ในละแวกใกล้เคียงที่ราบหมอกลับแลแห่งนี้ปิดกั้นจิตสัมผัส กระทั่งยังส่งผลถึงการขี่กระบี่บิน
ผู้ฝึกบำเพ็ญที่เดิมทีขี่กระบี่บินหนึ่งวันได้หมื่นลี้ยังได้แต่ลงเดินพื้นที่นี่
ตอนนี้ช่วงกระแสหมอกในรอบยี่สิบปีเริ่มขึ้นแล้ว จึงมีผู้ฝึกบำเพ็ญจำนวนมากมารวมกันที่ที่ราบหมอกลับแล
เมื่อพวกเสิ่นเทียนมาถึงที่ราบหมอกลับแลแล้ว สิ่งที่เห็นคือเมืองเล็กที่รุ่งเรืองและคึกคักอย่างยิ่งเมืองหนึ่ง
ใช่ สำหรับผู้ฝึกบำเพ็ญแล้วการจะสร้างเมืองเล็กไม่ใช่เรื่องยากจริงๆ แค่ใช้วิชาธาตุน้ำ ไม้และดินไม่กี่วิชาก็สร้างได้ กระทั่งเสิ่นเทียนยังเห็นพวกผู้ฝึกบำเพ็ญที่กำลังก่อสร้างอยู่ เห็นใช้วิชาธาตุไม้สร้างสามห้องนอนหนึ่งห้องรับแขกกับตา
เนื่องจากช่วงกระแสหมอกทำให้หมอกวิญญาณสลายไปในช่วงกลางวันและขึ้นมาใหม่ในช่วงกลางคืน ดังนั้นเมืองเล็กแห่งนี้จึงเปิดในช่วงกลางวัน
ช่วงที่แสงตะวันแรกยามเช้าตรู่เพิ่งส่องสะท้อนบนเมืองเล็กลับแล ผู้ฝึกบำเพ็ญที่ทำการค้าขายมากมายก็เริ่มส่งเสียงร้องขายของ
“เร่เข้ามาๆ ผ่านมาอย่าได้พลาดเชียว! โอสถรักษาแผลชั้นดี คนเป็นตายเห็นกระดูกขาวยังบำรุงหยินบำรุงหยางได้!”
“ว่านหมอกเก็บจากที่ราบหมอกลับแล ว่านวิญญาณขั้นสองชั้นดี ตอนนี้ลดราคาให้ซื้อสองแถมหนึ่ง หมดแล้วหมดเลยนะ!”
“เบญจมาศวิญญาณครองคู่ประจำถิ่นของที่ราบหมอกลับแล ซื้อกลับไปบดทำเป็นของเหลว ช่วยกระตุ้นความรักในชีวิตคู่ เจ้าดีนางก็ดีเช่นกัน!”
“สหาย เจ้าต้องการหวายจองจำเซียนหรือไม่ ข้ามีเมล็ดหวายจองจำเซียนอยู่เม็ดหนึ่ง เห็นแก่ที่เจ้ากับข้ามีวาสนาต่อกัน จะลดให้เจ้าสองส่วนว่าอย่างไร!”
……
พวกเสิ่นเทียนเพิ่งก้าวเข้ามาในเมืองเล็กหมอกลับแลก็เป็นที่สนใจของคนกลุ่มใหญ่ทันที
ถึงอย่างไรด้วยหน้าตาของจางอวิ๋นซีกับเสิ่นเทียน ไม่ว่าใครก็เป็นจุดเด่นของหมู่ชน ทว่าหลังจางอวิ๋นซีปะทุพลังดุร้ายแห่งพยัคฆ์ขาวอันน่าเกรงขามแล้ว คนพวกนั้นก็ถอยไปด้วยความหวาดกลัว
จ้าวเฮ่าพูดโน้มน้าว “สหายเสิ่น เจ้าจะเข้าไปในที่ราบหมอกลับแลจริงๆ หรือ ข้าได้ยินมาว่าในนั้นชั่วร้ายมากนะ”
เสิ่นเทียนพูดด้วยรอยยิ้ม “อ้อ สหายจ้าวรู้จักที่ราบหมอกลับแลนี่ดีเลยรึ”
จ้าวเฮ่าพยักหน้า “ข้ามีสหายอยู่คน เมื่อก่อนไม่ระวังเข้าไปในที่ราบหมอกลับแล ปรากฏว่าไปเจอหญิงงามเลิศล้ำคนหนึ่งในนั้น หญิงงามคนนั้นสำแดงวิชามายาล่อลวงสหายข้า สหายข้าเกือบจะเอาไม่อยู่ ต้องรีบหันหนี แต่ตอนที่เขาจะออกมา หญิงงามคนนั้นกลับกลายเป็นหวายยักษ์หนามากๆ
หวายยักษ์นั่นมัดสหายข้าไว้ ทั้งยังจะกระทุ้งเข้าไปในปากสหายข้าใหญ่เลย ถ้าไม่ใช่เพราะมีสุดยอดฝีมือไว้หนวดเคราหนาคนหนึ่งช่วยไว้ เขาอาจจะตายไปแล้วก็ได้”
เสิ่นเทียนจ้องจ้าวเฮ่าด้วยความสงสัย เขาสงสัยว่าเจ้านี่กำลังกุเรื่องขึ้นมา!
อีกอย่างเจ้ามั่นใจนะว่าเรื่องนี้คือฉบับสำเนาของที่ราบหมอกลับแล เพื่อนเจ้าคงไม่ได้ไปวัดผีหลันลั่วหรอกกระมัง!
เสิ่นเทียนถาม “ในเมื่อสหายเจ้าเจออันตรายในที่ราบหมอกลับแล แล้วเหตุใดถึงไม่บอกกับทุกคนล่ะ”
จ้าวเฮ่าพูดด้วยความจนปัญญา “บอกกับทุกคนจะมีประโยชน์อะไร ผู้ฝึกบำเพ็ญออกไปฝึกฝน มีที่ใดไม่เสี่ยงอันตรายบ้าง อย่างน้อยมองจากสถานการณ์ช่วงกระแสหมอกในรอบหลายพันปีมานี้ คนที่เข้าไปหาประสบการณ์ในที่ราบหมอกลับแลก็ได้ผลประโยชน์กันมาเยอะ ปุถุชนเห็นเพียงผู้ชนะที่ได้เก็บเกี่ยวว่านวิญญาณ กระทั่งได้หวายจองจำเซียน แต่ไม่เห็นว่ามีซากศพเท่าไรกลางหมอกลับแล”
นัยน์ตาของจ้าวเฮ่ายังคงมีความหวาดผวา “สรุปข้าได้ยินสุดยอดฝีมือไว้เคราหนาท่านนั้นบอกว่าอย่าโดนหมอกลับแลพวกนี้ปกคลุมเด็ดขาด
หวายยักษ์นั่นเหมือนจะออกจากพื้นที่หมอกปกคลุมไม่ได้ แค่ไม่เข้าไปในพื้นที่หมอกลับแลก็จะไม่เจอปัญหาใหญ่ แต่หากเข้าไปในเขตหมอกลับแลลึกๆ ต่อให้เป็นผู้สูงศักดิ์ระดับดวงจิตดรุณก็หลงทางถูกขังอยู่ในนั้นได้ง่ายๆ ถึงตอนนั้นเกรงว่าคงจะมีแนวโน้มไปทางร้ายมากกว่าดี”
เสิ่นเทียนอึ้งไป “แม้แต่ผู้สูงศักดิ์ระดับดวงจิตดรุณก็ยังตายตกหรือ”
จ้าวเฮ่าพยักหน้า “อย่างน้อยก็ตามที่ข้ารู้มาคือตลอดหลายร้อยปีมานี้ ผู้ฝึกบำเพ็ญที่ถูกหมอกวิญญาณปกคลุมเพราะความละโมบทุกคนไม่มีใครได้ออกมาแบบเป็นๆ เลย”
เสิ่นเทียนเบะปาก “เหมือนกับว่าเจ้าไม่ใช่คนอย่างนั้นแหละ”
จ้าวเฮ่ารีบแก้ต่าง “ข้าใจเย็น ได้ความรู้ของยอดฝีมือช่วยไว้ ไม่อย่างนั้นคงตายไปนานแล้ว”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน