เสิ่นเทียนดื่มต้มไก่ชามหนึ่งลงท้อง ก็รู้สึกว่าความเหนื่อยล้าทั่วร่างลดตามลงไปไม่น้อย
เถ้าแก่ข้างๆ เอ่ยถาม “ท่านชายเสิ่น ต้มไก่วิญญาณเพลิงร้านเรารสชาติเป็นอย่างไรบ้างขอรับ”
ไก่วิญญาณเพลิงมีปัญจธาตุไฟ เอาไปตุ๋นต้มคู่กับสมุนไพรอย่างตันเซินและเห็ดหลิงจือแล้ว กลายเป็นอาหารบำรุงธาตุหยางชั้นเลิศ
เสิ่นเทียนพูดด้วยรอยยิ้ม “ไม่เลว แต่ดื่มแค่ต้มไก่ไม่ค่อยอยู่ท้อง เถ้าแก่ไปเตรียมอาหารคาวมาอีกสองสามอย่างแล้วกัน!”
เถ้าแก่รีบพยักหน้าก่อนจะลงไปกำชับให้ครัวทำอาหาร
จ้าวเฮ่ามองเสิ่นเทียนที่ยกชามดื่มอย่างมีความสุขพลางกลืนน้ำลาย “สหายเสิ่น ต้มไก่นี่ไม่ได้ให้ข้ารึ”
เสิ่นเทียนส่ายหน้ายิ้มๆ “สหายจ้าวเข้าใจผิดแล้ว นี่คือต้มไก่วิญญาณเพลิง ของเจ้าต้มไก่จิตตะต่างหาก”
เสิ่นเทียนวางชามต้มไก่ลงก่อนจะมองจ้าวเฮ่าด้วยแววตาลุกวาว “สหายจ้าว! เป็นสหายกันแล้วก็ถือว่าเป็นคนกันเอง ข้ามีอะไรอยากจะพูดหน่อย หวังว่าจะมีประโยชน์กับเจ้า”
พอเห็นเสิ่นเทียนทำหน้าจริงจังแล้ว จ้าวเฮ่าก็จริงจังขึ้นมาเช่นกัน “แซ่จ้าวยินดีรับฟัง”
เสิ่นเทียนดีดนิ้วชี้มือขวาออกมา “ข้อแรก ล้มเหลวไม่น่ากลัว ที่น่ากลัวคือเจ้าพ่ายแพ้ให้กับความล้มเหลว”
จ้าวเฮ่ามองเสิ่นเทียนที่ตาลุกวาวพลางนึกย้อนไปถึงเรื่องราวเกี่ยวกับเสิ่นเทียนที่บิดาตนเคยพูดให้เขาฟังมาบ้าง
ดวงชะตาผิดพลาดมาตั้งแต่เยาว์วัย เป็นดาวหายนะโดดเดี่ยว ฝึกบำเพ็ญยังธาตุไฟเข้าแทรกเป็นประจำ แทบจะเป็นลูกค้าเหมาทั้งปีของสำนักหมอหลวง
ทว่าแม้จะเป็นเช่นนั้นเสิ่นเทียนก็ไม่ยอมแพ้ในการฝึกบำเพ็ญ เทียบกันแล้ว ข้าธาตุไฟเข้าแทรกครั้งเดียวมันจะเท่าไรกัน
เสิ่นเทียนดีดนิ้วกลางมือขวาออกมา “ข้อสอง เจ้ายังไม่เคยทุ่มสุดตัว จะรู้ได้อย่างไรว่าไม่อาจพลิกฟ้าแก้ดวงชะตาได้”
พลิกฟ้าแก้ดวงชะตา!
จ้าวเฮ่าตัวสั่นเล็กน้อย ใช่เลย!
ข้าแค่ตันเถียนเสียหายเท่านั้น ยังไม่ได้ตายตก
ตันเถียนเสียหายทำให้พลังบำเพ็ญเสียไปทั้งหมด ข้าก็แค่คิดหาทางฟื้นตันเถียนกลับมาแล้วฝึกบำเพ็ญใหม่
ถ้าไม่ไหวจริงๆ ข้าก็คิดหาทางย้ายไปฝึกศาสตร์หลอมกายเทพมาร ทำให้ตัวเองแกร่งขึ้นอย่างสุดความสามารถ
สหายเสิ่นอนาถเช่นนั้นยังพยายามพลิกฟ้าแก้ดวงชะตา แล้วข้ามีเหตุผลอะไรที่จะไม่พยายาม!
เสิ่นเทียนดีดนิ้วนางมือขวาออกมาช้าๆ “ข้อสาม วันนี้โดนดูถูกโดนถอนหมั้น วันข้างหน้าจะเป็นมังกรบุกทะลวงฟ้าดิน!”
บึ้ม!
วันนี้โดนดูถูกโดนถอนหมั้น วันข้างหน้าจะเป็นมังกรบุกทะลวงฟ้าดิน!
คำพูดนี้เหมือนกับสายฟ้าสายหนึ่งผ่าทะลวงเมฆดำในใจจ้าวเฮ่า
เขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเหตุใดคำพูดที่ฟังดูแล้วมีความน่าอัปยศตกเป็นรองชัดเจน แต่เมื่อเข้าหูเขากลับทำให้เขารู้สึกเลือดร้อนไปทั้งตัวอย่างน่าประหลาด
ราวกับว่าคำพูดนี้เกิดมาเพื่อเขา เป็นบทเพลงสงครามที่ชีวิตเขาจะฝ่าฝืนดวงชะตาและออกจากรังไหมกลายเป็นผีเสื้อ!
ตอนนี้จ้าวเฮ่ามองเสิ่นเทียน เขารู้สึกว่าใกล้ชิดกับสหายท่านนี้มาก เหมือนกับคนรู้ใจในชาตินี้ของเขา
ภูผาสูงสายน้ำไหลริน ป๋อหยาจื่อชี[1] มันคือสัจธรรม!
เขามองเสิ่นเทียน แววตาเหมือนมีประกายสายฟ้าวูบวาบ ก่อนจะพูดด้วยความเร่าร้อนและจริงใจ “ดี! ทุกคำพูดของสหายเสิ่นดั่งบทกวี!”
จางอวิ๋นซีมองจ้าวเฮ่าอย่างเฉยชา นัยน์ตาขยับประกายสายฟ้าจริงๆ นางรู้สึกว่าตนโดนมองข้ามไปแล้ว
จ้าวเฮ่าไม่รู้สึกถึงกลิ่นอายอันตรายที่อบอวลอยู่ในอากาศ เขาแค่มองเสิ่นเทียนด้วยความเร่าร้อน
“สหายเสิ่น ข้ากับเจ้าพบกันครั้งแรกก็ถูกชะตากันแล้ว ไม่ทราบว่าสหายเสิ่นยินดีจะเป็นสหายรู้ใจกับข้าหรือไม่”
แค่กๆ!
เสิ่นเทียนแทบจะพ่นต้มไก่ใส่หน้าจ้าวเฮ่า “เป็นสหายรู้ใจหรือ”
ล้อเล่นรึเปล่า
วงรัศมีเหนือศีรษะเจ้านี่แปลกมาก ดำครึ่งทองครึ่งดูยุ่งเหยิง
ใครจะไปรู้ว่านี่หมายถึงอะไร หมายถึงดวงซวยสุดขีดก่อนจะผลิกผันกลับมาเป็นดี หรือหมายถึงใช้สหายเซ่นไหว้สวรรค์ให้มีพลังฤทธิ์ไร้ขีดจำกัดกัน
พระเอกที่เปิดเรื่องมาก็โดนถอนหมั้นแบบนี้ ระหว่างทางไปปกติจะมีแต่ฆ่าฟัน อันตรายมากจริงๆ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน