บุบผาร้อยเสน่ห์ นิยาย บท 390

บทที่ 390 เรื่องเป็นไปตามที่คาดคิด

เมื่อคำพูดนี้พูดออกไป ความอลหม่านโดยรอบก็ก่อตัวขึ้น

นายท่านฉีหมิงตกตะลึงหน้าถอดสี แม้กระทั่งตัวฉีหรัวเองใบหน้าก็ซีดขาว ส่ายหน้าขึ้นอย่างไร้หนทาง

ในตอนนี้ไม่ง่ายเลยที่นางจะทำให้สำนักเยียนหยู่เก๋อก้าวหน้ามาจนถึงในตอนนี้ ยิ่งการพูดให้บิดาของตัวเองไม่ยกตัวเองให้ไปตบแต่งเป็นภรรยาคนอื่น ใช้ใจทั้งหมดที่มีไปทำงาน จะไปให้เอาธุรกิจของที่บ้านไปใส่พานถวายคนอื่นได้อย่างไร แล้วตัวเองก็ไปเปิดโลกอีกที่ขึ้น

“ข้าจำได้ว่าสำนักเยียนหยู่เก๋อไม่ได้มีร้านย่อยในอิ๋นโจส”กู้อ้าวเวยค่อย ๆ ฉีกยิ้มขึ้น “ทุกวนนี้ท่านอ๋องกำลังลำบากพระทัยเรื่องที่องค์ชายสี่ได้จากไป ถ้าหากว่าพวกเจ้ายอมทำตาม ให้คุณหนูฉีหรัวอาศัยความสามารถของตัวเองไปบุกเบิก ท่านอ๋องจิ้งจะต้องช่วยพูดให้กับตระกูลฉีเป็นแน่”

“นี่เจ้ากำลังจะผลักข้าไปสู่ที่นั่งลำบาก”ฉีหรัวกัดฟัน นี่ไม่ได้เห็นกันอยู่จะ ๆ หรอว่าจะให้นางเอาสำนักเยียนหยู่เก๋อไม่กี่แห่งในเทียนเหยียนนี่ส่งมอบให้กับพี่น้องพวกนั้น?

แม้กระทั่งฉีหลินเองก็ไม่พึงพอใจ “ถึงแม้จะเป็นเช่นนี้ ก็ไม่แน่ว่าอ๋องจิ้งจะช่วยพูดให้กับตระกูลฉีของพวกเรา……”

“แต่ว่าแบบนี้แล้ว นี่นับว่าเป็นทางออกเดียว นอกจากนั้นแล้ว อย่างน้อย ๆ ตระกูลฉีมีความสัมพันธ์กับท่านอ๋อง ท่านเอ๋องไม่มีทางที่จะนั่งดูเฉย ๆ โดยไม่ทำอะไร ร้านในเทียนเหยียนเองก็มีคนไม่น้อยที่จะเข้ามาจัดการ ถ้านายท่านฉีไม่ใส่ใจ จะเอาร้านของสำนักเยียนหยู่เก๋อแบ่งให้กับลูกสาวลูกชายก็ได้ ให้พวกเขาไปแย่งชิงกันเอง แพ้ชนะก็ไม่หลุดจากมือ”กู้อ้าวเวยปล่อยแขนของฉีหรัว เดินไปที่ตรงหน้าของฉีหมิง

 “แต่ถ้าเป็นแบบนี้แล้ว สำนักเยียนหยู่เก๋อของข้า……”

“ข้าต้องการ ก็เป็นพวกเจ้าที่ล้วนแล้วต่างมาแย่งชิงกัน ถ้าหากว่าไม่แก่งแย่ง ในเมืองเทียนเหยียนก็ยังหลงเหลือให้พวกเจ้าก็เป็นร้านเครื่องสำอางใหญ่โต ถ้าเช่นนั้นต่อไปในภายหน้า ร้านที่ใหญ่โดดเดี่ยวของพวกเจ้าเพียงร้านเดียว ก็เพียงแค่เหนื่อยมากขึ้นไปอีกเท่านั้น”กู้อ้าวเวยโค้งตัว แล้วก็ประคองฉีหมิงให้ลุกขึ้นมาด้วย มองไปที่ดวงตาทั้งสองของเขา “ลูกสาวลูกชายของท่านเองต่างก็มีอนาคต แต่ข้าดูพวกเขาต่อสู้กันก็พาแต่จะเจ็บเนื้อเจ็บตัวเสียเปล่า ๆ”   “เจ้ามันดื้อรั้น!”บุตรสาวคนหนึ่งของฉีหมิงลุกขึ้นยืน “เจ้ามันก็แค่จะให้พวกเราแยกจากกัน ทำไมถึงไม่ให้พวกเราพูดเรื่องที่จะเข้าร่วมมือกับอ๋องจิ้ง ถ้าเป็นเช่นนี้ก็ติดต่อพัวพันกับอ๋องจิ้งไม่ได้ ”

บุตรทั้งชายหญิงหลายคนต่างก็แสดงออกถึงความไม่พึงพอใจ

แต่สายตาของกู้อ้าวเวยยังคงเรียบเย็น ค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าที่มืดครึ้มลง “แบบนี้ก็เพื่ออ๋องจิ้ง ฝ่าบาททรงพระปรีชา จะไม่รู้ได้อย่างไรถึงความสัมพันธ์ระหว่างพวกเจ้ากับอ๋องจิ้ง พวกเจ้ายิ่งทำก็ยิ่งใหญ่โตบานปลาย เพียงทำให้พวกเจ้าและท่านอ๋องต้องมาแปดเปื้อนกับหายนะที่ถึงแก่ชีวิต ฉีหยู่นับว่าเป็นตัวอย่างที่ดีที่สุด ในตอนนี้ร้านฟางหัวถูกป่าวประกาศไปว่าไม่หลงเหลืออะไร ”   เมื่อพูดถึงตรงนี้แล้ว กู้อ้าวเวยก็ชำเลืองมองพวกบุตรหญิงชายพวกนั้น “ข้าเอาฉีหรัวที่ฉลาดที่สุดในบรรดาพวกเจ้าไปไว้ที่อื่นให้ขยับขยาย ให้เทียนเหยียนแห่งนี้เป็นสนามปะลองของพวกเจ้า จะอยู่หรือจะตายก็ต้องดูบัญชาสวรรค์ แพ้หรือชนะก็ต้องดูที่ปัญญา แต่พวกเจ้ามันคิดอาศัยแต่บุญเก่า เอาจริง ๆ แม้กระทั่งเทียบกับหัวนิ้วมือของฉีหรัวยังไม่ได้ด้วยซ้ำไป ”

พูดจบ นางก็พาจื่อเดินไปยังห้องของตนเอง

แต่เหล่าบรรดาบุตรสาวบุตรชายพวกนั้นเมื่อได้ฟังคำของนางเข้า กลับมีความคิดในใจเป็นมั่นเป็นเหมาะเป็นที่เรียบร้อย

ถ้าหากว่าจะยังอยู่ในสำนักเยียนหยู่เก๋อ ต่อไปในภายหน้าก็จะต้องถูกฉีหรัวกดหัวเอาไว้ แต่ถ้าฉีหรัวจากไปละก็ พวกเขาแต่ละคนจะต้องมาจัดการสนันสนุนความเป็นความตายของร้านพวกนั้น ต่อไปในภายหน้าไม่แน่ว่าจะยิ่งรุ่งเรืองมากขึ้น ตัวเองเป็นใหญ่แล้วนั่นมันไม่ใช่เรื่องดียิ่งขึ้นหรอกหรือ

แม้กระทั่งฉีหมิงเองก็เริ่มแน่นิ่งไป อายุของเขาก็มากโข แต่กลับยังไม่อยากตาย แต่เจ้าพวกลูกสาวลูกชายของเขาพวกนี้ล้วนเป็นหัวคิดให้กับเขา แค่เพียงชั่วครู่ก็รู้สึกว่ามันช่างยากเย็นแสนเข็ญถ้าจะต้องให้เลือก

แต่ฉีหรัวก้าวเท้ายาว ๆ จนตามมาทัน “ทำไมเจ้าต้องให้ข้าล้มเลิก”  

“เจ้าควรจะรู้เอาไว้ ฟ้าก็ยังไงก็ยังเป็นฟ้า แต่ว่าถ้าห่างไปจากที่นี่แล้ว เจ้าจะมีความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่มากขึ้น อีกทั้งข้ายังต้องการเจ้าให้ไปช่วยองค์ชายสี่ตระเตรียมทุกอย่างให้เรียบร้อย”กู้อ้าวเวยหยุดฝีเท้าลง มองไปที่นางอย่างไม่รู้ว่าควรจะทำเช่นไร “เอาตามพระประสงค์ขององค์ชายสามแล้ว รอให้ผ่านไปไม่กี่ปี พระองค์จะไม่ยอมให้มีร้านไหน ๆ ที่ยิ่งใหญ่เพียงลำพังในเทียนเหยียน ต่อไปถ้าเจ้ายังคิดจะหยุดอยู่ที่นี่ ต่อสู้กับข้าราชสำนัก สู้กับเหล่าประชา อีกทั้งยังต้องต่อสู้กับบรรดาธุรกิจด้วยกัน เลือกไปจากที่นี่ยังดีเสียกว่า คิดว่าจะสร้างชื่อเสียงของเจ้าขึ้นมาอย่างไร”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุบผาร้อยเสน่ห์