“เจ้าปั่นหัวข้า?”
เห็นสีหน้าที่เต็มไปด้วยความโกรธของคนผ่านทาง เสิ่นเทียนไม่ได้รู้สึกผิดเลยสักนิด
“ข้าได้พูดไว้แต่แรกแล้วว่าจะช่วยคนมีวาสนาหาวิญญาณประเมินแร่ ท่านกับข้าไม่มีวาสนาต่อกัน จะมาหาว่าข้าปั่นหัวท่านได้อย่างไร!”
มองดูวงรัศมีสีขาวที่อยู่เหนือศีรษะของคนผ่านทาง เสิ่นเทียนก็หมดหนทางเช่นกัน
เจ้าโทษข้าอย่างนั้นหรือ!
เหนือศีรษะของเจ้าไม่มีแสงสีเขียวแม้แต่น้อยนิด และไม่มีภาพโชคลิขิตใดๆ ปรากฏ
จะนับว่าเป็นผู้มีวาสนามาร่วมวงอะไร
วาสนาเช่นนี้ยังคิดจะเปิดหิน ข้าจะไปหาแร่ที่มีของจากที่ไหนมาให้เจ้า
เห็นคนผ่านทางดึงแขนเสื้อขึ้น เหมือนกำลังคิดจะลงไม้ลงมือ
เสิ่นเทียนกล่าวเตือนด้วยความหวังดี “พี่ชาย ดูเหมือนในสวนหมื่นวิญญาณจะไม่อนุญาตให้ลงไม้ลงมือ ผู้ฝ่าฝืนต้องถูกลงโทษ”
มุมปากของคนผ่านทางกระตุก แต่สุดท้ายก็ดึงกำปั้นกลับด้วยความไม่พอใจ
กว่าจะเก็บซ่อนเงินส่วนตัวไว้ใช้สักนิดไม่ใช่เรื่องง่าย มาถูกปรับเพราะมีเรื่องชกต่อยมันไม่คุ้มค่าเอาเสียเลย
“ไอ้นักต้มตุ๋น เจ้ารอก่อนเถอะ ข้าจะไปหาผู้คุมกฎของสวน ให้พวกเขามาจัดการเจ้าเดี๋ยวนี้!”
คนผ่านทางเดินจากไปพร้อมกับคำสบถ
ส่วนเสิ่นเทียนถอนหายใจแล้วย้ายแผงของตนเองไปที่ถนนอีกเส้นหนึ่ง
ในเมื่อเจ้าพูดแล้วว่าจะไปหาคณะผู้ดูแล ยังจะให้ข้ารออีก?
ข้าดูเหมือนคนโง่มากเช่นนั้นเลยหรือ
……
ต่อจากนั้น เสิ่นเทียนนำบทเรียนครั้งก่อนมาใช้ ไม่พูดไร้สาระกับผู้คนอีก
เมื่อเผชิญหน้ากับคำถาม ถ้าหากเหนือศีรษะไม่มีโชคลิขิตก็จะพูดออกไปโดยตรง “ท่านกับข้าไม่มีวาสนาต่อกัน”
เช่นนั้นแล้ว กลับกันยิ่งทำให้เขาดูมีชั้นเชิงและรัศมีที่ลึกลับมากขึ้น
ผนวกกับถึงแม้ว่าเขาติดหนวดสองเส้น ก็ไม่อาจบดบังความหล่อเหลาบนใบหน้า และออร่าความสูงศักดิ์ที่อยู่ในตัว
กลับกันผู้คนที่เข้ามาถามหาวาสนาก็เพิ่มขึ้นทีละคนสองคน ตอนนี้มีจำนวนหลายสิบคนแล้ว
เพียงแต่ในบรรดาคนเหล่านี้ โดยมากล้วนแต่เป็นผู้หญิงทั้งสิ้น
“พี่นักพรตหล่อมากเลย หนวดสองเส้นนั้นเหมือนกับมีคิ้วสี่เส้น”
“ดูแล้วพี่นักพรตน่าจะอายุยังไม่เยอะกระมัง ไม่ทราบว่าเคยผูกสหายร่วมบำเพ็ญหรือไม่ ลองพิจารณาข้าหน่อยสิ”
“พี่นักพรตจะไร้วาสนากับข้าได้อย่างไร! เรื่องของวาสนาสามารถผูกกันได้!”
“พี่นักพรตช่วยผู้คนค้นวิญญาณประเมินแร่ คิดว่าคงเหนื่อยแล้วกระมัง! มา ข้าจะช่วยเช็ดเหงื่อให้ท่าน”
……
เห็นโดยรอบของตนรายล้อมไปด้วยหญิงสาว เสิ่นเทียนอดไม่ได้ที่จะรู้สึกปวดหัว
ก็บอกไปแล้วไม่ใช่หรือว่าข้ากับพวกเจ้าไม่มีวาสนาต่อกัน ยังจะมาคลอเคลียอยู่ข้างกายทำไม บดบังทัศนวิสัยการตามหาผู้มีวาสนาของข้าหมด
บอกว่าข้าเหนื่อยแล้วจะช่วยข้าเช็ดเหงื่อ?
เหอะๆ
จนกระทั่งถึงตอนนี้ข้าก็ยังไม่มีลูกค้าสักคนเลย หนังหน้าของข้าเกือบจะโดนพวกเจ้าถูเช็ดจนถลอกหมดแล้ว!
ส่วนกุ้ยกงกงกับฉินเกาที่อยู่ข้างๆ เห็นแล้วรู้สึกนับถืออย่างยิ่ง
องค์ชายก็คือองค์ชาย สติปัญญาไกลเกินกว่าที่คนเป็นบ่าวไพร่อย่างพวกเราจะสามารถเทียบได้
ดูสิ ดูสิ!
วีรบุรุษช่วยหญิงงามอะไร จำเป็นด้วยหรือ
องค์ชายเพียงแค่นั่งอยู่ที่นี้ ปลดปล่อยออร่าออกมา หญิงงามราวกับบุปผาก็รีบเดินเข้ามาหาทันที
ถึงแม้ดูแล้วไม่เหมือนกุลสตรีผู้เพียบพร้อมแต่อย่างใด
แต่ดอกท้อที่มีจุดด่างพร้อยก็ไม่นับว่าเป็นดอกท้อแล้วหรือ
ไม่เห็นหรือพวกผู้ชายที่เดินผ่านไปมาอิจฉาจนตาแดงหมดแล้ว
กุ้ยกงกงรู้สึกชื่นชมอย่างยิ่ง “ในที่สุดองค์ชายก็เติบโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว ถ้าหากพระสนมหลานที่อยู่ในแดนปรโลกรู้ จะต้องยิ้มร่าทั่วแดนปรโลกอย่างแน่นอน”
……
ในตอนนั้นเอง มีเสียงตะคอกดังขึ้นจากด้านในของถนน
“ในที่สุดข้าก็จับเจ้าได้แล้ว หนอย เจ้าบังอาจหนีหรือ!”
เสิ่นเทียนมองไปตามทิศทางของเสียง กลับพบว่าเป็นคนผ่านทางพาผู้บำเพ็ญเซียนในชุดนักพรตกลุ่มหนึ่งเดินมาทางนี้
ผู้นำของผู้บำเพ็ญเซียนเหล่านี้เป็นเด็กสาวที่หน้าตาใสซื่อบริสุทธิ์ผู้หนึ่ง
อายุของนางราวๆ สิบห้าหรือสิบหกปี หน้าตาละมุนละไมน่าเอ็นดู ยังมีกลิ่นอายของความเยาว์วัย
แถมบนเหนือศีรษะยังมีผมกระจุกหนึ่งยื่นออกมา แลดูน่ารักยิ่งนัก
แต่กลิ่นอายที่แผ่ซ่านออกมาจากร่างกายของแม่นางผู้นี้ ค่อนข้างแข็งแกร่ง
กลิ่นอายเช่นนี้ ไม่ใช่สิ่งที่นักบำเพ็ญในช่วงหลอมปราณควรจะมี
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน