราชสำนักเป็นผู้ชักนำ ดังนั้นในหนึ่งเดือนมานี้ถึงได้เปลี่ยนขุนนางไปก็ไม่น้อย
ถ้าหากว่าฝ่าบาททรงรู้ว่าทั้งเทียนเหยียนมีเรื่องราวสมคบคิดกัน ทางฉีหยู่เองก็คิดที่จะหาพรรคพวกในราชสำนัก คิดอยากจะเอามือของคนทำธุรกิจเข้าไปยุ่งเกี่ยวพัวพันกับเรื่องในราชวงศ์ หากถูกฝ่าบาททรงทราบ จะต้องรับสั่งให้คนมาจับพวกเขาที่กระทำความผิดเป็นกลุ่มแรก นับว่าเป็นการเชือดไก่ให้ลิงดู
“ขอท่านอ๋องทรงอย่าได้ทำเยี่ยงนี้ หม่อมฉันจะพาพี่สาวกลับจวน ปรึกษาหารือเรื่องนี้กับท่านพ่อ”ฉีหรัวรีบพูดขึ้น
กู้อ้าวเวยขมวดคิ้วขึ้น ราวกับคิดเห็นว่ากระทำเช่นนี้แล้วช่างดูเป็นการไม่เหมาะสม แต่ที่ด้านหลังนั้น ซ่านจินจื๋อค่อย ๆ ดึงนางเอาไว้แน่น พูดขึ้นด้วยเสียงจริงจังว่า “เป็นเช่นนี้ก็ดีเหมือนกัน แต่ว่าข้าจะให้เวลาเจ้าเพียงหนึ่งวันเท่านั้น ถ้าหากว่าพวกเจ้ายังยืนกรานยื่นจมูกเข้ามายุ่งภายในเรื่องราชสำนัก ถ้าเช่นนั้นในวันพรุ่งจะมีราชโองการนำไปส่งต่อหน้าพระพักตร์ของฝ่าบาท”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุบผาร้อยเสน่ห์
นางเอกเหมือนจะเก่งแต่ก็ยอมให้ผัวทำร้ายร่างกายตลอด...
บางคำแปลแบบ งงๆ อ่านแล้วเหนื่อยเรื่องนี้ พักก่อน...
สรุปแล้วใครคือพระเอก อ๋องจิ้งไม่เหมาะเลย ขอเป็นคนอื่นแทนได้ไหม...