ตอนที่นักเปิดหินได้ยินมาว่าน้ำเต้าเซียนม่วงครามถูกคนซื้อไปและต้องการให้เขาเปิดมัน เขาถึงกับตกตะลึง
ของเช่นนั้นขายในราคาหนึ่งแสนศิลาวิญญาณ มีคนซื้อจริงหรือ
ต้องเป็นคนที่มีวิสัยทัศน์สั้นเพียงใด!
แต่ถึงจะมองแร่ก้อนนี้ในเชิงลบอย่างไร ในเมื่อเถ้าแก่สั่งให้เขาเป็นคนเปิด เขาย่อมไม่พูดอะไรมากอยู่แล้ว
เพราะยังไงเขาก็ไม่ได้เป็นคนจ่ายเงิน
มีดเปิดหินที่แหลมคมเฉือนพื้นผิวของหินแร่วิญญาณออกมาทีละชั้น
สายตาของทุกคนไปรวมกันที่หินแร่วิญญาณก้อนนั้น ราวกับกลัวว่าจะพลาดแม้กระทั่งวินาทีเดียว
ถึงแม้ปรมาจารย์ชีพจรวิญญาณเคยกล่าวว่าภายในแร่วิญญาณก้อนนี้ไม่มีของดีอะไรแน่
แต่ถ้าหากปรมาจารย์ชีพจรวิญญาณผิดพลาดขึ้นมา!
เช่นนั้นไม่เท่ากับพวกเขามีโอกาสได้เห็นปาฏิหาริย์หรือ
แต่ว่าหลังจากที่พื้นผิวถูกเฉือนออกมาทีละชั้น พวกเขาก็ต้องผิดหวัง
ปรมาจารย์ชีพจรวิญญาณไม่ได้ผิดพลาด น้ำเต้าเซียนม่วงครามชิ้นนี้เป็นของไร้ประโยชน์จริงๆ
ตอนที่เฉือนไปถึงชั้นสุดท้าย ไม่มีแม้กระทั่งเศษซากของศิลาวิญญาณปรากฏให้เห็น
มีเพียงน้ำเต้าสีดำมืดสนิทไร้แสงเปล่งประกาย
…
“เป็นไปได้อย่างไร ไม่ควรจะเป็นเช่นนี้!”
“ทั้งที่หินแร่ก้อนนี้ควรจะมีโชคลิขิต แต่ทำไมมันถึงเป็นน้ำเต้าเน่าๆ ชิ้นหนึ่ง”
เถ้าแก่หลิวทำหน้าเหลือเชื่อ มองไปทางเสิ่นเทียนด้วยความรู้สึกผิด
“นักพรตเสิ่น ข้าทำผิดต่อท่านแล้ว! และข้าก็ช่วยอะไรท่านไม่ได้เลย!”
ท่าทางของเขาแลดูจริงใจมาก
ส่วนคนผ่านทางรู้สึกสะใจมาก เขามองไปทางเสิ่นเทียน กล่าวเยาะเย้ย “ดูซิว่าคราวนี้เจ้ายังมีอะไรจะพูดอีก!”
เสิ่นเทียนมองข้ามคนผ่านทาง ยิ้มแล้วกล่าว “เถ้าแก่หลิวล้อเล่นแล้ว”
“ท่านมองทุกอย่างทะลุปรุโปร่งตั้งนานแล้ว เหตุใดต้องมาล้อเล่นอีกล่ะ!”
กล่าวจบ เขาเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าหลี่เหลียงเอ๋อร์ “เทพธิดา ข้าขอยืมกระบี่ได้หรือไม่”
หลี่เหลียงเอ๋อร์พยักหน้า หลังจากนั้นชักกระบี่ที่สะพายอยู่ด้านหลังให้เสิ่นเทียน
ชิง!
กระบี่ออกจากฝัก ไหลลื่นราวสายน้ำฤดูใบไม้ร่วง ประกายเย็นยะเยือกแพรวพราว
เอ่อ…แต่มันหนักไปหน่อย!
เสิ่นเทียนรวบรวมพละกำลัง ยกกระบี่ขึ้นฟันลงไปที่น้ำเต้าสีดำทันที
ตัง!
กระบี่ฟันใส่น้ำเต้า ทำให้เกิดเสียงกระทบของโลหะดังขึ้น
แม้น้ำเต้าชิ้นนี้มีขนาดเล็ก แต่ความแข็งของมันเกินความคาดหมายของทุกคน ด้วยเพราะมันผุกร่อนตามกาลเวลา จึงถูกกระบี่ที่แหลมคมนี้ผ่าออกเป็นสองซีก
ทว่าสิ่งที่ทำให้ผู้คนตกใจคือ ด้านในของน้ำเต้าที่ถูกผ่าออก มีเมล็ดพันธุ์ที่ส่องแสงอยู่ด้านในหนึ่งเม็ด
เมล็ดพันธุ์ปลดปล่อยแสงสีแดง สีส้ม สีเหลือง สีเขียว สีเขียวอมฟ้า สีฟ้าและสีม่วง ทั้งหมดเจ็ดสี และมีรัศมีที่นุ่มนวลทั่วทั้งเมล็ด
ภายใต้แสงอาทิตย์ที่สาดส่อง เผยเห็นรูปร่างของสัตว์ศักดิ์สิทธิ์อย่างเช่น มังกร หงส์ กิเลน กำลังร่ายรำระบำให้เห็นอย่างเลือนลาง
ในความว่างเปล่า มีเสียงวิถีแห่งเต๋าดังขึ้น ลึกลับซับซ้อนแฝงความหมายของวิถีแห่งเต๋า
ทันทีที่เสียงนี้ดังขึ้น จิตใจของผู้คนที่อยู่โดยรอบรู้สึกกระจ่างขึ้นมาทันใด
ถึงขั้นว่ามีความรู้สึกสัมผัสได้ถึงการเข้าถึงวิถีแห่งเต๋า
เห็นได้ชัด เมล็ดพันธุ์น้ำเต้าไม่ธรรมดาอย่างยิ่ง เป็นเมล็ดพันธุ์เซียนบันลือโลกที่ไม่สามารถประเมินค่าได้!
…
เสิ่นเทียนหยิบเมล็ดน้ำเต้าขึ้นมาวางลงบนมือของหลี่เหลียงเอ๋อร์อย่างแผ่วเบา
เขายิ้มเล็กน้อย “ข้าเคยพูดแล้ว จะไม่ทำให้เทพธิดาผิดหวัง!”
เห็นรอยยิ้มจางๆ บนใบหน้าเสิ่นเทียน หลี่เหลียงเอ๋อร์ตกอยู่ในภวังค์
ไม่เหลือบมองเมล็ดน้ำเต้าเซียนในมือแม้แต่นิดเดียว
พี่เสิ่นไม่ได้หลอกเหลียงเอ๋อร์จริงๆ ด้วย!
ขณะนี้ ในที่สุดผู้คนที่อยู่โดยรอบก็ดึงสติกลับมาจากความตกใจ
“เมล็ดพันธุ์? ก็ไหนบอกว่าในหินแร่วิญญาณมีเพียงสมบัติที่ไร้ค่าไม่ใช่หรือ”
“ทำไมสมบัติไร้ค่าจึงก่อตัวขึ้นเป็นเมล็ดพันธุ์ หรือว่ามันไม่ใช่ของวิเศษอะไรแต่แรก แต่มันเป็นน้ำเต้าของจริง?”
“เมล็ดพันธุ์เจ็ดสี ดูแล้วน่าอัศจรรย์ยิ่ง!”
“ข้าว่าแล้ว! พี่นักพรตหน้าตาหล่อเหลาเช่นนี้ ต้องไม่ใช่นักต้มตุ๋นแน่นอน!”
“คนธรรมดาสามัญอย่างพวกเจ้าจะเข้าถึงวิชาพี่นักพรตได้อย่างไร น่าขำสิ้นดี!”
…
เถ้าแก่หลิวมองเมล็ดพันธุ์ในมือของหลี่เหลียงเอ๋อร์ด้วยสายตาที่เหม่อลอย ราวกับนึกอะไรขึ้นได้
“หรือนี่ก็คือเมล็ดเจ็ดสมบัติน้ำเต้าเซียนที่ติดอันดับสามสิบหกในรายนามของไม้วิญญาณในตำนาน”
หลังจากนึกถึงความเป็นไปได้นี้ เถ้าแก่หลิวรู้สึกหน้ามืดขึ้นมาทันที
เขาร้องไห้ออกมาจริงๆ แล้ว!
ในโลกบำเพ็ญเซียนนอกจากศิลาวิญญาณและของวิเศษ ยังมีของอัศจรรย์มากมายที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ
เหล่าผู้บําเพ็ญเซียนจะจัดลำดับรายนามของวิเศษจะจากคุณลักษณะ ประเภท และความล้ำค่าของพวกมัน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน