กระดาษที่ขีดเขียนอักษรเล็กบิดเบี้ยวเต็มไปหมดโปรยปรายเกลื่อนพื้น
ฟางฉางสวมชุดเกราะสีแดงอมทอง มือขวากำพู่กันขนสุนัขด้ามหนึ่ง
ตรงกลางพู่กันขนสุนัขนั้นมัดด้วยไม้เล็กๆ อันหนึ่ง ข้างหน้าหลังยังมัดพู่กันอีกด้าม
ใช่ นี่คือวิธีลับสุดยอดที่ฟางฉางคิดค้นขึ้นจากการคัดกฎสำนักมาหลายปี พู่กันล่องหน วิชาคัดสามพู่กัน
ใช้วิชาลับนี้คัดกฎสำนัก คัดหนึ่งบทเท่ากับคัดสามบท ประหยัดแรงไปได้ไม่น้อย แน่นอน ต่อให้เป็นเช่นนั้น การคัดกฎสำนักห้าพันจบก็ยังลำบากมากอยู่ดี
ถึงอย่างไรกฎของแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์…ก็มีมากเกินไปจริงๆ!
“ศิษย์น้องรอง ข้าคัดไม่ไหวแล้วจริงๆ!”
ฟางฉางล้มนอนลงกับพื้น ดวงตาสองดวงไร้ประกาย เหนื่อยจนไม่อยากทำอีกต่อไปแล้ว
จางอวิ๋นถิงพูดด้วยความจนปัญญา “ศิษย์พี่อย่าหยุด ทำต่อไป มันยังไม่พอ!”
ฟางฉางส่ายหน้า เขารู้สึกว่าถ้าตนเขียนต่อไปก็อาจจะธาตุไฟเข้าแทรกก็ได้
คัดกฎสำนักอะไรนี่ยากยิ่งกว่าสู้กับผู้สูงศักดิ์ระดับดวงจิตดรุณ มันทำให้จิตใจคนเป็นบ้า!
อ้อ ถึงอาจารย์จะลงโทษให้ข้าคัดกฎสำนัก แต่ก็ไม่ได้กำหนดว่าข้าจะคัดเสร็จเมื่อไร!
ฟางฉางพลันฉุกคิดขึ้นมาได้ พบว่าตนเหมือนจะจับจุดบอดได้
เมื่อคิดได้ดังนั้นก็อดดีใจขึ้นมามิได้ ใช่แล้ว!
สามวันคัดเสร็จก็คือคัดเสร็จ สามปีคัดเสร็จก็คือคัดเสร็จ สามสิบปีคัดเสร็จก็คือคัดเสร็จเหมือนกัน!
ยิ่งระยะเวลานานเท่าไร ก็ยิ่งต้องคัดอักษรในแต่ละวันน้อยลงเท่านั้น!
อีกทั้ง ถ้าข้าทะลวงขอบเขตแก่นพลังทองเก้ารอบสำเร็จ อาจารย์จะต้องปลื้มใจมากแน่ๆ ถ้าเกิดตอนนั้นอาจารย์เมตตาขึ้นมา ยกการคัดกฎสำนักที่เหลือให้ข้าล่ะ เช่นนั้นตอนนี้ข้าคัดไปเยอะขนาดนี้ อีกไม่นานก็ต้องเสียเปล่าทั้งหมด ขาดทุนยับไม่ใช่หรือ
ฟางฉางตบต้นขาไปทีหนึ่ง “ศิษย์น้อง เราไปปิดด่านบำเพ็ญฝึกฝนกันเถอะ! รอข้าทะลวงแก่นพลังทองเก้ารอบสำเร็จแล้วค่อยกลับมาคัดกฎสำนักพวกนี้ ศิษย์พี่คิดว่าตอนนี้ข้าแกร่งอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน จะต้องทะลวงเยื่อบางชั้นนั้นได้แน่นอน!”
จางอวิ๋นถิงเห็นฟางฉางที่ใบหน้าเต็มไปด้วยการเฝ้ารอคอยแล้วก็รู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่ง่าย
…………
ตัดกลับมาที่ทางด้านเมืองหมอกลับแล
พวกเถ้าแก่ซ่งนำโชคลิขิตกลับมา ก็เห็นหลิวไท่อี่ให้การต้อนรับเป็นอย่างดี
นี่ได้ที่ไหนกัน พวกเขาจึงรีบแย่งกันป่าวประกาศให้กลุ่มสวรรค์พิทักษ์
ภายใต้การล้างสมองอย่างขันแข็งของเจ้าพวกนี้ ทำให้มีคนเข้าร่วมเป็นครอบครัวใหญ่เคารพบูชาท่านเซียนมากขึ้นเรื่อยๆ อีกทั้งคนพวกนี้ยังแบ่งสมุนไพรวิญญาณอย่างว่านหมอกและเบญจมาศวิญญาณครองคู่ที่เก็บมาจากในที่ราบหมอกลับแลให้เสิ่นเทียนครึ่งหนึ่ง
แน่นอนว่าเสิ่นเทียนไม่ได้รับผลประโยชน์จากคนพวกนี้เฉยๆ โดยพื้นฐานเขาจะให้ยันต์อัสนีตามราคาตลาดกับพวกเขาไป
ถึงอย่างไรสำหรับเสิ่นเทียนแล้ว ต้นทุนของยันต์อัสนีพวกนี้ก็ต่ำจริงๆ ใช้สามถึงห้าศิลาวิญญาณก็ผลิตมาได้แผ่นหนึ่งแล้ว
อีกทั้งเขายังรู้สึกว่าที่ราบหมอกลับแลอาจจะเกิดการเปลี่ยนแปลงในเร็วๆ นี้ ยันต์อัสนีพวกนี้อาจจะช่วยชีวิตได้ ถ้าได้ผลดีจริงๆ นี่จะเป็นโอกาสโฆษณายันต์อันสีหยินหยางด้วย
ทว่าเสิ่นเทียนไม่ใส่ใจ ไม่ได้หมายความว่าผู้มีวาสนาพวกนั้นจะคิดเช่นนี้
ในมุมมองพวกเขา ท่านเซียนสูงส่งจริงๆ ไม่ใช่แค่ชี้แนะโชคลิขิตให้พวกเรา แต่ยังมอบยันต์ระเบิดอัสนีล้ำค่าเช่นนี้ให้อีก
ยันต์ระเบิดอัสนีชนิดนี้เป็นยันต์วิญญาณระดับสูงสุดในตลาด คนธรรมดาอยากจะซื้อก็ต้องจ่ายในราคาสูง ถ้าคำนวณตามราคาตลาดแล้ว ยันต์ระเบิดอัสนีที่เสิ่นเทียนให้มีมูลค่ามากกว่าโชคลิขิตครึ่งหนึ่งด้วยซ้ำ
เวลานี้ชื่อเสียงของเสิ่นเทียนในเมืองเล็กลับแลโด่งดังอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ขณะเดียวกันทุกคนยังแปลกใจกับใบหน้าแท้จริงหลังหน้ากากของท่านเซียนยิ่งขึ้นเรื่อยๆ
โดยเฉพาะผู้บำเพ็ญหญิงเหล่านั้น
…………
แน่นอน มีคนเลื่อมใสก็ต้องมีคนทนดูไม่ได้
เสิ่นเทียนชี้แนะโชคลิขิตให้ผู้มีวาสนา ผู้ไร้วาสนาย่อมไม่สบายใจ
โดยเฉพาะคนที่โดนเสิ่นเทียนตัดสินว่าไร้วาสนาพวกนั้น หลังจากบุกเข้าไปในที่ราบหมอกลับแลทั้งวันแล้วก็พบว่าไม่เจอโชคลิขิตใดๆ เลยจริงๆ
ตนไม่ได้โชคลิขิตใดๆ แต่คนอื่นกลับได้เป็นกอบเป็นกำ ทั้งยังได้ยันต์ระเบิดอัสนีระดับสูงสุดอีก
ความรู้สึกต่างกันเด่นชัดเช่นนี้ทำให้ผู้ไร้วาสนามากมายรู้สึกอิจฉา จิตใจค่อยๆ เสียสมดุล
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน