ในเมื่อเป็นห้องหนังสือ ในสมองของจูนจิ่วมีใบหน้าของชายชราผุดวาบขึ้นมา นางมองไปทางลี่หยุนซูและถามนางว่า “คนที่เจ้าจะไปพบคือใคร”
ลี่หยุนซูหันมองซ้ายมองขวา ดูจนทั่วแล้วก็ไม่มีใครเลย นางจึงหันหน้ามาพูดเสียงเบาๆว่า “ในเมื่อเจ้าก็จะได้พบเขาอยู่แล้ว บอกเจ้าไว้จะได้เตรียมตัวถูก เขาเป็นหนึ่งในเจ้าตำหนักที่มีพลังแข็งแกร่งที่สุดของตำหนักไท่หวง หลีติง”
“เขายังคงเก็บตัวอยู่หรือ”จูนจิ่วเลิกคิ้ว
ลี่หยุนซูจ้องจูนจิ่วและพูดว่า “จะว่าอย่างนั้นก็ได้ แต่การเก็บตัวของท่านปู่หลีนั้นไม่เหมือนกัน อีกประเดี๋ยวข้าจะไปขอร้องท่านปู่หลี ถ้าหากเขาไม่ตกลงข้าก็ไม่มีทางช่วยแล้ว เจ้าอย่าได้ข่มขู่ข้าอีกนะ ”
จูนจิ่วหลุดเสียงหัวเราะออกมา นางมาตำหนักไท่หวง และได้ยินผางเจียเยว่ที่พูดถึงลี่หยุนซูว่าเป็นหญิงงาม อารมณ์รุนแรง แต่ทำไมในสายตานาง ทำไมลี่หยุนซูจึงได้ดูงี่เง่าอย่างน่ารักขนาดนี้นะ
ยกมือขึ้นกอดอก จูนจิ่วมองลี่หยุนซูอย่างหยอกล้อ “ในเมื่ออีกสักครู่ก็จะได้พบกับเจ้าตำหนักหลีแล้ว เจ้ายังจะกลัวข้าข่มขู่อีกหรือ เจ้าคงไม่ไปฟ้องเพื่อเปิดโปงข้าหรอกกระมัง ”
ลี่หยุนซูเบิกตากว้างนิ่งอึ้งไป
ใช่แล้ว ทำไมนางจึงคิดไม่ได้นะ ลี่หยุนซูอ้าปาก มองจูนจิ่วแต่พูดไม่ออก
ดวงตานางกลอกไปมา อารมณ์ซับซ้อน นางกลัวการข่มขู่ของจูนจิ่วจริงหรือ ทั้งหมดนี้นางคิดไม่ถึงเลยว่า เป็นเพราะนางไม่อยากจะเปิดโปงจูนจิ่วอย่างแท้จริง ถ้าหากมีความคิดเช่นนี้ นางก็คงไปหาพ่อของตนเองเพื่อฟ้องร้อง จับตัวจูนจิ่ว แต่นางไม่มี ไม่เพียงแต่จะไม่มีความคิดเช่นนั้นยังเลือกที่จะช่วยจูนจิ่วด้วย
คิดถึงตรงนี้ ลี่หยุนซูก็นิ่งอึ้งไปอีก นี่นางกำลังทรยศต่อตำหนักไท่หวงใช่หรือไม่
“กำลังคิดอะไรอยู่ สีหน้าของเจ้าเหมือนฟ้าจะถล่มอยู่แล้ว แม้ฟ้าจะถล่มก็มีคนที่สูงกว่าค้ำเอาไว้ ทับไม่ถูกตัวเจ้าหรอก ไปเถอะ พวกเราเข้าไปพบเจ้าตำหนักหลีกัน ”จูนจิ่วยิ้ม เดินผ่านลี่หยุนซูเดินเข้าไปในห้องสมุดก่อน
ลี่หยุนซูได้สติก็รีบตามเข้าไปทันที ท่านปู่หลีไม่รู้จักจูนจิ่ว ให้นางเป็นคนพูดจะดีกว่า
และแล้วก็ไม่ได้เหนือการคาดเดา ท่านปู่หลีของลี่หยุนซูก็คือชายชราคนนั้นที่ให้กล่องปริศนามา ให้นางช่วยไขปริศนาให้
หลีติงลูบหนวดตนเอง พลางฟังลี่หยุนซูพูด พลางก็เงยหน้าขึ้นยิ้มให้กับจูนจิ่ว
ลี่หยุนซูพูดยืดยาว สุดท้ายก็มองหลีติงอย่างระมัดระวังและถามว่า “เป็นอย่างไรบ้าง ท่านปู่หลีสามารถช่วยเหลือเพื่อนข้าได้หรือไม่ ”
“หยุนซู เจ้าชื่นชอบตู๋กูชิงมิใช่หรือ เมื่อไหร่กัน ที่เจ้าได้กลายเป็นเพื่อนกับคนที่ตู๋กูชิงต้องการจับตัว หืม ”หลีติงมองลี่หยุนซูด้วยรอยยิ้ม คนถูกถามตกใจจนหน้าขาวซีดไปหมด
ท่านปู่หลีรู้ได้อย่างไรกัน จูนจิ่วออกมาโดยทำการแปลงโฉมแล้ว ไม่มีทางที่จะมีคนมองออกว่านางคือใคร ทำอย่างไรดี
นางตื่นตกใจอย่างทำอะไรไม่ถูกมองไปทางจูนจิ่ว แต่กลับเห็นจูนจิ่วยังคงสงบนิ่งเหมือนเดิม คิ้วก็ไม่ขมวดเลยแม้แต่น้อย ช่วยไม่ได้ ลี่หยุนซูก็ได้แต่นิ่งสงบตาม
หลีติงมองไปยังจูนจิ่วอีกครั้ง ยิ้มและลูบหนวดเครา “เพื่อนตัวน้อยพวกเราพบกันอีกแล้ว”
“เจ้าตำหนักหลีรู้ว่าเป็นข้าได้อย่างไร ”จูนจิ่วถาม
นางมั่นใจว่าฝีมือการปลอมตัวแปลงโฉมของนางนั้นไร้ที่ติ หน้าแนบหน้ายังไม่สามารถสังเกตเห็นได้ว่านางแปลงโฉม ทำไมหลีติงจึงรู้ว่าเป็นนางตั้งแต่มองเห็นแวบแรก
หลีติงหัวเราะฮ่าๆ “มีวาสนา ข้ามองดูแวบเดียวก็รู้สึกว่าเจ้ากับข้านั้นมีวาสนาต่อกัน ช่วงที่ผ่านมาไม่นานก็เพิ่งจะพบกับเพื่อนตัวน้อยคนหนึ่ง และรู้สึกมีวาสนามากเช่นกัน ข้ากำลังคิดว่า ใต้หล้านี้ไหนเลยจะมีคนที่มีวาสนาได้มากมายหลายคนนัก มีเพียงเจ้าคนเดียวเท่านั้น ”
จูนจิ่ว ……อย่างนี้ก็ได้หรือ
มุมปากกระตุกขึ้น จูนจิ่วยกมือขึ้นหมุนกล่องปริศนาที่อยู่ในมือ ยอมรับตัวตนที่แท้จริงของตนเอง นางเอ่ยขึ้นว่า “จะช่วยหรือไม่ ท่านช่วยข้าเรื่องนี้ ข้าก็จะช่วยท่านไขกล่องปริศนา ”
ลี่หยุนซูได้ยินบทสนทนาของพวกเขา ก็ยิ่งเบิกตากว้างเพราะความประหลาดใจ ดวงตาแทบจะถลนออกมาแล้ว
จูนจิ่วรู้จักกับหลีติง เจ้าตำหนักนั้นสถานะสูงส่งอย่างหาใดเทียบได้ ลูกศิษย์ของตำหนักไท่หวงก็ยากนักที่จะได้พบหน้าเจ้าตำหนักสักครั้งหนึ่ง จูนจิ่วก็แค่คนที่มาจากข้างนอก เพิ่งมาได้ไม่กี่วันก็ได้พบกับท่านปู่หลีแล้ว พวกเขารู้จักกันได้อย่างไร
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ
หนังสือยังไม่จบ ไม่อัปต่อแล้วเรอค่ะ...