บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน นิยาย บท 217

บทที่ 217 คิดว่าข้าไม่เห็นวงของเจ้าหรือ

“ทุกคนถอยไปข้างๆ ดูแลความปลอดภัยของตัวเองให้ดี”

เสิ่นเทียนมองมารโลหิตตรงหน้าอย่างจริงจัง ก่อนค่อยๆ รวมเป็นเกราะสัตว์เทพห้าอัสนีขึ้นบนผิวกาย

สำหรับมารโลหิตที่เทียบเท่าผู้ฝึกบำเพ็ญระดับดวงจิตดรุณนี้ ในใจเสิ่นเทียนไม่มีการดูถูกใดๆ เลย แต่เตรียมพร้อมรับมือตลอด

ถึงอย่างไรในศัตรูทั้งหมดที่เสิ่นเทียนสู้ด้วยตัวเอง มารโลหิตนี่ก็แข็งแกร่งที่สุด!

โดยเฉพาะหลังมารโลหิตนี่ถูกตัดศีรษะ คว้านท้องแล้วยังไม่ตาย แต่กลับฟื้นคืนชีพขึ้นมาใหม่ได้เร็วเช่นนี้

พลังชีวิตเช่นนี้ รับมือยากในการต่อสู้เป็นตายจริงๆ

ฟู่ว~

มารโลหิตต่อศีรษะกลับมาแล้ว ดูโมโหอย่างมาก

มันมองกราดลงมายังเสิ่นเทียนกับกระบี่วารีคราม ภายใต้เกราะกระดูกสีโลหิตมีไอหนาวสะท้อนออกมา

สองหมัดดั่งหินยักษ์ตบลงมาใส่เสิ่นเทียนทันที ยังไม่ทันเข้าใกล้ก็เกิดสายลมดังฟู่ๆ

เห็นได้ชัดว่าหากโดนหมัดนี้ เกรงว่าต่อให้เป็นภูเขาใหญ่ก็พังทลายลงได้

เสิ่นเทียนย่อมไม่ถูกมารโลหิตโจมตีง่ายๆ เช่นนี้ ถึงอย่างไรนี่ก็เป็นปีศาจทรงพลังระดับดวงจิตดรุณ ต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน!

เกราะสัตว์เทพห้าอัสนีเปล่งแสงสว่างจ้า เสิ่นเทียนกลายเป็นเศษเงาหลบหมัดหนักของมารโลหิตอย่างฉับพลัน

ขณะเดียวกัน กระบี่วารีครามในมือเขายังเปล่งแสงสว่าง ฟันใส่ข้อมือมารโลหิต

เป็นความรู้สึกติดขัดคุ้นเคย กระทั่งยังติดขัดรุนแรงกว่าตอนลอบโจมตีก่อนหน้านี้อีก

แต่ด้วยไอกระบี่สีโลหิตในมือเสิ่นเทียน ข้อมือของมารโลหิตก็ยังพอจะถูกฟันขาด

โลหิตกลิ่นคาวเหม็นสาดกระจาย มารโลหิตร้องด้วยความเจ็บปวด ร่างซวนเซถอยไป ดูตกเป็นรองแล้ว

เพียงแต่เสิ่นเทียนพบว่าไม่นานข้อมือที่ขาดของมารโลหิตกลายเป็นน้ำเลือดมากมาย ก่อนจะหลั่งไหลมาทางร่างจริง เพียงชั่วครู่สั้นๆ ข้อมือที่ขาดก็งอกออกมาจากบาดแผลอีกครั้ง เหมือนไม่เคยบาดเจ็บมาก่อน

…..

“เสิ่นเทียน ก่อนเจ้าเข้าสนามรบบรรพกาลไม่ได้อ่านกลยุทธ์ก่อนรึ มารโลหิตระดับดวงจิตดรุณมีร่างเป็นอมตะ มีเพียงแทงตรงหัวใจมันเท่านั้นถึงจะสังหารมันได้!”

ตรงหน้าอกที่ยังไม่สมานแผลอย่างสมบูรณ์ของมารโลหิต จินอวี่ถูกเชือกโลหิตมัดไว้สิบกว่าเส้นพร้อมกับยัดเข้าไปในท้อง ระหว่างนั้นเขายังตะโกนเสียงดังออกมา

เสิ่นเทียนมุมปากกระตุกเล็กน้อย ชำเลืองตามองจินอวี่ “เรื่องแค่นี้ข้าจะไม่รู้ได้อย่างไร วางใจเถอะ! ข้ามีแผนในใจ นี่ก็กำลังหาโอกาสอยู่ไม่ใช่รึ ใจเย็นไว้!”

ใจเย็นน้องเจ้าสิ~!

จินอวี่อยากร้องไห้แต่ไม่มีน้ำตา เหม็นชะมัด!

เจ้าปีศาจนี่เอาข้ายัดเข้าไปในท้องอีกแล้ว!

เจ้าสู้กับเสิ่นเทียนให้จบก่อนไม่ได้รึ? เอาเข้าๆ ออกๆ แบบนี้มันน่าสนุกนักรึไง!

เขาคือพญาอินทรีปีกทอง เปล่งแสงสว่างจ้าทั้งตัว แต่ต้องมาสกปรกเหมือนกับตัวอะไร

ขณะมองตัวเองถูกมารโลหิตยัดเข้าไปในท้องอีกครั้งนั้น จู่ๆ จินอวี่ก็รู้สึกว่าแรงของเชือกโลหิตลดน้อยลงไปเล็กน้อย

เป็นเสิ่นเทียนที่เริ่มโจมตีอีกครั้ง!

พบว่าชุดเกราะของเสิ่นเทียนเปล่งแสงสว่างสีแดง ขนหงส์โปรยปราย

ความเร็วของเสิ่นเทียนเพิ่มขึ้นทันที บนไอกระบี่สีชาดมีเปลวไฟลุกท่วม นั่นคืออัคคีอรุณใต้ที่เปล่งแสงสว่างจ้า!

ดวงตาเฮยหยวนในเงามืดลุกวาวขึ้นมา “เป็นอัคคีอรุณใต้ในรายนามไฟศักดิ์สิทธิ์! ดีมาก สมกับเป็นบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ เป็นผู้มีมหาดวงชะตาจริงๆ! น่าเสียดายก็แต่จากนี้ไป ไฟศักดิ์สิทธิ์นี่จะเป็นของข้าแล้ว!”

ป้ายคำสั่งในมือเฮยหยวนขยับแสงมืดหม่น ไอโลหิตบนผิวกายมารโลหิตเพิ่มมากขึ้น ก่อนจะรวมเป็นเกราะกระดูกตรงหน้าอกชิ้นหนึ่ง

เห็นได้ชัดมากว่าการป้องกันของเกราะกระดูกนี้ไม่เบาเลย มากพอจะต้านการโจมตีของผู้ฝึกบำเพ็ญเซียนที่แข็งแกร่งที่สุดได้

เมื่อเห็นไอกระบี่เข้าใกล้มารโลหิตขึ้นเรื่อยๆ เหมือนพริบตาต่อไปจะปะทะแล้วนั้น มารโลหิตยกมือขึ้นสูงและตบใส่เสิ่นเทียนอย่างแรง

ทว่าวินาทีต่อมา กระบี่ยาวในมือเสิ่นเทียนพลันหันคมกระบี่ ฟันเข้าที่เชือกโลหิตตรงท้องน้อยมารโลหิต

ฉึก!

เชือกโลหิตส่งเสียงขาด ร่างจินอวี่ล้มลงกับพื้น

ขณะเดียวกันยังมีเกราะนักรบสีทองรวมถึงดาบนักรบทองคำตกลงมาด้วย

เมื่อเห็นเกราะนักรบและดาบนักรบตกตรงหน้าแล้ว จินอวี่พูดด้วยสีหน้าเหลือเชื่อ “เสิ่นเทียน เจ้า…”

เสียงเสิ่นเทียนดังแว่วมาจากบนฟ้า “จินอวี่ ข้าจะให้ยืมเกราะนักรบกับดาบนักรบนี่ไปใช้ก่อน พาพวกศิษย์น้องของข้าไปก่อน!”

จินอวี่งุนงง

อะไรคือให้ยืมก่อน! ไอ้เจ้าสารชั่ว!

ข้าได้ของคืนมาแล้วยังจะโดนเจ้าแย่งเอากลับไปอีกหรือ

จินอวี่เคลื่อนพลังจิต เกราะนักรบทองคำพลันสวมเข้าที่ตัว เปล่งแสงสว่างแสบตา

เขาถือดาบนักรบทองคำพุ่งใส่มารโลหิต “ข้าไม่ใช่ลิ่วล้อเจ้า อย่ามาสั่งข้านักเลย! เจ้านี่กล้าทำให้ข้าขยะแขยง ตอนนี้ดาบนักรบอยู่ในมือ กำลังรบฟื้นกลับมาแล้ว ข้าจะสับเจ้านี่ให้แหลกเป็นชิ้นๆ!”

พอเห็นจินอวี่ที่แม้สภาพไม่ค่อยดีเท่าไร แต่เข่นฆ่าตาแดงกับมารโลหิตอย่างองอาจห้าวหาญแล้ว เสิ่นเทียนก็ปาดเหงื่ออย่างจนปัญญา

“ถ้าไม่อย่างนั้นเจ้าต้านไว้ก่อน ข้าจะพาพวกศิษย์พี่ศิษย์น้องไปก่อนดีหรือไม่”

เสิ่นเทียนพูดพร้อมกับเก็บกระบี่และถอยไปหนึ่งก้าว

หลังจากไม่มีไอกระบี่ทรงพลังควบคุมแล้ว การโจมตีของมารโลหิตพลันแข็งแกร่งขึ้น

เวลานี้ การโจมตีราวกับห่าฝนบีบให้จินอวี่หน้าเปลี่ยนสีอย่างรุนแรง ร้องโอดครวญในใจไม่หยุด

นี่เจ้าช่วยเล่นตามบทปกติไม่ได้รึ ตอนนี้ข้าฟื้นกำลังรบแล้ว ไม่ควรจะมาร่วมมือกันปราบมันหรือ

ด้วยกำลังรบของเสิ่นเทียนผนวกกับจินอวี่ช่วยเหลืออย่างเต็มที่ การสังหารมารโลหิตนี่ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้เลย

พาพวกศิษย์พี่ศิษย์น้องไปก่อน นี่มันบทบ้าอะไรกัน

“อย่า! เสิ่น…สหายเสิ่น ช่วยกันก่อนเถอะ!”

การโจมตีที่หนักขึ้นเรื่อยๆ บีบให้จินอวี่ตึงมือมาก เขารู้สึกเหมือนจะต้านไม่ไหวแล้ว

ยิ่งเห็นเชือกโลหิตที่เข้ามามัดตนไว้ไม่หยุด ความมุ่งมั่นในการต่อสู้ในใจเขาก็ยิ่งมอดดับ เขานึกถึงความน่ากลัวที่โดนมัดไว้อีก

“เฮ้อ สร้างปัญหาจริงๆ!”

เสิ่นเทียนถอนหายใจอย่างจำใจ ก่อนหมุนตัวกลับมาพูดกับศิษย์น้องเทพสวรรค์จางซาน “ในเมื่อเช่นนั้น พวกเจ้าก็ออกไปจากหุบเขาก่อนเถอะ!”

เมื่อเอ่ยจบแล้ว เสิ่นเทียนจึงกวัดแกว่งกระบี่วารีครามเข้าไปในวงต่อสู้อีกครั้ง ทุกกระบี่แทงเข้าไปที่เกราะตรงหน้าอกมารโลหิต

เวลานี้มารโลหิตถูกกดดันอีกครั้ง ถอยไปเรื่อยๆ เข้าใกล้ศิษย์คนอื่นๆ ไม่ได้อีก

ทางด้านพวกจางซานก็ไม่ยืนเหม่ออีก แต่เริ่มถอยไปอย่างว่องไว ถึงอย่างไรด้วยศักยภาพของพวกเขา ตอนนี้อยู่ต่อไปก็มีแต่สร้างปัญหาเท่านั้น

เฮยหยวนยิ้มเยาะในเงามืด “คิดหนีหรือ ฝันไปเถอะ!”

พอเอ่ยจบ เฮยหยวนก็ประสานมุทราอย่างเร็วไว ป้ายคำสั่งพลันปรากฏจุดแสงสีโลหิตหลายจุด ขยับแสงไม่หยุด

ขณะเดียวกัน มีเสียงฝีเท้าหนักๆ ดังขึ้นสองฝั่งของหุบเขามารโลหิต ปรากฏมารโลหิตขนาดสิบกว่าจั้งขึ้นทีละตัว

มารโลหิตทุกตัวมีพลังไม่ด้อยไปกว่าตัวนั้นที่เสิ่นเทียนกับจินอวี่รับมืออยู่ อีกทั้งจำนวนยังมีมากถึงสี่ตัว!

รวมตัวนั้นที่สู้กับเสิ่นเทียนอยู่ก็มีมารโลหิตห้าตัวเต็มๆ ในสนามรบตอนนี้เรียกได้ว่าเป็นหน่วยต่อสู้ที่โก้หรู!

เมื่อมารโลหิตสี่ตัวนั้นล้อมเข้ามาจากรอบทิศ ศิษย์ทุกคนต่างมีสีหน้าสิ้นหวัง

สวรรค์ ยังมีความยุติธรรมอยู่หรือไม่

ไหนบอกว่าวิญญาณมรณะระดับดวงจิตดรุณหายไปจากสนามรบบรรพกาลแล้วไง!

หุบเขามารโลหิตที่เดียวปรากฏมารโลหิตห้าตัวเต็มๆ ก่อนเข้าสนามรบเราเลือกแบบผิดหรือไม่

…..

ตอนนี้จินอวี่ก็อึ้งไปเช่นกัน

เดิมทีกอดต้นขาเสิ่นเทียนไว้ เขายังกดดันมารโลหิตได้สบายมาก

ถึงอย่างไรในโลกนี้ยังมีเรื่องใดที่ทำให้นกมีความสุขยิ่งกว่ารังแกคนที่อ่อนแอกว่าอีกล่ะ

แต่ตอนนี้สถานการณ์เปลี่ยนไปแล้ว!

พวกพี่น้องของมารโลหิตนี่ก็เริ่มร่วมต่อสู้ด้วยเช่นกัน

มีทั้งหมดห้าตัว ห้าสู้สอง อีกทั้งมารโลหิตทุกตัวยังมีระดับสูงกว่าพวกเขา

ต่อให้เสิ่นเทียนเป็นปีศาจยิ่งกว่านี้ หรือจะสู้มารโลหิตระดับดวงจิตดรุณห้าตัวไหวกัน นี่เป็นไปไม่ได้!

“ตอนแรกคิดว่ามีแค่สอง ไม่นึกเลยว่าจะมีห้า มันไม่มีเหตุผลเลย! น่าขันจริงๆ ไม่อยากเชื่อว่าข้าจะต้องสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับเจ้า!”

จินอวี่แค่นยิ้ม “ถ้าจะถูกยัดเข้าไปในท้องน่าขยะแขยงนั่นอีก สู้จนตัวตายเสียยังดีกว่า!”

ผิวกายเขาลุกเป็นเปลวไฟเทพสีทอง ร่างที่เดิมทียังอ่อนแอพลันฟื้นกลับมาอยู่ในสภาพสูงสุด กระทั่งแข็งแกร่งกว่าเดิม

จินอวี่ชำเลืองตามองเสิ่นเทียนทีหนึ่งก่อนพูดด้วยความโอหัง “เสิ่นเทียน ดูท่าเจ้าคงไม่มีชีวิตไม่เก็บใบแจ้งหนี้นั้นแล้วล่ะ สู้ตายเถอะ!

ฮ่าๆๆๆๆ!”

จินอวี่คำรามลากยาว ดาบยาวทองคำในมือพลันเปล่งแสงสว่างจ้า

ไอดาบน่าสะพรึงที่ตัดสลับกันยืดยาวมาจากคมดาบ มีความยาวสิบจั้งเต็มๆ “เก้าตัดสังหารปักษาสวรรค์ ตัดที่สอง…ตัดอนันต์!”

ดาบนักรบทองคำกำลังแตก ไอกระบี่ผ่านไปที่ใด มวลอากาศจะเกิดความบิดรูปเล็กน้อย ประกายคมกริบถึงขีดสุด!

ปีกสวรรค์ทะยานฟ้า แสงทองสว่างไสว!

ร่างจินอวี่ลุกท่วมด้วยเปลวเพลิงเทพ ฟันหนึ่งดาบลงที่เกราะกระดูกของมารโลหิตอย่างแรง

กึก~!

รอยร้าวบนดาบนักรบทองคำลุกลามออกไป นั่นคือจินอวี่ฝืนใช้ต้นกำเนิดของดาบนักรบ ทำให้ดาบนักรบเสียหาย ทว่าดาบนี้ก็แสดงกำลังรบที่แกร่งที่สุดของจินอวี่ได้ มันฟันเกราะกระดูกมารโลหิตแตก เผยหัวใจใต้เกราะกระดูก

ตอนนี้แหละ!

ดวงตาเสิ่นเทียนเป็นสมาธิ กระบี่เทพเปลวเพลิงในมือพุ่งออกไป!

ดุจดั่งสัตว์ตื่นจากการจำศีลลากผ่านเมฆดำ ประหนึ่งแสงเงินยามเช้าทะลวงฟ้ายามราตรี หนึ่งกระบี่แทบจะจุดสูงสุด

ฟิ้ว~

ซวบ~

ร่างใหญ่โตของมารโลหิตถูกกระบี่วารีครามทะลวงไป

เหมือนกับเข็มเงินทะลวงลูกโป่งยักษ์ เหมือนไม่มีผลกระทบใดๆ แต่กลับถึงแก่ชีวิต

หัวใจมันถูกทะลวงอย่างสมบูรณ์ ผ่าไข่มุกแก่นโลหิตในนั้นออกมา พลังในการต่อสู้และการฟื้นฟูถูกกระบี่เดียวช่วงชิงไป

ร่างใหญ่ยักษ์ค่อยๆ ล้มลงกับพื้น แหลกสลายเป็นไข่มุกโลหิตนับไม่ถ้วนซึมลงไปในแผ่นดิน

แผ่นดินหุบเขามารโลหิตกลายเป็นสีแดงก่ำยิ่งกว่าเดิม!

“ทำได้ไม่เลว สมกับเป็นคู่ต่อสู้ของข้า!”

จินอวี่ลงพื้นมา ใบหน้าขาวซีด เขาต้องใช้ดาบนักรบทองคำค้ำเอาไว้ถึงจะพอยืนไหว

เสิ่นเทียนมองจินอวี่ด้วยใบหน้าปวดใจ

เขาเอ่ยอย่างจนปัญญาว่า “ดาบนั่นข้าให้เจ้ายืม เจ้ารักษาของหน่อย จะหักอยู่แล้ว!”

จินอวี่งุนงง

จินอวี่อยากจะร้องโวย!

ปู่เจ้าสิ!

เสิ่นเทียน ปู่เจ้าสิ!

ข้าเพิ่งร่วมรบเคียงข้างเจ้า เจ้ากลับคิดจะขู่กรรโชกดาบนักรบของข้า เจ้ายังใช่คนอยู่รึ!

ทว่ายังไม่ทันที่จินอวี่จะเป็นบ้า มารโลหิตใหม่สี่ตัวนั้นก็เดินมาอยู่หน้าพวกเสิ่นเทียนแล้ว

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน