บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน นิยาย บท 14

บทที่ 14 คาถาลึกลับ
ย่อมเป็นเพราะเทพธิดาและข้ามีวาสนาต่อกัน

เสียงที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ของเสิ่นเทียน ทำให้ใบหน้าอ่อนเยาว์ของเสี่ยวเหลียนเอ๋อร์แดงระรื่นขึ้นมาทันที

โดยเฉพาะผมกระจุกของนางถึงกับตั้งตรง!

นี่…นี่นี่นี่…

นักพรตท่านนี้พูดตรงเกินไปแล้วกระมัง!

ใครมีวาสนาต่อเจ้า น่าละอายที่สุด!

ทำอย่างไรดี หัวใจเต้นเร็วมาก!

หรือว่านี่ก็คือความรักหรือ!

เหลียงเอ๋อร์ไม่เคยมีประสบการณ์แบบนี้นะ!

……

คนผ่านทางมาเห็นหลี่เหลียงเอ๋อร์หน้าแดง ก็รู้สึกร้อนใจขึ้นมาแล้ว

“เทพธิดา ท่านอย่าโดนวาทศิลป์ของเจ้าหมอนี่หลอกเอาเด็ดขาด เจ้าหมอนี่ไม่ใช่คนดีอะไรแน่!”

“เจ้าหุบปาก!”

หลี่เหลียงเอ๋อร์ตั้งสติได้ กล่าวอย่างไม่สบอารมณ์ “ข้ารู้ดีอยู่แล้วว่าต้องทำอย่างไร ย่อมต้องจัดการเรื่องนี้อย่างเป็นกลาง!”

“ทางที่ดีเจ้าอย่าโกหกข้า ไม่เช่นนั้นพฤติกรรมที่ต้องสงสัยว่ากล่าวเท็จผู้อื่น ต้องถูกปรับอย่างหนักและคุมขัง”

คนผ่านทางร้องไห้โดยไม่มีน้ำตา เขาต่างหากที่เป็นคนแจ้งเบาะแส!

หลังจากตักเตือนคนผ่านทาง หลี่เหลียงเอ๋อร์มองเสิ่นเทียน

นางพยายามระงับความปั่นป่วนในใจ กล่าวด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา “สหายเต๋าบอกว่ามีวาสนากับเหลียงเอ๋อร์ เป็นเรื่องจริงหรือไม่?”

เสิ่นเทียนพยักหน้าเล็กน้อย “ย่อมเป็นเรื่องจริงอยู่แล้ว”

บนใบหน้าของหลี่เหลียงเอ๋อร์เผยให้เห็นรอยยิ้มทันที “สัญชาตญาณของข้าบอกว่าพี่เสิ่นน่าจะไม่ได้พูดโกหก เหลียงเอ๋อร์เชื่อพี่เสิ่น”

กล่าวจบ หลี่เหลียงเอ๋อร์หันหลังไปถามคนผ่านทาง “เหตุใดเจ้าถึงต้องกล่าวหาพี่เสิ่น”

คนผ่านทาง “…”

ดังนั้น คดีนี้จึงถูกคลี่คลายแล้ว?!

ผู้คุมกฎสวนหมื่นวิญญาณล้วนแต่ทำคดีอย่างไม่จริงจังเช่นนี้หมดเลยหรือ

หรือว่าเกิดมาหน้าตาดีแล้วสามารถทำตามอำเภอใจได้หรือ

และอีกอย่างนักพรตคนหนึ่ง จู่ๆ กลายเป็นพี่เสิ่นไปได้อย่างไร

พวกเจ้าไปสนิทกันตั้งแต่เมื่อไร

เหลวไหลสิ้นดี!

……

เห็นสีหน้าที่เต็มไปด้วยขุ่นเคืองของคนผ่านทาง รองหัวหน้ากลุ่มผู้คุมกฎทนดูไม่ได้แล้ว

เขากล่าวเตือนอย่างไม่มีทางเลี่ยง “คุณหนู ข้อเท็จจริงยังไม่กระจ่าง!”

แม้ว่าคุณหนูท่านนี้ไม่ได้เป็นเพียงลูกศิษย์สายตรงของแดนเทวาดาวประกายพรึก แต่ยังเป็นองค์หญิงน้อยที่ได้รับความรักมากที่สุดในสวนหมื่นวิญญาณ

แต่การที่สวนหมื่นวิญญาณสามารถดึงดูดแขกมากมาย เป็นเพราะคณะผู้ดูแลเป็นกลาง

ถึงแม้คุณหนูจะมีสถานะเช่นนี้ ก็ไม่สามารถทำอะไรส่งเดชในกลุ่มผู้คุมกฎ

ไม่เช่นนั้นอาจทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ขึ้น!

……

เสิ่นเทียนยิ้มเล็กน้อย “ไม่ทราบว่าข้าต้องพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของข้าอย่างไร”

รองหัวหน้ากล่าวด้วยสีหน้าที่จริงจัง “เมื่อครู่ท่านอ้างตนว่ามีวาสนากับคุณหนูเหลียงเอ๋อร์ พูดจริงหรือไม่”

เสิ่นเทียนพยักหน้า “ย่อมจริงอยู่แล้ว”

“อย่างนั้นก็ดี” ผู้คุมกฎกล่าว “ถ้าอย่างนั้นเชิญสหายเต๋าช่วยคุณหนูเหลียงเอ๋อร์ค้นหาหินแร่วิญญาณสามก้อน เปิดแร่พิสูจน์ก็แล้วกัน!”

“ถ้าหากมูลค่ารวมของศิลาวิญญาณมีมูลค่าสูงกว่าราคาซื้อหนึ่งเท่าจากหินแร่วิญญาณสามก้อน นั่นแสดงว่าสหายเต๋าไม่ได้พูดเท็จ กลุ่มผู้คุมกฎย่อมต้องคืนความเป็นธรรมให้กับสหายเต๋า”

“ไม่ทราบว่าสหายเต๋าคิดอย่างไร”

บอกตามตรง การจัดการของผู้คุมกฎผู้นี้ค่อนข้างยุติธรรม

โดยทั่วไปแล้วถึงเป็นนักชีพจรวิญญาณ ก็ไม่มั่นใจว่าตนเองสามารถประเมินแร่สำเร็จทุกครั้ง เกิดข้อผิดพลาดขึ้นครั้งสองครั้งในการค้นวิญญาณประเมินแร่ถือเป็นเรื่องปกติ

ดังนั้นการใช้มูลค่ารวมของหินแร่วิญญาณสามก้อนมาวัดความสามารถของเสิ่นเทียน เป็นวิธีที่แม่นยำและยุติธรรมมากที่สุด

เสิ่นเทียนส่ายศีรษะ “เกรงว่าไม่ได้ แม้เทพธิดากับข้ามีวาสนาต่อกัน แต่ข้าสามารถช่วยเทพธิดาเลือกหินแร่วิญญาณได้เพียงก้อนเดียว”

หลี่เหลียงเอ๋อร์ถาม “เพราะเหตุใด”

เสิ่นเทียนแหงนหน้ามองท้องฟ้าสี่สิบห้าองศา กล่าวอย่างลึกซึ้งไม่อาจหยั่ง “วิถีสวรรค์ลำดับเหตุการณ์ ทุกสรรพสิ่งมีเวลาของมัน”

“วาจามิควรกล่าวตามอำเภอใจ อำนาจมิควรใช้จนหมด ความสุขมิควรเพลิดเพลินเกินตัว ไม่ว่าสิ่งใดที่เกินตัว โชควาสนาจะสิ้นสุดโดยเร็ว”

ในระหว่างพูด แสงอาทิตย์สาดส่องลงใบหน้าด้านข้างของเสิ่นเทียน ทำให้แลดูยิ่งลึกซึ้งมากยิ่งขึ้น

ทันใดนั้น สตรีทุกนางถึงกับคลั่งไคล้

“สมกับที่เป็นพี่นักพรต หล่อเหลาจนเปล่งประกายทั้งตัว!”

“นักต้มตุ๋นจะมีชั้นเชิงอย่างพี่นักพรตได้อย่างไร ไม่เข้าใจเลยว่ากลุ่มผู้คุมกฎของพวกเจ้าคิดอะไรอยู่”

“แค่หินแร่วิญญาณหนึ่งก้อนก็เพียงพอแล้ว จะเอาโอกาสสามครั้งไปเพื่ออะไร”

“ใช่แล้ว จะทำให้พี่นักพรตของข้าเหนื่อยไม่ได้เด็ดขาด”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน