ด้วยเหตุนี้หลังเสิ่นเทียนสวมหน้ากากขนหงส์ ทั้งตัวเขาจึงเหมือนอยู่กลางหมอกลับแล ใครก็อ่านไม่ออก
ต้องบอกว่าหน้ากากนี่คืออุปกรณ์ระดับสูงสุดในการเสแสร้งแกล้งทำจริงๆ!
ต่อให้เสิ่นเทียนล่วงเกินคนใหญ่คนโตเก่งกาจ อย่างมากก็แค่หนี
ถอดหน้ากากแล้วใครจะรู้ว่าข้าเป็นใคร
เสิ่นเทียนกอดความคิดนี้มุ่งหน้ามาที่เมืองเล็กหมอกลับแล ก่อนจะตั้งแผงลอยแบบเดิม
เขายืนอยู่บนถนนเมืองเล็กหลอกลับแลอย่างองอาจ ตรงหน้าตั้งผ้าใบสองผืน เขียนอักษรมีพลังแยกกันคนละฝั่ง ทางซ้ายเขียนว่า ‘ผู้มีวาสนาไม่รับแม้แต่แดงเดียว’ ทางขวาเขียนว่า ‘ผู้ไร้วาสนามีหมื่นตำลึงทองก็ไม่รับ’ คล้องจองกันค่อนข้างเรียบร้อย
ส่วนบนผ้าปูโต๊ะตรงหน้าเสิ่นเทียนเขียนอักษรตัวใหญ่ ‘สั่งสมบุญกุศลทำความดี ขอปฏิเสธนักพรตด้วยกัน’
เสิ่นเทียนมองคำกลอนคู่กับแผ่นภาพวาดข้างๆ พลางอดถอนหายใจอยู่ในใจมิได้ ‘ไม่ได้ลืมปณิธานแรกสุดเลย!’
ท่าทางลับๆ ล่อๆ และการแต่งตัวแปลกๆ หายากของเสิ่นเทียนเรียกคนบางส่วนเข้ามามุงดูกันอย่างรวดเร็ว
“ผู้มีวาสนาไม่รับแม้แต่แดงเดียว ผู้ไร้วาสนามีหมื่นตำลึงทองก็ไม่รับ น่าสนใจนะ ที่นี่มีพวกลวงโลกแบบชาวบ้านด้วยหรือ”
“สหาย ถ้าจะทำนายชะตาให้คนอื่น ดีเลวอย่างไรก็ถอดหน้ากากออกเถอะ ไม่อย่างนั้นเกิดหลอกเอาเงินหนีไปเราจะทำอย่างไร”
“นักพรตท่านนี้มีเอกลักษณ์เหนือธรรมดา แม้จะปิดบังใบหน้า แต่คนที่มีจิตใจเช่นนี้ จะต้องเป็นบุรุษรูปงามเป็นเอกแห่งยุคแน่นอน”
“พี่นักพรต ท่านดูหน่อยได้หรือไม่ว่าข้ามีวาสนากับท่านหรือไม่ ถอดหน้ากากขอดูหน้าหน่อยได้หรือไม่”
ผู้ฝึกบำเพ็ญในเมืองเล็กหมอกลับแลแบ่งออกเป็นสองฝ่ายสุดขั้วอย่างชัดเจน เหมือนกับตอนสวนหมื่นวิญญาณทุกอย่าง
ผู้ฝึกบำเพ็ญชายต่างคิดว่าเสิ่นเทียนสวมหน้ากากดูไม่น่าเชื่อถือ ทางด้านผู้บำเพ็ญหญิงคิดว่าเสิ่นเทียนมีจิตใจไม่ธรรมดา แต่ละคนโวยวายกันหวังจะให้เสิ่นเทียนเปิดหน้า กระทั่งมีผู้ฝึกบำเพ็ญหญิงบางคนสัญญาว่าถ้าเสิ่นเทียนถอดหน้ากาก ตนยินดีจะให้ศิลาวิญญาณเป็นรางวัล
ตอนนี้จางอวิ๋นซีด้านข้างแสดงท่าทีของผู้คุ้มกัน นางเดินมาข้างเสิ่นเทียนอย่างเฉยชา แรงดันสายฟ้าทั้งหมดในกายปล่อยออกมา
ทันใดนั้นพื้นดินที่เสิ่นเทียนอยู่ตรงกลางก็เกิดแรงดันสายฟ้าสูงขึ้นมา ผู้ฝึกบำเพ็ญที่เข้าใกล้เสิ่นเทียนในสามฉื่อจะถูกไฟฟ้าดูด
“บ้า เจ้าหน้าตาก็งดงาม เหตุใดถึงไร้…ไร้เหตุผล!”
“ชาแล้วๆ ชาไปทั้งตัวแล้ว แม่นางข้าไม่มีความแค้นกับเจ้า ไฉนเจ้าต้องเอาสายฟ้าดูดข้าด้วย”
“น้องสาว พี่สาวแค่อยากดูหน้าน้องนักพรตเท่านั้นเอง ไฉนเจ้าต้องโมโหเช่นนี้!”
……….
จางอวิ๋นซียืนอยู่ข้างๆ อย่างเย็นชา ก่อนพูดนิ่งๆ ว่า “จะทำนายชะตาก็ทำนายไป จะเสียงดังก็เสียงดังไป แต่ห้ามพวกเจ้าแตะต้องเขา”
เอ่ยจบ ดวงตาจางอวิ๋นซีเย็นเยียบนิดๆ ภาพปรากฏการณ์พยัคฆ์ขาวยักษ์ลอยขึ้นมาข้างหลัง ส่งเสียงคำรามสะเทือนฟ้า
โฮก!
ปรากฏการณ์พยัคฆ์ขาวสะเทือนฟ้าบีบให้ผู้ฝึกบำเพ็ญหญิงที่มาเกาะแกะรอบๆ เสิ่นเทียนถอยไป ทั้งยังดึงดูดความสนใจจากคนอื่นมากขึ้น
“เป็นปรากฏการณ์พยัคฆ์ขาวที่แข็งแกร่งมาก อำนาจคุกคามน่าสะพรึงเช่นนี้ หรือว่าจะเป็นพยัคฆ์ขาวคำรามนภาแห่งแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์”
“พยัคฆ์ขาวคำรามนภาคือปรากฏการณ์ในเคล็ดฟ้าอัสนีฟ้าเที่ยงธรรมเทพสวรรค์ หากมิใช่แดนศักดิ์สิทธิ์จะถ่ายทอดให้ฝึกฝนไม่ได้”
“ซี้ด หรือว่าผู้หญิงคนนี้จะเป็นศิษย์สายตรง อัจฉริยะของแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์กัน”
“ยังสาวขนาดนี้ก็แกร่งเช่นนี้แล้ว สมกับเป็นธิดาสวรรค์ที่มาจากแดนศักดิ์สิทธิ์!”
………
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน