บทที่ 1 ข้าคงไม่ใช่พระเอกตัวปลอมหรอกกระมัง!
เสิ่นเทียนรู้สึกกลัดกลุ้มยิ่งนัก
เขาข้ามภพมาสู่โลกแห่งการบำเพ็ญเซียน กลายเป็นองค์ชายสิบสามแห่งอาณาจักรต้าเหยียนที่อยู่ในดินแดนบูรพาของโลกบำเพ็ญเซียน
ส่วนที่ว่าข้ามภพมาแล้วกลายเป็นถึงองค์ชาย ทำไมถึงยังกลัดกลุ้มอยู่อีก
เหอะๆ
เพราะร่างขององค์ชายที่เขามาอาศัยร่างอยู่ เป็นองค์ชายที่ทุกคนว่ากันว่าเป็นบุคคลอับโชคอย่างหาที่เปรียบมิได้น่ะสิ!
…
พระสนมหลานมารดาขององค์ชายสิบสาม เดิมทีเป็นหญิงงามอันดับหนึ่งแห่งอาณาจักรต้าเหยียน และเป็นนางสนมที่จักรพรรดิเหยียนโปรดปรานมากที่สุด สถานะในพระราชวังของนางใกล้เคียงกับฮองเฮาเลยทีเดียว
หากเป็นไปตามสภาพการณ์ตอนนี้ ในอนาคตต่อให้โอรสของพระสนมหลานต้องการชิงตำแหน่งองค์รัชทายาท ก็นับว่ามีความหวังสูงอย่างยิ่ง
ทว่าในวันที่องค์ชายสิบสามประสูติ พระสนมหลานกลับสิ้นพระชนม์ด้วยอาการตกเลือดอย่างรุนแรง
ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา องค์ชายสิบสามก็กลายเป็นโอรสที่จักรพรรดิเหยียนไม่อยากจะพบหน้ามากที่สุด
สถานะในพระราชวังคือ -1 -1 -1 -1…
และเมื่อองค์ชายสิบสามเติบโตขึ้น เรื่องอับโชคก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้น
ครั้งหนึ่งเขาเคยเลี้ยงปักษาวิญญาณเพลิงซึ่งเป็นสัตว์เลี้ยงวิญญาณที่งดงามอย่างยิ่งตัวหนึ่ง ปรากฏว่ากลับจมน้ำตายในอุทยานหลวง
ครั้งหนึ่งเขาเคยปลูกดอกโบวตั๋นภาพฝันมงคลอันล้ำค่า ปรากฏว่ากลับถูกลูกหมีถอนออกมาทั้งราก
ครั้งหนึ่งเขาเคยตามเหล่าองค์ชายทั้งหลายไปเล่าเรียนที่สถานศึกษาหลวง ปรากฏว่าสถานศึกษาหลวงกลับพังทลายลงในวันนั้น
…
นอกจากความอับโชคในแต่ละวัน เส้นทางแห่งการบำเพ็ญเซียนขององค์ชายสิบสามก็ไม่ได้ราบรื่นเช่นกัน
คำนวณดูแล้ว วันนี้น่าจะเป็นครั้งที่แปดสิบแปดที่เขาถูกธาตุไฟเข้าแทรก
แต่ครั้งนี้เขาไม่สามารถผ่านมันไปได้
องค์ชายสิบสามผู้เชื่อมั่นว่า ‘ชะตาข้าข้าลิขิต ไม่ได้ขึ้นอยู่กับสวรรค์’ ท้ายที่สุดก็ยังล้มลงบนเส้นทางแห่งการต่อสู้กับโชคชะตา
สิ่งที่เข้าแทนที่ดวงจิตขององค์ชายสิบสามคือเสิ่นเทียนผู้เดินทางข้ามภพมา
เขาคือเด็กหนุ่มผู้มีปณิธานคนหนึ่งซึ่งได้รับการศึกษาอย่างดีจากโลกศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ด และไม่ยอมคุกเข่าให้ผู้ใดยกเว้นฟ้าดินและบิดามารดา
…
“น้ำ ข้าต้องการน้ำ”
เสิ่นเทียนนอนอยู่บนเตียง รู้สึกเพียงว่าเจ็บปวดอย่างยิ่งตรงช่วงท้อง ช่างทรมานยิ่งนัก
เมื่อได้ยินเสียงร้องเรียก ขันทีชราคนหนึ่งรีบเดินถือถ้วยน้ำชามาหยุดอยู่ข้างเตียง ก่อนประคองเสิ่นเทียนลุกขึ้นด้วยความเป็นห่วง
“น้ำมาแล้ว องค์ชายทรงค่อยๆ ดื่มพ่ะย่ะค่ะ”
ขันทีชราคนนี้คือหัวหน้าขันทีกุ้ยกงกงแห่งตำหนักใจพิสุทธิ์ และเป็นขันทีเพียงหนึ่งเดียวที่ขณะนี้ปฏิบัติหน้าที่ในตำหนักนี้
กล่าวได้ว่าเขาเป็นผู้เลี้ยงดูองค์ชายสิบสามเสิ่นเทียนจนเติบใหญ่มากับมือ
หลังจากดื่มน้ำไปบ้าง เสิ่นเทียนรู้สึกดีขึ้นมาก
สายตาของเขามองไปที่ตัวของขันทีชราตรงหน้าคนนี้ และต้องตกตะลึงทันใด
ในความทรงจำขององค์ชายสิบสามมีกุ้ยกงกงผู้นี้อยู่
กุ้ยกงกงเข้าวังตั้งแต่เด็ก ทำงานอยู่ในวังห้าสิบกว่าปี พระสนมหลานมีบุญคุณเคยช่วยชีวิตเขาไว้ เพราะเหตุนี้จึงอุทิศตนและจงรักภักดีต่อองค์ชายสิบสามอย่างสุดซึ้ง
แต่ในความทรงจำขององค์ชายสิบสาม กุ้ยกงกงไม่มีวงแหวนแบบนี้อยู่เหนือศีรษะนี่นา!
ใช่แล้ว วงแหวน
ในสายตาของเสิ่นเทียน เวลานี้เหนือศีรษะของกุ้ยกงกงมีวงแหวนที่กำลังเรืองแสงสีเขียวลอยอยู่
ลักษณะคล้ายวงรัศมีที่อยู่เหนือศีรษะของเทวดา เพียงแต่สีผิดเพี้ยนไป
‘เราตาฝาดหรือ’
เสิ่นเทียนขยี้ตาของตนเอง พบว่าวงรัศมีสีเขียวบนศีรษะของกุ้ยกงกงยังคงอยู่
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน