บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน นิยาย บท 201

บทที่ 201 การต่อสู้สบายๆ!

เมื่อเห็นโครงกระดูกที่กำลังสู้กันที่ตีนเขาแล้ว พวกเสิ่นเทียนพากันครุ่นคิด

โครงกระดูกวิญญาณมรณะพวกนี้คือเป้าหมายการต่อสู้หลักในการฝึกฝนครั้งนี้ของศิษย์จำนวนมากจากสองแดนศักดิ์สิทธิ์ใหญ่ หกแดนเทวาใหญ่ และสิบสองแดนผาสุก

พวกมันเป็นผู้สิ้นชีพในมหาสงครามครั้งนั้นในยุคบรรพกาล

โครงกระดูกของผู้สิ้นชีพพวกนี้ผสานรวมกับพลังแห่งมารร้ายของวิญญาณร้ายเหนือฟ้า จนเกิดเป็นมารพวกนี้

เนื่องจากจิตวิญญาณสลายไปจำนวนมาก กำลังรบของมันจึงอ่อนแอกว่าตอนยังมีชีวิตไม่รู้กี่เท่า

แต่สำหรับผู้บำเพ็ญเซียนระดับสร้างฐานก็ยังเต็มไปด้วยความท้าทาย

กล่าวได้ว่าผู้บำเพ็ญระดับสร้างฐานส่วนใหญ่เมื่ออยู่ต่อหน้าโครงกระดูกวิญญาณมรณะพวกนี้ก็อาจจะไม่ได้เปรียบนัก

หากไม่ระวัง ถึงขั้นอาจจะถูกสังหารกลับได้

ฉินอวิ๋นตี๋หรี่ตาลง นัยน์ตามีความกังวลจางๆ “โครงกระดูกที่นี่เยอะกว่าตอนฝึกครั้งก่อนมากเลย! หรือว่าเราจะเคลื่อนย้ายมาในเขตลึกของสนามรบบรรพกาลกัน”

ปกติฝ่ายเซียนจะส่งเข้ามาฝึกในสนามรบบรรพกาลในระยะทางจากชายแดนพันลี้เท่านั้น ในพันลี้คือรอบนอกสนามรบบรรพกาล ในช่วงเวลาพิเศษทุกๆ ห้าปีจะเป็นที่ปลอดภัย

แต่หากก้าวเดินไปพันลี้ นั่นคือส่วนในจริงๆ ของสนามรบบรรพกาล

เล่าลือว่าในนั้นซ่อนสิ่งน่าสะพรึงกลัวที่คงอยู่มาแต่ยุคบรรพกาล ผู้บำเพ็ญที่ฝ่าเข้าไปแทบไม่มีใครหนีออกมาได้

ค่ายกลเคลื่อนย้ายนอกสนามรบจะมีการสุ่มตำแหน่งเคลื่อนย้าย ปกติการผ่านค่ายกลเคลื่อนย้ายเข้าสนามรบบรรพกาลจะส่งมาในระยะร้อยลี้ถึงห้าร้อยลี้จากชายแดน

แต่กฎเกณฑ์ของสนามรบปั่นป่วนจึงเกิดความคาดเคลื่อนเล็กๆ น้อยๆ ก็เป็นเรื่องปกติมาก

จากประสบการณ์ของฉินอวิ๋นตี๋ พวกเขาน่าจะถูกเคลื่อนย้ายมาตรงจุดค่อนข้างลึก ที่นี่มีอันตรายมากกว่าชายแดนสนามรบ

“ศิษย์พี่ พวกเราลำบากแล้ว”

ฉินอวิ๋นตี๋สูดลมหายใจเข้าลึก ก่อนมีปืนหยินหยางพิฆาตอสูรลอยขึ้นมาเป็นแถวๆ ข้างหลังรวมหกสิบสี่กระบอก ปากปืนหนาวเยือกสีดำเมี่ยมเรียงกันแน่นขนัด เสิ่นเทียนเห็นแล้วยังอดขนหัวลุกมิได้

เจ้าฉินอวิ๋นตี๋นี่เป็นอัจฉริยบุคคลเหมือนกัน ไม่อยากเชื่อว่าจะควบคุมปืนหยินหยางพิฆาตอสูรได้มากขนาดนี้พร้อมกัน ทั้งยังรักษาความแม่นยำไว้ได้

ความสามารถในการแบ่งจิตควบคุมทำให้คนต้องเอ่ยชมว่าดีที่สุดที่เคยพบเห็นมา

เทียบกับเขาแล้ว จิวแป๊ะทงยังอ่อนแอกว่าไม่รู้เท่าไร

เสิ่นเทียนพยักหน้าเล็กน้อย “ทุกคนระวังด้วย อาจจะมีอันตรายที่นี่ได้ทุกเวลา”

ค้อนม่วงทองปรากฏในมือขวา อัสนีเทพสีทองอ่อนๆ วนเวียนรอบตัวเสิ่นเทียน ดูบ้าอำนาจเป็นพิเศษ

เขามองเหนือศีรษะทุกคนด้วยรอยยิ้มสบายๆ

เดิมทีเสิ่นเทียนยังกังวลอยู่ว่าเพราะตนเข้ามาแทรกแซง พวกจ้าวเฮ่าจะถูกเคลื่อนย้ายไปคลาดเคลื่อนเพราะทฤษฎีผีเสื้อขยับปีกจนพลาดโชคลิขิตไป

แต่ตอนนี้เสิ่นเทียนมองเหนือศีรษะทุกคนก็ยังสัมผัสได้รางๆ ว่าโชคลิขิตพวกเขาอยู่ที่ใด

หรือก็คือวงรัศมีสีแดงไม่ใช่แค่มั่นใจในช่วงเวลาโชคลิขิตของผู้มีวาสนา แต่ยังทำการกำหนดตำแหน่งของโชคลิขิตอย่างง่ายๆ ได้

มีตำแหน่งเช่นนี้แล้ว เสิ่นเทียนก็มั่นใจได้ว่าจะไม่มีอะไรผิดพลาด

ข้าจะเกาะโชคลิขิตของพวกเจ้าแน่นอนแล้ว!

ตอนนี้ฝ่าวงล้อมไปก่อน!

“น้องสิบสาม เราจะถอยกลับตอนนี้เลยหรือไม่”

เมื่อเห็นโครงกระดูกที่กำลังทำสงครามกันพวกนั้น เสิ่นเอ้าถึงกับกลืนน้ำลาย

ตอนนี้ทุกคนอยู่บนภูเขารกร้างเล็ก ทว่ารอบๆ ภูเขาแห่งนี้เหมือนจะมีทหารโครงกระดูกสู้กันประปราย

เสิ่นเอ้านับดูคร่าวๆ แล้ว โครงกระดูกพวกนั้นมีมากกว่าหลายร้อย หรือก็คือเท่ากับผู้บำเพ็ญระดับสร้างฐานหลายร้อยคน

อีกทั้งดูจากโครงกระดูกพวกนี้แล้วเป็นเพียงทหารตัวเล็กๆ เท่านั้น บางทีใกล้ๆ อาจจะมีตัวใหญ่จริงๆ ก็ได้!

ถ้าเกิดพวกเขาโดนเจ้าตัวใหญ่นั่นพบและออกมือล่า จะไม่แตกพ่ายย่อยยับกันหมดหรือ

ขอพูดความจริง เสิ่นเอ้าสำนึกเสียใจนิดๆ ที่ตามน้องสิบสามมา เหมือนว่าดวงชะตาของน้องสิบสามจะยังไม่เปลี่ยนไปเลย!

เสิ่นเทียนมองโครงกระดูกพวกนั้นตรงตีนเขาพลางเผยอมุมปากเล็กน้อย “ไม่ต้องรีบ พวกเจ้าไปรอข้าบนเขาลูกนี้ก่อน”

ขณะพูดอยู่นั้น แหวนมิติสีเงินที่ซื้อมาใหม่ตรงนิ้วนางก็เปล่งแสงอ่อนๆ

โล่เต่าดำสีดำลอยออกมาจากในแหวน ก่อนเสิ่นเทียนจะถือไว้ในมือซ้าย

“ทุกที่มีแต่อันตราย หากไม่ถึงที่สุดอย่าทำเรื่องใหญ่โตเกินไปจะดีที่สุด”

เสิ่นเทียนพูดกับทุกคนว่า “อวิ๋นตี๋ เจ้าแกะสลักตราเวทเก็บเสียงบนปืนหยินหยางพิฆาตอสูรพวกนั้นก่อน ไม่อย่างนั้นก็ห้ามยิงแม้แต่นัดเดียว

ซ่งฟู้กุ้ย หลิวไท่อี่ สยงเหมิ่ง หากไม่ถึงที่สุดจริงๆ ห้ามใช้ยันต์ระเบิดอัสนีหยินหยางของพวกเจ้า ส่วนโครงกระดูกพวกนี้ตรงตีนเขา พวกเจ้ารอก่อน ข้าจะเปิดทางเอง!”

เมื่อพูดจบ เสิ่นเทียนก็กระโจนไปหาโครงกระดูกพวกนั้น

ใช่ เขาวิ่งลงเขาไปคนเดียว

เขาในตอนนี้ไม่มีความเกรงกลัวเลย

มีแค่คำเดียว ‘วิ่ง!’

…..

บนสนามรบบรรพกาล เนื่องจากกฎเกณฑ์ผันผวน ความเร็วในการขี่กระบี่บินจะเดี๋ยวเร็วเดี๋ยวช้าไม่เสถียรภาพ และที่สำคัญกว่านั้นคือพื้นที่กว้างบนสนามรบแห่งนี้ไม่ได้มั่นคง แต่เต็มไปด้วยรอยแยกมิติ

หากขี่กระบี่บินจะหลงเข้าไปในรอยแยกมิติได้ง่ายมาก จะโดนเคลื่อนย้ายไปที่ใดไม่รู้ เคลื่อนย้ายไปรอบนอกสนามรบบรรพกาลยังดี แต่ถ้าไปส่วนลึกของสนามรบ

ถึงตอนนั้นอย่าว่าแต่ระดับสร้างฐานเลย ขนาดผู้จริงแท้ผู้สูงศักดิ์ยังมีแต่หนทางสู่ความตาย!

เสิ่นเทียนไม่ได้ขี่กระบี่บิน แต่ใช้สองขาวิ่งไปราวกับสายลม ความเร็วยังเร็วจนน่าตกใจ

จากบนเขาลงมาตีนเขาแค่ไม่กี่ลี้เท่านั้น เสิ่นเทียนวิ่งมาชั่วครู่ก็พุ่งเข้ามากลางสงครามของโครงกระดูกพวกนั้น

เมื่อเห็นเสิ่นเทียนพุ่งลงเขาอย่างกะทันหันเช่นนี้ ทุกคนบนเขายังอดเหงื่อไหลแทนเขามิได้

ถึงรู้ว่าเสิ่นเทียนเป็นบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ มีศักยภาพแข็งแกร่ง แต่ที่นี่คือสนามรบบรรพกาลนะ!

พลังบำเพ็ญของทุกคนถูกจำกัดไว้ที่ระดับสร้างฐาน เสิ่นเทียนพุ่งไปกลางฝูงโครงกระดูกมากมายเช่นนี้คนเดียว จะไม่มีปัญหาจริงๆ หรือ

ความจริง หลังจากเสิ่นเทียนเลือดลมทะลักไปทั่วร่างและพุ่งไปทางโครงกระดูกพวกนั้นแล้ว ฝูงโครงกระดูกก็พากันหยุดต่อสู้กับพวกเดียวกันและหลั่งไหลมาหาเสิ่นเทียนอย่างบ้าคลั่ง

ตอนที่ยังไม่มีสิ่งที่เป็นหยาง วิญญาณมรณะโครงกระดูกพวกนี้จะสู้กันเอง แต่หากพบสิ่งที่เป็นหยาง พวกมันจะรวมกลุ่มโจมตี!

…..

ความเป็นจริง โครงกระดูกพวกนี้ไม่ใช่เผ่ามนุษย์

แม้พวกมันจะมีรูปร่างมนุษย์ แต่บางตัวมีเขาบนหน้าผาก บางตัวมีปีกงอกข้างหลัง บางตัวมีจะงอยปากงอกตรงกะโหลก

โครงกระดูกแทบทุกตัวจะมีสัญลักษณ์ที่ต่างจากมนุษย์

เห็นได้ชัดมากว่าพวกมันส่วนใหญ่คือปีศาจสัตว์ปีกที่ฝึกฝนจนเป็นร่างมนุษย์ แต่ความพิเศษของปีศาจในตัวก็ยังไม่ได้หล่อหลอมอย่างสมบูรณ์

ปีศาจพวกนี้เป็นทิศทางหนึ่งในการฝึกฝนของเผ่าปีศาจ จะหล่อหลอมร่างไปสู่กายหยาบมนุษย์ หลังจากฝึกสำเร็จ ไม่ใช่แค่คุณสมบัติสูงขึ้น กระทั่งยังฝึกฝนศาสตร์หลอมปราณแก่นพลังทองของเผ่ามนุษย์ได้

แน่นอนว่ามีเผ่าปีศาจจำนวนมากที่ไม่ยอมฝึกบำเพ็ญเป็นมนุษย์ แต่คงร่างเดิมของตนไว้และทำให้ตัวเองแกร่งขึ้นเรื่อยๆ

ยามจำเป็นก็ใช้วิชามายาสร้างร่างมนุษย์ออกมา แต่เนื้อแท้ก็ยังเป็นร่างสัตว์

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน