บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน นิยาย บท 2

บทที่ 2 ขันทีน้อยผู้มีโชค
เสิ่นเทียนลุกขึ้นจากเตียง “ท่านลุงกุ้ย ข้าจะอาบน้ำเปลี่ยนผ้าและออกไปเดินเล่นสักหน่อย”

“พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท บ่าวจะไปเตรียมให้เดี๋ยวนี้”

กุ้ยกงกงซาบซึ้งจนน้ำตาคลอเบ้า ในเวลาหนึ่งเดือนที่ฝ่าบาทนอนอยู่บนเตียง เขาเองก็ไม่สบายใจเช่นกัน

ทุกครั้งที่ถูกธาตุไฟเข้าแทรกในอดีต อารมณ์ขององค์ชายสิบสามแปรปรวนอย่างยิ่ง

ขอเพียงพลังปราณฟื้นฟูกลับมาเล็กน้อย เขาก็คิดจะลงจากเตียงไปหาวิชายุทธ์อื่นมาลองฝึกฝนต่อทันที

คราวนี้เสิ่นเทียนนอนสงบนิ่งอยู่บนเตียง กุ้ยกงกงรู้สึกโล่งใจมากในตอนแรก

ในที่สุดองค์ชายสิบสามก็เรียนรู้ที่จะทะนุถนอมร่างกายของตนเองแล้ว พระสนมหลานที่อยู่แดนปรโลกรู้เข้า ก็คงยิ้มร่าทั่วทั้งแดนปรโลก

แต่เมื่อเวลาล่วงเลยไปทีละนิด กุ้ยกงกงพบว่าเรื่องไม่ได้ธรรมดาเพียงนั้น

พฤติกรรมขององค์ชายสิบสามน่าตกใจเกินไปแล้วกระมัง!

บอกให้นอนพักฟื้นอยู่บนเตียง หากไม่มีธุระอันใดอย่าเพ่นพ่านไปทั่ว

ไม่ได้บอกให้กินดื่มถ่ายอยู่แต่บนเตียง ทุบตีให้ตายก็ไม่ยอมลงมาแม้แต่ครึ่งก้าวเสียหน่อย!

นี่พระองค์คิดจะทำอะไรอีก หรือว่ากลายเป็นคนติดเตียงไปแล้ว

ในเวลาหนึ่งเดือนเต็ม จู่ๆ เสิ่นเทียนก็กลายเป็นคนสงบเสงี่ยม เรื่องนี้ผิดปกติอย่างมาก

หากไม่ใช่เพราะเสิ่นเทียนเตรียมตัวอาบน้ำอาบท่าจะออกไปข้างนอก กุ้ยกงกงกำลังจะเชิญหมอหลวงมาแล้วเชียว

มาตรวจดูสักหน่อยว่าสมองของฝ่าบาทได้รับความเสียหายจากการถูกธาตุไฟเข้าแทรกหรือไม่

……

อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า ล้างหน้าบ้วนปาก

สวมชุดคลุมลายพญางูหลามขาวอันวิจิตร เกล้าผมทรงกระเรียนเหินเมฆา จากนั้นสวมรองเท้าทรายทองเหยียบเมฆ เสิ่นเทียนตกตะลึงจนแทบล้มคว่ำเพราะชายรูปงามในกระจก

สง่างามไร้ที่ติ เหนือธรรรมดาโดยกำเนิด!!

รูปลักษณ์เช่นนี้หากอยู่ในโลกศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ด จะบากบั่นต่อสู้น้อยลงยี่สิบปีแน่นอน

ไม่สิ ประหยัดเวลาสู้ชีวิตได้สองร้อยปีเลย!

มีเพียงสิ่งเดียวที่ไม่สมบูรณ์แบบก็คือ วงแหวนที่อยู่เหนือศีรษะของเขายังคงเป็นสีดำเหมือนเดิม สาดส่องจนใบหน้าของเขากลายเป็นสีดำ ราวกับหัวหน้าชนเผ่าสักเผ่า

‘ต้องหาวิธีจัดการปัญหาวงแหวนสีดำที่อยู่บนหัวโดยเร็วที่สุด’

เสิ่นเทียนแอบสาบานในใจ ถึงเหนือศีรษะจะเปลี่ยนเป็นสีเขียว[1]ไปบ้าง แต่อย่างน้อยก็ดีกว่าจะตายเมื่อไรก็ไม่รู้!

……

ในใจเต็มไปด้วยหมื่นพันความคิด ท้ายที่สุดเสิ่นเทียนก็เดินออกมาจากตำหนักใจพิสุทธิ์

สิ่งที่ต้องกล่าวถึงก็คือ ขณะที่เสิ่นเทียนเดินอยู่ในพระราชวัง ในรัศมีสิบเมตรจะไม่มีใครกล้าเข้าใกล้เลย

แม้กระทั่งพวกขันทีและนางกำนัลในวังก็ล้วนเดินหลบไปไกล ประหนึ่งกลัวติดเชื้อเทพหายนะอย่างนั้น

สายตาเช่นนั้นทำให้เสิ่นเทียนไม่สบอารมณ์อย่างยิ่ง

‘ไม่รู้ว่าเจ้าคนอับโชคคนนี้ผ่านสิบหกปีนี้มาอย่างไร’

ในใจของเสิ่นเทียนแอบรู้สึกเห็นใจองค์ชายสิบสาม แต่ก็ยังชื่นชมอย่างสุดซึ้งเช่นกัน

เขาแค่โดนผู้อื่นมองเช่นนี้ครู่เดียว ก็รู้สึกอึดอัดแทบตายแล้ว

ส่วนองค์ชายสิบสามถูกผู้คนใช้สายตาเช่นนี้มองมานานสิบหกปี ปรากฏว่าเขาไม่เพียงไม่ย่อท้อหรือล้มเลิกความตั้งใจ กลับกันแม้ตายก็ยังต่อสู้กับโชคชะตาไม่หยุด

ในขณะเดียวกันก็ไม่มีแนวโน้มว่าจะถูกความมืดครอบงำจิตใจด้วย

ลักษณะนิสัยของเจ้าหมอนี่เอาไปเทียบกับนารูโตะได้เลย!

……

ระหว่างที่เดินอยู่ในพระราชวัง เสิ่นเทียนคอยสังเกตวงรัศมีที่อยู่เหนือศีรษะของคนอื่นไปด้วย

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน