บทที่ 199 คนรักเก่าของผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกต (2)
พวกลูกศิษย์รอบๆ ต่างจับกลุ่มพูดซุบซิบ
พวกเขาใช้พลังจิตสามถึงห้าส่วนสื่อสารกัน บ้างอิจฉา บ้างเฝ้าใฝ่หา บรรยากาศอบอวลไปด้วยกลิ่นมะนาว
แต่ตอนนี้เสิ่นเอ้ามองเสิ่นเทียนที่ยิ้มจากใจจริง แต่กลับรู้สึกจิตใจซับซ้อนอย่างยิ่ง
สารภาพตามตรง ตั้งแต่ก้าวมาบนโลกบำเพ็ญเซียน โลกทัศน์ของเสิ่นเอ้าก็ถูกกระทบกระเทือนอย่างรุนแรงที่สุด เห็นๆ อยู่ว่าเขาเป็นอัจฉริยะที่ยากจะพานพบได้ในร้อยปีของราชวงศ์ต้าเหยียน เป็นความภูมิใจของทุกคนตั้งแต่เยาว์วัย
แต่หลังจากเข้าแดนเทวาดาวประกายพรึก เสิ่นเอ้ากลับพบว่าพรสวรรค์ของตนไม่ได้สุดยอดอย่างที่ตนจินตนาการไว้จริงๆ
พรสวรรค์ของศิษย์พี่หลี่ฉางเกอกับศิษย์พี่หญิงหลี่เหลียนเอ๋อร์แกร่งกว่าเขามาก
กระทั่งตอนนี้ในศิษย์ทุกคนที่ร่วมฝึกในสนามรบบรรพกาลครั้งนี้ เขายังอยู่แค่ระดับกลางค่อนไปทางสูงเท่านั้น ทว่าน้องสิบสามผีดวงซวยที่ถูกเขาทิ้งห่างไปไกลมาตลอด กลับเขย่าตัวกลายเป็นบุตรศักดิ์สิทธิ์แห่งแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์
เขาดึงดูดทุกสายตาไป ทุกคนต่างรายล้อมรอบตัวเขา
ท่านหญิงเซียนเซียวหลิงที่อาจารย์เลื่อมใสอย่างยิ่งและได้รับขนานนามว่า ‘ใกล้ชิดนางจะไม่ต้องดิ้นรน’ คนนั้นกลับเป็นผู้คลั่งไคล้ที่ซื่อสัตย์จริงใจกับน้องสิบสาม
ต้องบอกว่าความโอหังของเสิ่นเอ้าพ่ายแพ้อย่างย่อยยับ
ถ้าเขาอดทนต่อไป เช่นนั้นคมกระบี่ล้ำค่าก็จะมาจากการขัดเกลา บางทีอาจจะเดินบนวิถีกระบี่ได้แข็งแรงยิ่งกว่าเดิม
ถ้าเดินไปไม่ไหว จิตใจแหลกสลาย ระเบิดตัวเองยอมแพ้ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้
เมื่อเห็นเสิ่นเอ้าเหม่อมองตน เสิ่นเทียนก็ชะงักไปเล็กน้อย
ทำไมกัน พี่หกรังเกียจที่ข้าให้ของเหลวศักดิ์สิทธิ์น้อยไปหรือ
พอคิดถึงตรงนี้ เสิ่นเทียนก็หยิบกล่องไม้จันทน์วิญญาณออกมาจากแหวนเวหาอีกกล่อง ก่อนยัดสองกล่องใส่ตรงอกของเสิ่นเอ้า
“พี่หก เราพี่น้องสายเลือดเดียวกัน เรื่องเข้าใจผิดที่สวนหมื่นวิญญาณกับพระราชวังก่อนหน้านี้ หวังว่าพี่จะไม่ใส่ใจนะ!”
เสิ่นเอ้ารับของเหลวศักดิ์สิทธิ์นิพพานยี่สิบชั่งมาแบบงงๆ เกาหัวอย่างงงๆ “ความเข้าใจผิดอะไรที่สวนหมื่นวิญญาณรึ”
เสิ่นเทียนผงะไปเล็กน้อย เหงื่อเย็นๆ ไหลลงมาจากหน้าผากหยดหนึ่ง
แต่เถ้าแก่ซ่งข้างหลังเขาเหงื่อไหลเยอะยิ่งกว่า
เสิ่นเทียนกระแอมไอเบาๆ “ไม่มีอะไร ไม่สำคัญหรอก อดีตก็ให้มันผ่านพ้นไปเถอะ!”
อ้อ!
เสิ่นเอ้าพลันตั้งสติกลับมาได้!
ใช่ เพราะน้องสิบสามเรียกตัวเองว่าเสิ่นเอ้าเทียนในสวนหมื่นวิญญาณ ดังนั้นท่านหญิงเซียนเซียวหลิงถึงเข้าใจผิดคิดว่าข้าคือเสิ่นเอ้าเทียน
ดังนั้นจึงมาหาถึงที่ ก่อนจะชี้หน้าข้าด่าข้าว่าหน้าตาอัปลักษณ์
บัดซบ ชีวิตนี้ข้าไม่เคยต้องคับอกคับใจเช่นนี้มาก่อนเลย!
ยิ่งคิดยิ่งโมโห ยิ่งคิดยิ่งโกรธ เสิ่นเอ้าสูดลมหายใจเข้าลึกทีหนึ่ง “น้องสิบสาม เข้าใจผิดแค่นี้เอง พี่ไม่เคยใส่ใจเลย ส่วนของเหลวศักดิ์สิทธิ์เยียวยาอะไรนี่ เจ้าเอากลับไปเถอะ! ในตัวพี่ยังมียาลูกกลอนย้อนวสันต์อีกไม่น้อย
อีกอย่างตอนนี้พี่ฝึกวิถีกระบี่ กระบี่มีความทระนง ไม่เคย…”
เสิ่นเอ้ายังพูดไม่จบ กลับมีเสียงกระแสจิตของผู้สูงศักดิ์จื่อหยางดังตะคอกขึ้นในความคิด
“ศิษย์ชั่ว ศิษย์ชั่ว! เจ้าศิษย์โง่ของข้า รับไว้ รับไว้สิ! เจ้ารู้หรือไม่ว่าของเหลวศักดิ์สิทธิ์นิพพานนี่ล้ำค่าเพียงใด ขายตัวอาจารย์เจ้าข้ายังจะซื้อของเหลวศักดิ์สิทธิ์นิพพานสักขวดไม่ได้เลย!
ถ้าตอนนั้นอาจารย์มีน้องชายเช่นนี้ ไฉนจะต้องดิ้นรนอีก เอ้าเอ๋อร์ เจ้าอย่าอยู่ใจกลางความสุขยังไม่รู้ว่าเป็นสุขสิ เลีย เลียสิ!”
เมื่อได้ฟังคำพูดอันคลุ้มคลั่งของผู้สูงศักดิ์จื่อหยางแล้ว เสิ่นเอ้าถึงกับผงะไป
อีแค่ของเหลวศักดิ์สิทธิ์นิพพานยี่สิบชั่ง ขายอาจารย์แล้วก็ยังแลกมาไม่ได้หรือ
เหตุใดอาจารย์ถึงไร้ค่าเช่นนี้กัน
เฮ้ยๆๆ!
ไม่ใช่สิ ต้องเป็นของเหลวศักดิ์สิทธิ์นิพพานนี่เป็นสมบัติสุดยอดแบบใดกันแน่ เหตุใดถึงมีค่าเช่นนี้!
เมื่อคิดได้ดังนั้น เสิ่นเอ้าก็ปวดใจยิ่งกว่าเดิม!
เป็นลูกหลานตระกูลเสิ่นแห่งอาณาจักรต้าเหยียนเหมือนกัน ของขวัญที่น้องสิบสามให้มาสบายๆ กลับซื้ออาจารย์ของเขาได้สองคน
ท่านแม่ เอ้าเอ๋อร์ทำให้ท่านขายหน้าแล้ว!
แต่พอมาคิดดูดีๆ ตอนนั้นท่านแม่ก็เหมือนจะไม่เป็นที่โปรดปรานเท่าพระสนมหลานจริงๆ ทั้งยังเป็นหนึ่งในผู้คลั่งไคล้ของพระสนมหลานอีก
อืม แบบนี้ดูแล้วข้าสู้น้องสิบสามไม่ได้ก็เป็นเรื่องปกติมาก!
เมื่อหาบันไดให้ตัวเองในใจได้แล้ว เสิ่นเอ้าก็รู้สึกปลอดโปร่งขึ้นมา กระทั่งจิตแห่งกระบี่ยังเหมือนผ่านการหล่อหลอมครั้งหนึ่ง ระดับวิถีกระบี่ก้าวหน้าอย่างมากในเวลาอันสั้น!
……
เสิ่นเทียนเห็นเสิ่นเอ้าหน้าเปลี่ยนสีไปไม่หยุดก็อดกังวลขึ้นมามิได้
ข้าก็ให้ของเหลวศักดิ์สิทธิ์นิพพานพี่หกไปสองขวดแล้วไม่ใช่รึ! พี่หกพี่จะเกรงใจก็เกรงใจไป ไฉนต้องทำหน้าหลากหลายอารมณ์เช่นนี้ด้วย!
เมื่อคิดได้ดังนั้น เสิ่นเทียนก็พูดด้วยความจนปัญญา “พี่หก นี่คือน้ำใจของข้า เราพี่น้อง…”
เสิ่นเทียนยังพูดไม่จบก็โดนเสิ่นเอ้าขัดก่อน “ช่างเถอะ ในเมื่อน้องสิบสามยึดมั่นเช่นนี้ พี่ก็คงได้แต่รับเอาไว้”
เขาเก็บของเหลวศักดิ์สิทธิ์นิพพานสองขวดเข้าไปในสมบัติวิเศษเก็บของของตนด้วยรอยยิ้ม
ตอนนี้เสิ่นเอ้ารู้สึกว่าตนละวางของเหลวศักดิ์สิทธิ์นิพพานลงแล้ว ละวางใจที่จะแข่งกับน้องสิบสามลงแล้ว และก็ละวางใจที่อาจเอื้อมไปเปรียบกับสิ่งที่สูงกว่าโดยไม่จำเป็นได้แล้ว
ในโลกมักจะมีคนพวกหนึ่งเป็นลูกรักของสวรรค์ เป็นพระเอกของยุคสมัย คนปกติไม่อาจเทียบได้
การจะแข่งกับคนพวกนี้ บางครั้งมันเป็นแค่การหาเรื่องกลุ้มให้ตัวเองเท่านั้น!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน