ประกายเซียนบนผิวกายเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์กลับมาเรียบนิ่งอย่างยากลำบาก “เกินไปที่ใดกัน”
นักพรตชรากล่าว “เกินไปที่ใดกันรึ ข้าเป็นศิษย์พี่เจ้า เป็นศิษย์พี่แท้ๆ ของเจ้า!”
เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์มองนักพรตชรานิ่งๆ “ข้าไม่ได้บังคับท่าน แต่ศิษย์พี่เป็นคนสาบานเอง”
นักพรตชราเอ่ย “ข้าไม่ได้สาบาน ข้าแค่พูดไปอย่างนั้น แค่พูดไปอย่างนั้นเฉยๆ!”
เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ยืนขึ้นจากบัลลังก์ศักดิ์สิทธิ์ช้าๆ “ช่วยไม่ได้ ถ้าอย่างนั้นข้าขอตัว”
นักพรตชรารีบขวางไว้ “อย่า ให้ศิษย์พี่…ให้ศิษย์พี่เตรียมตัวสักหน่อย”
ดอกบัวสีมรกตดอกหนึ่งปรากฏตรงหน้านักพรตชราช้าๆ ค่อยๆเบ่งบาน จากนั้นพลิกกลับลงมา ดอกบัวที่หุบเข้ามาใหม่คลุมใบหน้านักพรตชราเอาไว้ทั้งหมด เหมือนกับหมวกดอกบัวสีมรกต
ก่อนจะมีเสียงเบาดังมาจากในหมวกนั้น “ท่านปู่”
สายฟ้าประกายเซียนบนผิวกายเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เกิดคลื่นรุนแรง “ได้ยินไม่ชัด!”
บึ้ม!
ดอกบัวสีมรกตระเบิดออกทันที นักพรตชราหน้าแดงก่ำ “เจ้าคนแซ่จาง เจ้าจะรังแกกันเกินไปแล้ว!”
สายฟ้าประกายเซียนบนผิวกายเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์พลันกลับมาสงบนิ่งอย่างสมบูรณ์ น้ำเสียงกลับมาเย็นชาเช่นกัน “ศิษย์พี่ไม่ต้องรีบ ในเมื่อศิษย์พี่มีความจริงใจเช่นนี้ ปฏิบัติตามสัตย์สาบานในตอนแรก เช่นนั้นข้าก็จะอนุญาตให้ศิษย์พี่ถ่ายทอดวิชาหลอมกายให้เทียนเอ๋อร์!”
นักพรตชราแสยะปากยิ้มทันที “แล้วอัสนีหยินหยางเจาะเกราะกับปืนหยินหยางพิฆาตอสูรนั่น ขอข้าช่วยด้วยได้หรือไม่”
เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ตอบนิ่งๆ “จะช่วยได้หรือไม่ ศิษย์พี่ไม่มีสมองคิดเลยหรือ”
นักพรตชรามุมปากกระตุก “เจ้าคนแซ่จางหมายความว่าอย่างไร นี่เจ้ากล้าว่าแม้แต่ข้ารึ! ตอนนี้เจ้าคงไม่ได้จะบอกศิษย์พี่ว่าข้าไม่ได้แบ่งศิลาวิญญาณสักก้อนหรอกนะ! เชื่อหรือไม่ว่าศิษย์พี่จะหาคนมาเลียนแบบขายแข่งกับเจ้าตลอดไปเลย”
เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์พูดนิ่งๆ “ศิษย์พี่ไม่ทำเช่นนั้นหรอก ช่างเถอะ ในเมื่อศิษย์พี่หวังจะสร้างคุณูปการให้แดนศักดิ์สิทธิ์ขนาดนั้น ข้าจะให้โอกาสท่านหนึ่งครั้ง ให้ท่านช่วยดูแลที่ยอดเขาบัวทองคำ แต่เพื่อเก็บความลับของอัสนีเจาะเกราะกับปืนพิฆาตอสูร ศิษย์พี่ต้องรับปากสามข้อ”
……
เงื่อนไขสามข้อ
นักพรตชรามักรู้สึกว่าเหมือนตนเคยได้ยินแบบนี้ที่ใดมาก่อน
แต่นี่ไม่สำคัญแล้ว!
ข้ายากจนจะเป็นบ้าแล้ว ถ้าได้แบ่งน้ำแกงสักถ้วยในผลประโยชน์ก้อนใหญ่นั้น สามเงื่อนไขนี้ไม่มีปัญหา
พอคิดได้ดังนั้น นักพรตชราก็ทำเสียงขึ้นจมูก “ศิษย์น้องเจ้าว่ามาเลย เงื่อนไขอะไร”
เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์กล่าว “อันดับแรก เพื่อไม่ให้ศิษย์พี่ปากไม่มีประตูไม่ระวังเผยความลับออกไป ท่านต้องกินโอสถลบความจำ ลืมวิธีการสร้างอัสนีเทพหยินหยาง”
นักพรตชราพยักหน้า สำหรับเขาอานุภาพของอัสนีเทพหยินหยางไม่มีประโยชน์จริงๆ “ไม่มีปัญหา”
เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์พูดต่อ “ข้อสอง ศิษย์พี่ต้องสอนวิชาหลอมกายคบเพลิงให้เสิ่นเทียนอย่างเต็มที่”
นักพรตชราพยักหน้า “ไม่มีปัญหา ข้าจะสอนสุดยอดวิชาก้นหีบให้เขาด้วย!”
เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เอ่ยต่อ “ข้อสาม เพื่อไม่ให้ศิษย์พี่กลืนคำพูด ข้าจะเก็บผลึกวิญญาณของศิษย์พี่ไว้เป็นของค้ำประกันสองพันก้อน ถ้าจากนี้ศิษย์พี่ปฏิเสธไม่ชี้แนะให้เสิ่นเทียนหรือหมกเม็ด ข้าจะเอากำไรทั้งหมดที่ให้ท่านไปคืน ทั้งยังไม่คืนผลึกวิญญาณสองพันก้อนนั้นสักก้อน”
ผลึกวิญญาณสองพันก้อน
นักพรตชราเบิกตาโตราวกับกระดิ่งทองแดง
ศิษย์น้องรองเจ้าจะเอาเงินจากข้า คงไม่ใช่ว่าจะเอาชีวิตข้าหรอกนะ!
เขาแค่นเสียง “ถ้าเกิดข้ากินโอสถลบความจำไปแล้ว เจ้ากลับคำขึ้นมาจะทำอย่างไร ถึงตอนนั้นให้ผลึกวิญญาณเจ้าไปสองพันก้อนแล้ว ข้าไม่ขาดทุนยับหรือ อีกอย่าง เจ้าจะแบ่งกำไรให้ข้าเท่าไร”
เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์พูดนิ่งๆ “ข้าสาบานต่อสวรรค์ได้ ถ้าศิษย์พี่ตอบตกลงสามเงื่อนไขนี้ ข้าจะไม่กลับคำเด็ดขาด เรื่องส่วนแบ่ง ตอนนี้ให้กำไรสุทธิเทียนเอ๋อร์ไปสี่ส่วน ให้อวิ๋นตี๋ไปหนึ่งส่วน ให้บัวทองคำไปสองส่วน ยังเหลือกำไรสุทธิอีกสามส่วน ศิษย์พี่เอาไปได้ครึ่งหนึ่ง”
ครึ่งหนึ่งของกำไรสุทธิสามส่วนหรือ
นักพรตชรากลอกตาไปมา กำลังคำนวณว่าได้ศิลาวิญญาณเท่าไร
คิดๆ แล้วจึงกัดฟันพูด “ตกลง ในเมื่อศิษย์น้องสาบานต่อสวรรค์ ศิษย์พี่จะเชื่อเจ้า!”
แหวนที่บรรจุผลึกวิญญาณสองพันก้อนที่เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ให้นักพรตชราไปก่อนหน้านี้กลับมาหาเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์อีกครั้ง
เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์รับแหวนมาก่อนจะใช้จิตสัมผัสตรวจสอบผลึกวิญญาณในแหวน “ขาดไปสามร้อยก้อน”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน