ร่างจำแลงปรากฏการณ์พยัคฆ์ขาวธาตุทองกัดรากเถาจองจำเซียนขาด กัดไว้แน่นไม่ยอมปล่อย เถาจองจำเซียนดิ้นรน แต่น่าเสียดายที่แรงส่วนรากของมันลดลงไปมากแล้ว
ไม่นานมันก็ถูกอัสนีเทพธาตุทองลำดับเจ็ดสลายพลังชีวิตจนไร้แรงต่อต้านใดๆ อีก และส่วนรากที่ซ่อนอยู่ใต้ดินส่วนเล็กๆ นั้น เมื่อของเหลวพุ่งทะลักออกมาจนหมดแล้วก็ถูกขุดออกมา
การจะหลอมโซ่จองจำเซียน ยิ่งใช้เถาจองจำเซียนที่สมบูรณ์มากเท่าไรยิ่งดี เพราะผิวนอกเถาจองจำเซียนก็มีอักขระเทพฟ้าประทานอยู่
อักขระเทพฟ้าประทานที่สมบูรณ์จะทำให้เถาจองจำเซียนแข็งแรงและทนทานยิ่งกว่าเดิม หลอมโซ่จองจำเซียนแล้วจะมีอานุภาพแข็งแกร่งขึ้นมาก
ถ้ามีเถาจองจำเซียนเพียงครึ่งเดียว ต่อให้หลอมโซ่จองจำเซียนได้จริงๆ อานุภาพก็จะลดลงไปมากกว่าครึ่ง
หลังจากขุดส่วนรากของเถาจองจำเซียนระดับสี่ออกมาหมดแล้ว หมอกวิญญาณก็เข้าใกล้พวกเสิ่นเทียนมามากแล้วเช่นกัน
ทุกคนรีบวิ่งไปทางเมืองหมอกลับแล ไม่กล้าเบาใจแม้แต่น้อย
ประสบการณ์เช่นนี้…ทำให้เสิ่นเทียนเกิดความรู้สึกเหมือนกับวิ่งหนีวงหมอกพิษในเกมพับจี[1]
จางอวิ๋นซีหน้าซีดขาวเล็กน้อย เมื่อครู่ฝืนแบกรับน้ำหนักแรงปะทุมากเกินไปเลยทำให้นางกดดันไม่น้อย ประกอบกับเพื่อตัดเถาจองจำเซียนให้เร็วที่สุด นางเลยไม่ได้หลบการโจมตีของแส้หวายหลายครั้งในช่วงสุดท้าย
นั่นคือการโจมตีที่มีความแข็งแกร่งเทียบเท่าผู้แข็งแกร่งระดับดวงจิตดรุณโจมตีสุดกำลัง แม้จะมีเกราะแสงพยัคฆ์ขาวคุ้มกาย ก็ยังต้านไว้ไม่ได้ง่ายๆ
แต่จางอวิ๋นซีก็สมกับเป็นหญิงแกร่ง แม้จะบาดเจ็บไม่น้อยแต่ก็ยังไม่ปริปาก เสิ่นเทียนเห็นแล้วยังแอบนับถือ
ระหว่างที่มุ่งหน้าไปยังเมืองหมอกลับแล จางอวิ๋นซีก็เร่งรัดสายฟ้าหลอมเถาจองจำเซียนไปด้วย ไม่นานตัวเถาจองจำเซียนกับส่วนรากที่ตอนแรกขาดจากกันนั้นก็ประกบเข้าหากันใหม่
จางอวิ๋นซีเอ่ยนิ่งๆ “ศิษย์น้อง หวายนี่หนามาก ให้เจ้าแล้วกัน! ภายภาคหน้าไปให้อาจารย์อาบัวทองคำหลอมอีกที ก็พอจะให้ศิษย์น้องใช้ถึงก่อนระดับดวงจิตดรุณได้”
เสิ่นเทียนรีบส่ายหน้า “จะทำเช่นนั้นได้อย่างไร นี่คือโชคลิขิตที่ศิษย์พี่หญิงสู้สุดตัวกว่าจะได้มา”
จางอวิ๋นซีจ้องเสิ่นเทียนตรงๆ “มีโซ่จองจำเซียนขั้นสี่ปกป้องอยู่ ศิษน์น้องจะปลอดภัยขึ้นมาก”
เสิ่นเทียนส่ายหน้า เขาชอบโซ่จองจำเซียนขั้นสี่จริงๆ แต่ปัญหาคือนี่คือโชคลิขิตของศิษย์พี่หญิงอวิ๋นซี ถ้าตนแย่งโชคลิขิตของศิษย์พี่หญิงอวิ๋นซีมา ดวงชะตานางจะไม่ลดลงเพราะเหตุนี้หรือ ถึงตอนนั้นใครจะปกป้องข้าล่ะ
เมื่อคิดได้ดังนั้น เสิ่นเทียนก็พูดอย่างแน่วแน่ “ศิษย์พี่หญิงกล่าวเช่นนี้ผิดแล้ว ในใจข้านั้น ความปลอดภัยของศิษย์พี่หญิงสำคัญมาก ศิษย์พี่หญิงมีพลังบำเพ็ญสูงสุดในพวกเรา
ถ้าหลอมโซ่จองจำเซียนขั้นสี่ออกมาได้จริงๆ ก็ต้องเป็นศิษย์พี่หญิงที่สำแดงอานุภาพของมันได้มากที่สุด และยิ่งศิษย์พี่หญิงแสดงพลังได้แข็งมากเท่าไร เราก็ยิ่งปลอดภัยบนที่ราบหมอกลับแลนี่มากเท่านั้น ศิษย์พี่หญิงคิดว่าอย่างไร”
จางอวิ๋นซียอมรับว่าตนยอมแล้ว โดยเฉพาะคำพูด ‘ความปลอดภัยของศิษย์พี่หญิงสำคัญมาก’
ดังนั้น ศิษย์น้องเป็นห่วงข้าจริงๆ หรือ!
“ศิษย์น้องพูดมีเหตุผล ถ้าอย่างนั้นข้าจะเก็บมันไว้หลอมเองแล้วกัน”
จางอวิ๋นซีเก็บเถาจองจำเซียนยักษ์เข้าแหวนมิติก่อนเตรียมจะกลับไปหลอมในเมือง
ถึงอย่างไรเจ้านี่ก็ใหญ่เกินไป ถ้าจะหลอมจริงๆ ต้องขจัดเศษกากทั้งหมด ให้เหลือเพียงแก่นสำคัญ
ถึงตอนนั้นหวายยักษ์ยาวร้อยจั้งอาจจะหดเหลือไม่กี่จั้ง แต่อานุภาพจะแกร่งกว่าตอนนี้
…..
ต่อมา เสิ่นเทียนมุ่งหน้าไปบนที่ราบหมอกลับแลตามภาพที่เห็นเหนือศีรษะพวกกุ้ยกงกง ไม่นานก็เจอกับเถาจองจำเซียนขั้นสามอีกต้นหนึ่ง เถาจองจำเซียนขั้นสองอีกสองต้น ซึ่งก็เก็บเกี่ยวมาได้อย่างรวดเร็ว
โซ่จองจำเซียนขั้นสามในนั้นเป็นโชคลิขิตของฉินอวิ๋นตี๋ โซ่จองจำเซียนขั้นสองเป็นของกุ้ยกับฉินสองคน
แน่นอน มีจางอวิ๋นซีส่งแรงป่าเถื่อนช่วยอยู่ เลยเหมือนเก็บโซ่จองจำเซียนสามเส้นนี้มาได้เปล่าๆ
เจอสมบัติในอัตราที่สูงเช่นนี้ทำให้ทุกคนมองเสิ่นเทียนด้วยสีหน้าแปลกไป ตอนนี้พวกเขาเชื่อว่าเสิ่นเทียนมีความสามารถส่องความลับสวรรค์ทำนายอนาคตได้อย่างสนิทใจแล้ว
ถึงอย่างไรสถานการณ์เช่นนี้ก็น่าเหลือเชื่อเกินไป อยู่บนที่ราบหมอกลับแลทั้งเดือนยังหาเจอไม่ถึงสิบต้น แต่พอองค์ชายบุตรศักดิ์สิทธิ์นำทาง ในช่วงไม่กี่ชั่วยามสั้นๆ พวกเขากลับหาเจอสี่ต้น
หนึ่งในนั้นยังมีโซ่จองจำเซียนขั้นสี่ที่ล้ำค่าอย่างยิ่ง ในรอบพันปีมานี้ของที่ราบหมอกลับแลเคยปรากฏมาแค่สามครั้งเท่านั้น ถ้าให้ผู้สูงศักดิ์ระดับดวงจิตดรุณพวกนั้นเห็น เดาว่าคงจะอิจฉาจนน้ำลายไหล
เถาจองจำเซียนสามต้นที่เหลือ เสิ่นเทียนไม่เอาเหมือนกัน แต่ให้พวกฉินเกาไป เพราะเสิ่นเทียนคิดว่าสำหรับตนในตอนนี้แล้ว ดวงชะตาสำคัญกว่าโชคลิขิตเยอะ
ไม่รู้หรอกว่าต่อไปที่ราบหมอกลับแลจะเกิดอะไรขึ้น แม้แต่เสิ่นเทียนก็ยังรู้ไม่ลึก
ในสถานการณ์แบบนี้ เขาคิดว่าวิธีที่ดีที่สุดคือพยายามเพิ่มดวงชะตาของตน ใช้พลังฝ่าเรื่องบังเอิญ
ขอแค่ให้วงรัศมีเหนือศีรษะตนเขียวขึ้น ดวงดีกว่านักผจญภัยส่วนใหญ่ แล้วก็มั่นคงขึ้นอีกหน่อยก็พอ ถ้าเป็นเช่นนั้น ต่อให้ในที่ราบหมอกลับแลมีอันตรายอะไรจริงๆ ก็คงไม่ถึงตายกระมัง!
ต่อให้จะตาย คนที่วงรัศมียังเขียวไม่พอพวกนั้นก็ต้องตายก่อน
อืม เอาแบบนี้แหละ!
…………
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน