บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน นิยาย บท 18

บทที่ 18 ราชากระบี่ดอกบัว หลี่ฉางเกอ
ได้ยินคำชมของเสิ่นเทียน ผู้คนที่อยู่โดยรอบก็กระจ่างทันใด แต่ละคนรู้สึกชื่นชมเถ้าแก่หลิวอย่างมาก

“ใช่แล้ว! ที่แท้พวกเราเข้าใจเถ้าแก่หลิวผิด เข้าใจร้านวิญญาณอริยะผิด”

“สมกับที่เป็นเถ้าแก่ร้านวิญญาณอริยะ สามารถมองทะลุด้านในของหินแร่วิญญาณ น่านับถืออย่างยิ่ง”

“ข้าขอเรียกคืนคำพูด ‘จะไม่มาร้านวิญญาณอริยะอีกแล้ว’ และขอโทษเถ้าแก่หลิวด้วย นี่ต่างหากถึงจะเป็นร้านค้าที่มีคุณธรรมจริงๆ”

“ทั้งที่รู้ว่าด้านในหินแร่ก้อนนี้มีสมบัติล้ำค่า แต่ก็ยังตั้งไว้ในร้านรอให้คนที่มีวาสนามาพบ เถ้าแก่หลิวสูงส่งยิ่งนัก!”

“ต่อไปข้าจะมาซื้อหินแร่วิญญาณที่นี่ คนใจดีอย่างเถ้าแก่หลิวไม่ใช่พ่อค้าหน้าเลือดแน่นอน”

“ขอเพียงทุกคนมีจิตใจกุศลอย่างเถ้าแก่หลิวสักเล็กน้อย เหตุใดต้องกังวลว่าโลกบำเพ็ญเซียนจะไม่ใช่โลกที่สวยงามด้วย”

ได้ยินคำชมของเสิ่นเทียนและผู้คน เถ้าแก่หลิวยิ้มได้น่าเกลียดยิ่งกว่าร้องไห้

“สมควรแล้ว นี่เป็นสิ่งที่ข้าสมควรทำ!”

“ขอบคุณการสนับสนุนของทุกท่าน ต่อไปร้านวิญญาณอริยะจะตอบแทนลูกค้าทุกท่านด้วยความกระตือรือร้นยิ่งกว่านี้ ตอบแทนลูกค้า ตอบแทนทุกท่าน”

“สมบัติได้กลับมาเห็นฟ้าเห็นตะวัน ได้พานพบเจ้าของ ข้า…ข้ารู้สึกซาบซึ้งจนไม่สามารถควบคุมอารมณ์ของตัวเอง ทุกท่านข้าขอตัวก่อน ข้าขอไปร้องไห้สักครู่ ”

“ว้าว…”

กล่าวถึงช่วงท้าย เถ้าแก่หลิวซาบซึ้งจนร้องไห้

น้ำตาขนาดเท่าเม็ดถั่วเขียวหยดลงบนพื้นทีละเม็ด น้ำตาหยดดังตึ๋ง ๆ

ผู้คนโดยรอบเห็นแล้วยิ่งรู้สึกนับถือ

ดูดู นี่สิถึงจะเรียกว่าพ่อค้าที่มีคุณธรรม!

ให้ความสำคัญมิตรไมตรี กล้ารัก กล้าชัง กล้าหลั่งน้ำตา

พวกเถ้าแก่ร้านข้างๆ ดูเป็นตัวอย่างด้วย

ส่วนหลี่เหลียงเอ๋อร์จ้องเสิ่นเทียนอยู่พักใหญ่ ราวกับหยุดนิ่งอยู่ตรงนั้น

จนกระทั่งรองหัวหน้ากลุ่มผู้คุมกฎกล่าวเตือน นางถึงดึงสติของตนเองกลับมาได้

หลี่เหลียงเอ๋อร์ถือเมล็ดน้ำเต้าเซียนที่ส่องประกายแสงเจ็ดสี กล่าวด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง “เมล็ดพันธุ์เม็ดนี้ข้ารับไว้ไม่ได้!”

“นี่เป็นหินแร่วิญญาณที่พี่เสิ่นเลือก โชคลิขิตที่เปิดออกมาจะมอบให้ข้าทั้งหมดได้อย่างไร!”

เสิ่นเทียนยิ้มเล็กน้อย “ข้าเคยพูดไว้ก่อนแล้ว ช่วยผู้มีวาสนาค้นวิญญาณประเมินแร่ไม่แบ่งแม้แต่แดงเดียว เทพธิดาไม่ต้องเกรงใจ”

หลี่เหลียงเอ๋อร์รีบกล่าว “แต่นี่มันเป็นสมบัติล้ำค่าที่ไม่สามารถประเมินค่า เหลียงเอ๋อร์จะยืดอกรับไว้ได้อย่างไร!”

แม้เสิ่นเทียนเองก็รู้สึกอาลัยอาวรณ์เมล็ดพันธุ์เม็ดนี้ แต่เขารู้สึกหวงแหนดวงชะตาที่เพิ่งดีขึ้นมากกว่า

อย่างไรก็ตามนี่เป็นเมล็ดพันธุ์ ไม่ใช่วิชายุทธ ไม่สามารถแบ่งปันร่วมกันสองคน

หรือจะให้หักครึ่งเมล็ดพันธุ์เอาไปคนละครึ่ง

เลิกล้อเล่นสักทีเถอะ!

กลับไปปลูกออกมาเป็นเจ็ดสมบัติทัพพีน้ำเต้าเซียนจะทำอย่างไร

หรือจะให้นำไปหลอมเกลาเป็นอาวุธวิเศษ เวลาต่อสู้ให้ตะโกนเช่นนี้ ‘สวรรค์ไม่ได้ให้กำเนิดข้าเสิ่นอ้าวเทียน วิถีทัพพีน้ำเต้าบรรพกาลดั่งรัตติกาลยาวนาน’

ทัพพีน้ำเต้าจงมา?

ในเมื่อไม่สามารถแบ่งคนละครึ่ง ก็คงทำได้แต่มอบเมล็ดพันธุ์เม็ดนี้ให้หลี่เหลียงเอ๋อร์ทั้งหมด

ไม่เช่นนั้นถ้าหากปลูกเมล็ดพันธุ์เม็ดนี้ เสิ่นเทียนจะไม่ยิ่งดวงซวยเข้าไปใหญ่หรอกหรือ

เจ้าอย่าฝันคิดทำให้ข้าเสียการใหญ่!

ครั้นนึกถึงตรงนี้ เสิ่นเทียนกล่าวอย่างมีคุณธรรม “เทพธิดาเหลียงเอ๋อร์กล่าวเช่นนี้ก็ไม่ถูกต้อง แม้เมล็ดเซียนล้ำค่า แต่วาสนาล้ำค่ายิ่งกว่า”

“ในตอนที่ทุกคนกำลังสงสัยข้า มีเพียงเทพธิดายืนกรานเชื่อใจข้า”

“มีเหตุย่อมมีผล นอกเสียจากเทพธิดาคิดว่า วาสนาของข้าเจ้ายังไม่สามารถเทียบกับเมล็ดเจ็ดสมบัติน้ำเต้าเซียน”

มีรอยยิ้มที่อบอุ่นปรากฏขึ้นบนใบหน้าเสิ่นเทียน

ดั่งสายลมฤดูใบไม้ผลิพัดผ่าน เกิดระลอกคลื่นภายในใจของหญิงสาวทุกนาง

ทันใดนั้น จิตใจของหญิงสาวที่อยู่ในร้านวิญญาณอริยะต่างสั่นไหว

“ว้าว พี่นักพรตช่างอบอุ่นเหลือเกิน!”

“พี่นักพรตอะไร เขาดูแร่แม่นเช่นนี้ เรียกว่าพี่เซียนรูปหล่อว่าไปอย่าง!”

“ใช่แล้ว ใช่แล้ว พี่เซียนรูปหล่อถึงจะถูก!”

“น่าอิจฉาเทพธิดาเหลียงเอ๋อร์ แค่ศิลาวิญญาณห้าหมื่นก้อนก็สามารถผูกวาสนาร่วมกับพี่เซียนรูปหล่อแล้ว ข้าเองก็อยากเหมือนกัน!”

“พี่เซียนรูปหล่อ ท่านดูให้หน่อยสิว่าข้ากับท่านมีวาสนาต่อกันหรือไม่ ข้าไม่ถือสาที่จะเป็นเมียรอง!”

“ข้าด้วย ข้าด้วย พี่เซียนรูปหล่อ ข้าไม่ขอเรื่องชื่อเสียงลาภยศ เป็นเพียงสายลมฤดูใบไม้ผลิที่พัดผ่านก็เพียงพอ”

ได้ยินคำพูดของสตรีเหล่านี้ สีหน้าของหลี่เหลียงเอ๋อร์แดงระรื่นอย่างเห็นได้ชัด

“ดังนั้นนี่ก็คือผลของการผูกวาสนาระหว่างข้ากับพี่เสิ่นหรือ”

“หรือว่านี่คือสิ่งของแทนใจที่พี่เสิ่นมอบให้ข้า”

ในใจของหลี่เหลียงเอ๋อร์มีหมื่นพันความคิดเอ่อล้น

นางเก็บเมล็ดพันธุ์น้ำเต้าเซียนด้วยความระมัดระวัง “ท่านวางใจได้ เหลียงเอ๋อร์จะปลูกฝังเมล็ดพันธุ์น้ำเต้าเซียนเม็ดนี้อย่างดี ปล่อยให้มันเติบโตขึ้นอย่างสมบูรณ์แน่นอน!”

ขณะนี้ หลี่เหลียงเอ๋อร์ได้ตัดสินใจอย่างแน่วแน่แล้ว

ถึงต้องพยายามอย่างสุดความสามารถ นางก็จะปลูกเมล็ดน้ำเต้าเซียนเม็ดนี้ออกมาให้ได้

ให้เวลาอีกหน่อย จะพาน้ำเต้าเซียนที่เติบโตขึ้นกลับมาสานวาสนากับพี่เสิ่นต่อ

จะทำผิดต่อความหวังดีที่พี่เสิ่นมีต่อตัวข้าไม่ได้เด็ดขาด!

ในตอนนั้นเอง มีน้ำเสียงที่เจ้าเล่ห์ดังขึ้นในร้านวิญญาณอริยะ

“แหะๆ ในเมื่อพวกเจ้าไม่ต้องการเมล็ดน้ำเต้าเซียนเม็ดนี้ ไม่สู้มอบมันให้ข้าเสียจะดีกว่า!”

ทันทีที่สิ้นเสียง กลับเห็นหมอกสีดำหนาทึบก่อตัวขึ้นในร้านวิญญาณอริยะ

หมอกสีดำพลุ่งพล่านไม่หยุด เพียงแค่พริบตาเดียวปกคลุมไปทั่วทั้งร้านวิญญาณอริยะ

แสงสว่างปรากฏขึ้นในร้านวิญญาณอริยะอีกครั้ง

……

“อ๊าก!”

มีเสียงกรีดร้องเสียงหนึ่งดังขึ้นในร้านวิญญาณอริยะ

รอจนกระทั่งฝุ่นควันจางหาย พบว่าตรงใจกลางของร้านวิญญาณอริยะ มีผู้ชายในชุดขาวคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้น

เขาไว้ผมยาวคลุมบ่า คิ้วโค้งเรียวเช่นดาบ ในมือถือน้ำเต้าสุราสีเขียวอมฟ้า หลังสะพายกระบี่เทพยาวสามฟุต ทั้งตัวมีกลิ่นอายที่แข็งแกร่งแผ่ซ่าน

ยกสุราชั้นยอดขึ้นดื่ม บนใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยรอยยิ้มแห่งความพึงพอใจ

ราวกับกระบี่ศักดิ์สิทธิ์ทำลายล้าง โดดเด่นเหนือสามัญ

ในขณะเดียวกันก็เหมือนคุณชายผู้สง่างาม ไร้ขีดจำกัดไม่มีข้อผูกมัด!

หากทั่วหล้ามีเซียนกระบี่จริง เกรงว่าต้องเป็นคนคนนี้กระมัง!

ใต้ฝ่าเท้าของเขา มีร่างของชายชราชุดดำสีผิวคล้ำ

จุดตันเถียนถูกทะลุทะลวง โดนสยบอย่างสมบูรณ์

“นั่นเขา! อัจฉริยะอันดับหนึ่งของแดนเทวาดาวประกายพรึก ราชากระบี่ดอกบัวหลี่ฉางเกอ! ”

“หรือคนที่อยู่ใต้เท้าของเขาคือผู้ฝึกวิชามารจากต่างแดนที่ผู้คนรู้จักในนามหนีเก๋อเอ่อบรรพชนภูตดำ เขาเป็นถึงผู้แข็งแกร่งระดับแก่นพลังทองช่วงปลายเลยนะ!”

“พ่นลมออกจากปาก ปราณกระบี่กลายเป็นดอกบัว หรือว่าเขาสามารถฝึกฝน ‘เพลงกระบี่ดอกบัว’ ถึงในระดับที่เชี่ยวชาญมากแล้ว”

“อายุเพียงแค่นี้สามารถเอาชนะหนีเก๋อเอ่อได้ เป็นเจตจำนงกระบี่ที่แข็งแกร่งมาก น่ากลัวอะไรเช่นนี้!”

“ห้าวหาญยิ่งนัก แม้รูปลักษณ์ยังอยู่ห่างชั้นจากพี่เซียนรูปหล่อ แต่ก็ดูดีมาก!”

“ข้าชอบแบบพี่เซียนรูปหล่อมากกว่า ไม่ชอบผู้ชายดื่มสุรา!”

“ผู้ชายที่ดื่มสุรามักจะใช้เวลาอยู่กับการดื่มทั้งวันทั้งคืน ไม่แน่อาจจะมีผู้หญิงคนอื่นด้วยก็เป็นได้ ทำให้รู้สึกไม่ปลอดภัย พี่เซียนรูปหล่อแลดูพึ่งพาได้มากกว่า!”

“ข้าก็คิดเช่นนั้น สิ่งสำคัญคือพี่เซียนรูปหล่อหล่อเกินไป!”

“บวกหนึ่ง”

ฟังคำพูดของผู้คนโดยรอบ โดยเฉพาะคำวิพากษ์วิจารณ์ของผู้หญิงเหล่านั้น

รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่ฉางเกอค่อยๆ แข็งทื่อ

ในสายตาของคนเหล่านั้น ข้าไม่ใช่บุคคลที่โดดเด่นที่สุดของที่นี่หรอกหรือ

ข้าอุตส่าห์เปิดตัวอย่างสง่างาม ทั้งท่องบทกวีทั้งรำกระบี่ สิ่งเหล่านี้ยังจะมีความหมายอะไร

โดยเฉพาะเห็นหลี่เหลียงเอ๋อร์น้องสาวที่รักมากที่สุด ขณะนี้กำลังจ้องผู้ชายอีกคนตาไม่กะพริบ

ถึงขั้นไม่มีคำว่า ‘ท่านพี่มาแล้ว’ ให้กับตนเองสักคำ

อารมณ์ของหลี่ฉางเกอเดือดขึ้นมาทันทีทันใด

…………………………………………

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน