บทที่ 156 แสดงความรักมักตายไว
เสิ่นเทียนหยัดกายขึ้น กระดูกทั่วร่างส่งเสียงดังเปรี๊ยะๆ
ประกายสายฟ้าสีทองกลับเข้าตรงระหว่างคิ้วอีกครั้ง เส้นผมที่ตั้งอยู่ก็ตกลงมาเช่นกัน
เขาหมุนตัวมองไปรอบๆ ก่อนพบว่าหุบเขามหึมาในตอนแรก ตอนนี้กลายเป็นซากปรักหักพังหมดแล้ว ทั่วร่างตนอมฝุ่นควันสีเทาดูสภาพจนตรอกยิ่ง นี่ทำให้เขารู้สึกไม่สุขใจยิ่งนัก
“ออกไปให้หมด!”
พลังวิญญาณโหมกระหน่ำกลายเป็นเครื่องเป่าลมพุ่งออกจากในกายเสิ่นเทียน พริบตาเดียวฝุ่นควันทั้งหมดบนตัวเขาก็ถูกกระเทือนออก อาภรณ์กลับมาสะอาดสะอ้านอีกครั้ง
ตอนนี้เสิ่นเทียนสวมเกราะนักรบ สวมหน้ากากขนหงส์ ยืนอยู่เพียงลำพังด้วยความโอหัง บุคลิกเป็นเอกแห่งยุค!
เขามองใจกลางหุบเขาที่ยุบลงไปนั้นด้วยความลังเลเล็กน้อย จะลงไปดูดีหรือไม่ ตามภาพโชคลิขิตที่เห็นเหนือศีรษะฟางฉาง ฟางฉางน่าจะเจอโชคลิขิตนี้ เพียงแค่เวลาไม่ค่อยถูกต้อง
ใช่ เสิ่นเทียนมาเร็วไป…
ตามการวิเคราะห์สถานการณ์ตอนนี้ ถ้าเสิ่นเทียนมาช้าไปวันสองวันก็จะไม่เจอกับเถาจองจำเซียนบุกเมือง แน่นอนด้วยวงรัศมีเหนือศีรษะเขาก็ไม่แน่ว่าจะหาที่นี่เจอด้วยตนเอง
สรุปคืออุปสรรคครั้งนี้อาจจะกลับกลายเป็นโชคดีก็ได้ ตอนนี้ดูท่าน่าจะยังคุ้มค่า
หมอกวิญญาณบนที่ราบหมอกลับแลยังไม่สลายไป ตอนนี้หุบเขาถูกหมอกวิญญาณปกคลุมอีกครั้งแล้ว แต่หลังจากกินของเหลวเถาจองจำเซียนไปจำนวนมาก ทำให้ภูมิต้านทานต่อหมอกวิญญาณบรรลุถึงระดับสูงสุด
เขามองเห็นรางๆ ว่าในหุบเขาไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ มารดาเถาลวี่จีน่าจะตายตกเป็นเถ้าธุลีในเคราะห์ภัยสวรรค์แล้ว
เหอะๆ ก็พวกเจ้าสองคนมาแสดงความรักกันต่อหน้าข้า แสดงความรักมักตายไว บำเพ็ญเซียนหลายพันปี หลักการแค่นี้ก็ยังไม่เข้าใจรึ
แน่นอน ต่อให้เป็นเช่นนั้นเสิ่นเทียนก็ยังไม่บุ่มบ่ามบุกเข้าไปใจกลางหมอกวิญญาณ แต่เดินอ้อมไป
เขาต้องสำรวจใจกลางหุบเขาทุกมุมจนกว่าจะมั่นใจว่าจะไม่มีปัญหาอย่างก่อนหน้านี้อีก ถึงอย่างไรนั่นก็เป็นคนใหญ่คนโตระดับฝ่าด่านเคราะห์ ใครจะรู้ว่ายังมีคนรับช่วงต่ออยู่หรือไม่
เสิ่นเทียนอ้อมหุบเขาเดินไปเดินมาพลันตาเป็นประกาย เห็นของดีเข้าแล้ว
นั่นคือไฟกองหนึ่งกำลังแผดเผาบนร่างซากเถากลืนกินเซียนเหี่ยวแห้งเน่าเปื่อย ทั้งไม่ลุกลามและไม่มอดดับ
เสิ่นเทียนจำได้ว่านั่นคือต้นกำเนิดอัคคีอรุณใต้ที่เจ้ากระบี่สุริยะฟ้าอัญเชิญออกมา หลังจากโดนตีแตกแล้วก็กระจายออกไป
นี่เป็นเพียงเศษส่วนหนึ่งของต้นกำเนิดอัคคีอรุณใต้ มีอานุภาพส่วนเล็กของอัคคีอรุณใต้ในมือเจ้ากระบี่สุริยะฟ้า
ไฟกองนี้ออกเป็นสีแดงฉาน ทุกส่วนคึกคักราวกับนกเพลิงน้อย ดูมีอานุภาพไม่อ่อนแอ
ส่วนเสิ่นเทียน หลังพบไฟกองนี้แล้ว ภายในกายเกิดอารมณ์ตื่นเต้นคุ้นเคยนั้นอีกครั้ง ต้องการ!
ใช่ เป็นพลังจากคัมภีร์คบเพลิงอีกแล้วที่กำลังแสดงความกระหายของตนต่อเสิ่นเทียน
เสิ่นเทียนเองก็จนปัญญากับเรื่องนี้ เหตุใดเจ้าถึงอยากกินอะไรไปเสียทุกอย่างล่ะ!
แต่วิชาที่ตนฝึกฝนกินอัคคีอรุณใต้ได้ เสิ่นเทียนย่อมยินดีมาก มีอย่างเดียวที่ทำให้เขากังวลคือในไตเขามีน้ำมวลหนักปฐมกาลแล้ว จะรับอัคคีอรุณใต้ได้อีกหรือ
คงไม่กระทบกระทั่งกันในกายแล้วน้ำไฟเข้ากันไม่ได้ ให้ข้าร่างระเบิดเดี๋ยวนั้นหรอกนะ!
อืม~
จะเสี่ยงอันตรายไม่ได้!
ความปลอดภัยมาเป็นอันดับหนึ่ง ฝึกเซียนอันดับสอง
เมื่อคิดได้ดังนั้น เสิ่นเทียนก็หยิบกล่องหินออกมาอย่างระมัดระวัง นั่นคือกล่องที่เขาถือโอกาสหยิบมาด้วยจากวิหารผู้อาวุโสเสินสุ่ยหลิงตอนอยู่ถ้ำเซียนวารีสวรรค์
ตอนนั้นมีกล่องหินทั้งหมดสามกล่อง นี่คือหนึ่งในนั้น เดิมทีบรรจุต้นกำเนิดน้ำมวลหนักปฐมกาล
ตอนนี้เสิ่นเทียนเอากล่องออกมาก่อนเก็บต้นกำเนิดอัคคีอรุณใต้กลุ่มนั้นเข้าไปอย่างระมัดระวังก่อนปิดผนึกไว้อย่างดี
ถึงร่างกายจะต้องการมาก แต่เสิ่นเทียนก็ไม่ใช่ผู้อ่อนแอที่โดนความปรารถนาของร่างกายครอบงำ เขาอดทนไม่กินได้!
เมื่อบรรจุต้นกำเนิดอัคคีอรุณใต้ลงกล่องหินอย่างดีแล้วก็เอาใส่แหวนเวหา จากนั้นเสิ่นเทียนเดินอ้อมใจกลางหุบเขาตรวจสอบเป็นวงกลมไปเรื่อยๆ
จนกระทั่งวนมาถึงรอบหนึ่งพบว่าไม่มีอะไรผิดปกติจริงๆ แล้ว เสิ่นเทียนถึงควักป้ายคำสั่งเจ้ากระบี่ออกมาก่อนคลำทางเข้าไปอย่างระมัดระวัง
มือซ้ายถือป้ายคำสั่งเจ้ากระบี่ มือขวาถือโล่เทพเต่าดำ ปืนหยินหยางพิฆาตอสูรเก้ากระบอกลอยอยู่ข้างหลัง
ตอนนี้เสิ่นเทียนใส่อาวุธครบมือสุด พยายามไม่ให้มีอะไรผิดพลาดถึงที่สุด
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน