บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน นิยาย บท 126

บทที่ 126 สหายจ้าว เจ้าเคยได้ยินคำว่าต้มไก่จิตตะหรือไม่
เด็กหนุ่มคนนั้นเหมือนจะมีชื่อเสียงมากอยู่ในเมืองหมอกลับแล

หลังจากเขาถูกโยนออกมาจากหอจันทร์รุ้ง ไม่นานก็เป็นที่สนใจของคนที่สัญจรไปมา

“นี่มันจ้าวเฮ่านี่! เจ้านี่มาหอจันทร์รุ้งอีกแล้ว จะดื่มเหล้าทรราชรึ”

“นอกจากเขาแล้วยังมีใครอีก เฮ้อ เมื่อก่อนเป็นโอรสสวรรค์หนุ่มที่มีปณิธานยิ่งใหญ่ น่าเสียดายจริงๆ”

“ช่วยไม่ได้ หนทางเซียนก็เช่นนี้แหละ อัจฉริยะในอดีตก็อาจจะกลายเป็นขยะได้ จะโทษก็โทษที่เขาดวงซวยเถอะ”

“ตอนนี้จ้าวเฮ่าดูอนาถามากเลยนะ! นี่ใช่บุตรชายคนโตขององค์ชายฉู่เทียนโหว ว่าที่พระราชบุตรเขยแห่งอาณาจักรหมอกลับแลของเราในตอนนั้นจริงๆ หรือ”

“ไม่ต้องพูดแล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะฉู่เทียนโหวหายสาบสูญไปในสนามรบบรรพกาล บางทีจ้าวเฮ่าอาจจะไม่ธาตุไฟเข้าแทรกสูญสิ้นพลังไปทั้งหมดก็ได้”

“ในโลกมีคำว่าถ้าหากที่ไหนกัน ความจริงในตอนนี้คือเขาเป็นคนพิการแล้ว กระทั่งโดนถอนหมั้น”

“ได้ยินว่ากิจการของตระกูลจ้าวโดนตระกูลอื่นฮุบเอาไปหมด ไม่เหลือให้เขาสักอย่างเลย”

“เหอะๆ อาจจะเป็นเพราะว่าตอนตระกูลเฮ่ารุ่งเรืองได้ก่อกรรมทำชั่วเอาไว้ กรรมเลยตามสนองแล้วล่ะสิ!”

…..

กลุ่มคนสัญจรเป็นพวกเย็นชาและเฉยชาเสมอ มองเรื่องสุขทุกข์ของคนอื่นเป็นเรื่องสนุกตอนดื่มน้ำชาหลังมื้ออาหาร

ตอนนี้กลุ่มคนสัญจรพวกนั้นเห็นจ้าวเฮ่าเมามายก็ชี้นั่นชี้นี่วิพากษ์วิจารณ์กัน แต่ไม่มีใครยื่นมือไปช่วยประคอง

เสิ่นเทียนถอนหายใจก่อนเดินไปหาจ้าวเฮ่าช้าๆ แล้วยื่นมือประคองเขา “สหาย อย่านอนที่พื้นสิ”

จ้าวเฮ่าลืมตาสะลึมสะลือมองเสิ่นเทียน “โอ้ว ดี~ สาวน้อยน่ารักมากเลย”

เสิ่นเทียนงุนงง

เสิ่นเทียนสาบานว่าถ้าไม่ใช่เพราะว่าเจ้านี่เมาจนไม่รู้เรื่องละก็ เขาจะต้องฟาดค้อนม่วงทองไปสักที!

ก็ได้!

ความจริงสาเหตุหลักๆ คือดวงชะตาของเจ้าเด็กที่ดูมอมแมมในมอมแมมอีกทีนี่ค่อนข้างน่าตกใจ

บุพการีสิ้นชีพทั้งคู่ พลังบำเพ็ญสูญสิ้น กิจการตระกูลถูกแย่งไป ทั้งยังโดนองค์หญิงถอนหมั้น

นิยายแนวพระเอกเป็นขยะแต่ได้โชควาสนาจนยิ่งใหญ่ขึ้นมาได้เริ่มขึ้นแล้ว คนกระจอกพลิกฟ้าฆ่าดวงตะวันข้ามทะลวงนภา!

อีกอย่างวงรัศมีดวงชะตาที่เสิ่นเทียนเห็นบนศีรษะของเจ้านี่ก็ไม่ธรรมดาจริงๆ

วงรัศมีเหนือศีรษะของเจ้านี่พิเศษมาก เป็นสีดำครึ่งหนึ่งกับสีทองครึ่งหนึ่ง นอกจากนี้เสิ่นเทียนยังเห็นชัดเจนว่าวงรัศมีสีดำเหนือศีรษะเจ้านี่กำลังถูกสีทองปกคลุม

เสิ่นเทียนไม่รู้ว่าวงรัศมีแบบนี้หมายถึงอะไร แต่ตามการคาดเดาของเขา น่าจะมีความหมายว่าเมื่อเรื่องราวเลวร้ายถึงขีดสุดก็จะพลิกผันกลับมาดีขึ้น

ต้องบอกว่าเสิ่นเทียนเพิ่งเคยเห็นวงรัศมีแบบนี้เป็นครั้งแรก มีคุณค่าทางด้านการศึกษาที่สำคัญสำหรับเขา

ด้วยเหตุนี้ สหายอนาถาที่จะดื่มเหล้าคนนี้ เขาเสิ่นเทียนรับจบเอง!

เมื่อคิดได้ดังนั้น เสิ่นเทียนจึงพูดด้วยรอยยิ้ม “สหาย ข้าเลี้ยงสุราเจ้าสักแก้วดีหรือไม่[1]”

ดื่มสุราหรือ

เมื่อได้ยินว่าเสิ่นเทียนจะเลี้ยงสุราตน จ้าวเฮ่าก็แสยะปาก “ขะ…ขอบคุณที่ท่านเซียนใจป้ำ!”

เสิ่นเทียนงุนงง

จางอวิ๋นซีข้างกายทนมองต่อไปไม่ได้จริงๆ จึงเดินดั่งมังกรพยัคฆ์มาหน้าจ้าวเฮ่า “เจ้าหนู เจ้าทำเกินไปแล้ว!”

จ้าวเฮ่ามองจางอวิ๋นซีแล้วโบกไม้โบกมือ “สหายอย่าเข้าใจผิด ข้าไม่ได้จะลวนลามคู่ชีวิตเจ้านะ ก็ท่านเซียนบอกว่าจะเลี้ยงสุราข้า ถ้าไม่อย่างนั้นก็รอข้าลงโทษตัวเองสามแก้วก่อน ให้ทุกอย่างมันจบในสุรา! เอิ๊ก~”

พูดจบ จ้าวเฮ่าก็หรี่ตาเรอออกมา กลิ่นสุราโชยเข้ามาอย่างรุนแรง

…..

เห็นจางอวิ๋นซีกัดฟันกรอดด้วยความโมโหแล้ว เสิ่นเทียนจึงลากจ้าวเฮ่าเข้าไปในหอจันทร์รุ้งด้วยความจำใจ

ไม่ไปไม่ได้แล้ว ขืนให้เจ้านี่มาสหายพี่น้องอะไรกับจางอวิ๋นซีอีก เกิดแม่นางพยัคฆ์โมโหขึ้นมาล่ะจะทำอย่างไร

สองคนนี้หนึ่งเป็นนักรบขึ้นคานวงรัศมีสีทอง อีกคนเป็นว่าที่พระเอกครึ่งดำครึ่งทอง ล้วนเป็นบุตรแห่งโชคที่วิถีสวรรค์เอาใจใส่

เดี๋ยวเทพเซียนทุบตีคนธรรมดาจะเกิดหายนะ ไม่ว่าผลจะเป็นอย่างไรก็ไม่มีประโยชน์อะไรกับเสิ่นเทียน

เสิ่นเทียนพูดอย่างจำใจ “สหายจ้าว โลกนี้มีอะไรหลายอย่างที่ไม่เป็นตามที่เจ้าต้องการจริงๆ หรอกนะ แต่แม้ชีวิตจะลุ่มๆ ดอนๆ ก็ยังต้องก้าวต่อไป เจ้าอย่ายอมแพ้เด็ดขาด!”

จ้าวเฮ่าส่ายหน้า “ไม่ สหาย เจ้าไม่เข้าใจความทุกข์ของข้า”

เสิ่นเทียนพูดนิ่งๆ “จะประชันความอนาถกันหรือ จ้าวเฮ่า หากจะประชันความอนาถ ข้าไม่เคยแพ้ใคร”

จ้าวเฮ่าหัวเราะเยาะตัวเอง “ข้ารู้ว่าเจ้าอยากจะปลอบข้า ข้ารับไว้ในใจแล้ว แต่ข้าเป็นเพียงคนพิการ”

เสิ่นเทียนพูดอย่างเฉยชา “เจ้าแค่ธาตุไฟเข้าแทรกสูญสิ้นพลังไปทั้งหมดครั้งเดียวเอง ข้าธาตุไฟเข้าแทรกมาตั้งแต่เล็กจนเติบใหญ่แล้ว”

จ้าวเฮ่าอึ้งไป “สหายเจ้าพูดจริงรึ จะมีคนที่ธาตุไฟเข้าแทรกตลอดได้อย่างไร”

เสิ่นเทียนพยักหน้า “ขอไม่ปิดบังแล้วกัน ข้าเสิ่นเทียน คือองค์ชายสิบสามแห่งอาณาจักรต้าเหยียน…”

จ้าวเฮ่าสูดลมหายใจเย็นๆ เฮือกหนึ่ง “เจ้าคือผีอับโชคที่สุดในตำนานนั่นหรือ”

เสิ่นเทียนมุมปากกระตุกเล็กน้อย “ทำไม เจ้าก็เคยได้ยินชื่อข้ารึ”

จ้าวเฮ่าทำเสียงอืม “บิดาข้าเคยไปอาณาจักรต้าเหยียนครั้งหนึ่ง เคยได้ยินชื่อเสียงของเจ้า ถ้าเทียบกับเจ้าแล้วข้าไม่ถือว่าอนาถเลย”

พอนึกไปถึงเรื่องที่บิดาเคยเล่าให้ฟังเกี่ยวกับเสิ่นเทียนแล้ว จ้าวเฮ่าพลันรู้สึกดีในใจขึ้นมาก

เขาพูดด้วยความซาบซึ้งใจว่า “สหายเสิ่น เจ้าใช้ชีวิตน่าสังเวชมาตลอดหลายปีนั้นได้อย่างไรกันแน่ ตอนนี้ข้าก็เพิ่งรู้ว่าเจ้าไม่ธรรมดาแล้ว ตะ…ตอนนี้ข้ารู้สึกว่าชีวิตข้ามันแย่มาก!”

เสิ่นเทียนส่ายหน้า “ข้าเข้าใจๆ ข้าจะช่วยเจ้าเอง”

พูดจบ เสิ่นเทียนก็หมุนตัวกลับมากำชับกับเถ้าแก่ข้างๆ “ให้ครัวตุ๋นไก่วิญญาณมาสักหม้อ”

จ้าวเฮ่าไม่เข้าใจ “อะไรกัน ต้มไก่วิญญาณช่วยข้าได้หรือ”

เสิ่นเทียนพยักหน้าอย่างลึกลับ “สหายจ้าว เคยได้ยินคำว่าต้มไก่จิตตะหรือไม่”

……………..

[1] การเลี้ยงสุรามีอีกความหมายว่าจะสารภาพรัก ดื่มให้เมาจะได้ไม่เขิน

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน