บุบผาร้อยเสน่ห์ นิยาย บท 89

ตอนที่ 89 หยินและหยาง

“ก่อนหน้านั้นหยินเชี่ยวและชิงต้ายล้วนเตือนเรื่องฝนตกฟ้าคะนองกับเจ้าแล้ว แต่เจ้าเองกลับไม่สนใจ” ซ่านเชียนหยวนยิ้มอย่างปิติยินดียิ่ง ในขณะที่กำลังทานข้าวจึงทำให้พูดไม่ชัดเจนเท่าไหร่นัก แต่ระดับในการทานข้าวกลับเร็วมากทีเดียว

กู้อ้าวเวยรู้ว่าเป็นฝ่ายผิด จึงได้แต่ขยี้จมูกโดยไม่พูดอะไร

“องค์ชายสี่เป็นห่วงพระชายามากนะเพคะ” ซูพ่านเอ๋อยิ้มบางๆออกมา สายตาก็ตกมาอยู่ในแววตาของซ่านเชียนหยวน แต่กลับมองไม่เห็นแววตารักใคร่แต่อย่างใด

ทำไมซ่านเชียนหยวน ถึงได้ช่วยกู้อ้าวเวยพูดเช่นนี้ละ?

“สาวใช้สองสามคนข้างกายของพระชายาก็ต่างให้ความสนใจไม่แพ้กัน” ซ่านเชียนหยวน ไม่สนใจคำพูดของซูพ่านเอ๋ออย่างไร้ร่องรอยแต่อย่างใด

กล้าพูดว่าฮ่องเต้สนใจแต่พระชายา คงจะไม่ใช่เพราะอยากจะแกล้งพระชายาหรอกนะ

“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้” ซูพ่านเอ๋อหัวเราะแห้งๆออกมา ก่อนหน้านั้นนางคิดว่าซ่านเชียนหยวน ผู้นี้เป็นเพียงแค่คนที่มีพละกำลังกล้าหาญและมุทะลุคนหนึ่งเท่านั้น เมื่อดูจากตอนนี้แล้ว ก็น่าจะเป็นสายเลือดในเชื้อพระวงศ์ ไม่ใช่คนที่ไม่เป็นโล้เป็นพายแต่อย่างใด

“หยวนเอ๋อ พระชายาเกิดอาการหนาวสั่นทั้งตัว อย่าเข้าใกล้เด็ดขาด” สีหน้าของซ่านจินจื๋อไม่เปลี่ยนไปแต่อย่างใดตั้งแต่ทานข้าวคำสุดท้ายหมดลง

เมื่อพูดประโยคนี้ออกไป สีหน้าของซ่านเชียนหยวน ก็เปลี่ยนไป กู้อ้าวเวยหัวเราะเบาๆออกมา จากนั้นก็ยืนขึ้น “พูดจามีเหตุผล หม่อมฉันป่วยเช่นนี้ก็ไม่อยากแพร่เชื้อให้คนอื่นเหมือนกัน เวยเอ๋อกลับไปพักผ่อนในร้านยาเหย้า ”

อาหารเย็นมื้อนี้ จะมาทำไม?

กู้อ้าวเวยที่อยู่ในอาการป่วยรู้สึกปวดหัว จึงไม่อยากรับมือกับคนอื่น และก็ไม่อยากฟังคำพูดถากถางของคนอื่นๆ ในตอนที่รับมือกับซูพ่านเอ๋อและกู้จี้เหยาเมื่อสักครู่ก็กินแรงตัวเองเกินพอแล้ว นางไม่อยากเผชิญหน้ากับซ่านจินจื๋อที่แสดงท่าทางเย็นชาแบบนี้อีก

“เจ้าจงจำไว้ว่าเจ้าต้องกลับไปยังตำหนักอ๋อง” คำพูดของซ่านจินจื๋อนำมาซึ่งภัยคุกคามที่ไม่อาจปฏิเสธได้

“ข้าก็จำได้ว่าในตอนแรกที่ข้าไปร้านยาเหย้าเป็นเพราะเหตุผลใด ครั้งนี้เวยเอ๋อก็รู้อย่างชัดเจน ข้าไปร้านยาเหย้าก่อน วันข้างหน้าหากมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นในตำหนักยังไงก็ไม่เกี่ยวกับหม่อมฉัน” กู้อ้าวเวยพูดขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์ จากนั้นก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆอีกครั้ง แล้วยกมือข้างหนึ่งไปจับชิงต้ายที่อยู่ด้านข้าง :“เราไปกันเถอะ”

“เพคะ พระชายา” ชิงต้ายรีบเข้ามาประคองนางทันที

ดูเหมือนว่าหลังจากที่รับประทานอาหารเสร็จ สีหน้าของพระชายาก็ดีขึ้นมาทีเดียว

เมื่อออกจากห้องโถงใหญ่จนมาถึงระเบียงทางเดินที่ไม่มีคน กู้อ้าวเวยก็ได้เบิกตากว้างไปทางชิงต้าย จากนั้นก็ยืนประคองเสาที่อยู่ด้านข้างอาเจียนจนมืดฟ้ามัวดินออกมา ชิงต้ายทำได้เพียงตบไปบนไหล่ของนาง :“คุณหนูไม่เป็นอะไรใช่ไหมเพคะ!”

กู้อ้าวเวยทำได้เพียงแค่หยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาเช็ดปาก ก่อนจะพูดพึมพำกับตัวเองขึ้นว่า “ใครให้คนป่วยทานปลาทานเนื้อกันละ เมื่อสักครู่นี้ข้าอยากจะอาเจียนออกอยู่มาแล้ว”

“ทำไมคุณหนูยังต้องเสวยเข้าไปละเพคะ” ชิงต้ายเจ็บปวดหัวใจอย่างยิ่ง

“ข้าหวังว่าเมื่อทานเข้าไปแล้วอาเจียนออกมาเพราะไม่อยากให้พวกเขาพูดกันไปมา ข้าปวดหัวจะตายอยู่แล้ว” กู้อ้าวเวยขยี้ตาด้วยความสงสาร ชิงต้ายเองก็จนปัญญา เมื่อเห็นกู้อ้าวเวยเดินไม่ค่อยสะดวกหลังจากที่อาเจียนออกไป จึงทำได้เพียงแค่โน้มน้าวนาง “พักอยู่ในตำหนักอ๋องก่อนไม่ดีกว่าหรือเพคะ จะกลับไปเอายาทั้งๆที่ฝนก็ตกหนักเช่นนั้น มันไกลเกินไปนะเพคะ”

“ยังไงก็ต้องไป เมื่อสักครู่ที่ฉีหรัวแสดงอาการหัวรุนแรงเช่นนั้นออกมา เพราะข้าทำให้สองพี่น้องทะเลาะกัน” กู้อ้าวเวยทอดถอนใจออกมา ชิงต้ายขัดนางไม่ได้ จึงทำได้เพียงแค่ประคองนางออกไป

ทั้งหมดนี้ได้ถูกจี้เหยาที่แยกจากไปก่อนมองเห็นอย่างชัดเจน

“ความสัมพันธ์ระหว่างท่านอ๋องและคุณหนูใหญ่ สรุปแล้วสนิทกันหรือแตกแยกกันแน่?” หลานเอ๋อร์ที่นั่งอยู่ด้านข้างไม่เข้าใจ ก่อนหน้านั้นก็ยังรักใคร่กันมาก แต่ทำไมตอนนี้ถึงได้เย็นชาเช่นนี้

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุบผาร้อยเสน่ห์