บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน นิยาย บท 242

บทที่ 242 รสนิยมแปลกๆ ของเยี่ยฉิงชาง

เมื่อเห็นของกองเท่าภูเขา ผู้สูงศักดิ์สวรรค์ตันอู่กับผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวขาวถึงกับกลืนน้ำลาย

สารภาพตามตรง พวกนางตกใจกันแล้ว

แม้แต่ศิษย์พี่ใหญ่กับศิษย์พี่รองที่ได้รับขนานนามว่าคู่ดาราแห่งยุคทองของแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์เมื่อหนึ่งพันปีก่อน ใช้พลังระดับสร้างฐานเข้าไปในส่วนลึกของสนามรบบรรพกาล ก็ยังไม่ได้ผลคะแนนเกินจริงไปเช่นนี้!

ดูท่าศิษย์พี่เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์คงพูดไว้ไม่ผิดจริงๆ เสิ่นเทียนคือดาวนำโชคที่สวรรค์มอบให้แดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์จริงๆ

เขาเติบโตเต็มวัยเมื่อไร ยังต้องกังวลว่าแดนศักดิ์สิทธิ์จะไม่รุ่งเรืองอีกหรือ

“เทียนเอ๋อร์ เจ้าทำได้ดีมาก!”

ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวขาวมองเสิ่นเทียนด้วยรอยยิ้ม “ฝึกฝนมานานหลายวันเจ้าคงเหนื่อยแล้ว กลับห้องไปพักผ่อนสักหน่อยเถอะ!

หนึ่งชั่วยามจากนี้ ฝ่ายเซียนทุกฝ่ายจะเคาะระฆังประกาศผลสุดท้าย ถึงตอนนั้นเจ้าแต่งตัวเป็นทางการหน่อย ถึงอย่างไรบุตรศักดิ์สิทธิ์ผู้ยิ่งใหญ่ของแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์เราก็น่าจะได้ที่หนึ่งในการทดสอบ!”

คำพูดของผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวขาวไม่ได้ทำให้ผู้สูงศักดิ์สวรรค์ตันอู่เกิดความไม่พอใจข้างในเลย

เพราะอย่างไรเซียวหลิงก็เป็นหนึ่งในผู้เข้าชิงสตรีศักดิ์สิทธิ์ของแดนศักดิ์สิทธิ์ธารหยก มีพรสวรรค์น่าตกใจมาก แต่เทียบกับเสิ่นเทียนแล้ว ขนาดกายวิญญาณแก่นสวรรค์ประทานยังเหมือนถอดสีลง เทียบไม่ได้เลย

ประกอบกับครั้งนี้เสิ่นเทียนเป็นคนทำลายแผนการร้ายของลัทธิวิญญาณร้าย ทำให้แดนศักดิ์สิทธิ์จับตัวผู้อริยะลัทธิวิญญาณร้ายกับคนระดับสูงจำนวนมากได้

คุณูปการเช่นนี้ ไม่มีใครมองข้ามได้!

กล่าวได้ว่าลำพังแค่ยุทธการตรงนี้ บุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์เสิ่นเทียนก็มีความมั่นใจในการชิงตำแหน่งเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ในภายภาคหน้าเพิ่มขึ้นมาหลายส่วนแล้ว!

อันดับหนึ่งในการฝึกฝนครั้งนี้ เสิ่นเทียนรับไว้ได้อย่างไม่ต้องละอายใจเลย

“ขอบคุณอาจารย์อา ศิษย์ขอตัว”

เสิ่นเทียนเอ่ยลาผู้สูงศักดิ์สวรรค์ตันอู่กับผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวขาว ก่อนจะเดินตรงไปยังห้องพักชั่วคราวของตน

เขาไม่ได้ให้คนอื่นตามมา ไม่อย่างนั้นพวกซ่งฟู้กุ้ยและหลิวไท่อี่ได้ตามประจบเขาตลอด รู้สึกเอียนมากพอแล้ว

แน่นอนว่าสาเหตุหลักๆ ไม่ใช่ตรงนี้

เสิ่นเทียนเดินเข้าห้องพักเพียงลำพังช้าๆ ก่อนกระตุ้นค่ายกลในห้องพัก

ทันใดนั้นก็ไม่มีพลังจิตใดแทรกซึมเข้ามาในห้องพักได้อีก

ค่อยๆ ปรากฏชายคนหนึ่งขึ้นในเงามืดของห้องพัก

เขาสวมชุดเกราะศักดิ์สิทธิ์หุบเหวมังกรองอาจห้าวหาญ แผ่กลิ่นอายพลังแก่กล้าทั้งตัว

และที่สำคัญที่สุดคือชายคนนี้หน้าตาเหมือนกับเสิ่นเทียนทุกประการ ใบหน้าหล่อเหลาอย่างยิ่ง!

“เจ้ากลับมาแล้วรึ”

“ข้ากลับมาแล้ว”

“เจ้าได้ของมาเยอะมาก”

“เพราะเจ้าควบคุมทางไกลได้ดีต่างหาก”

“หลอมรวมทองคำเซียนปีกปักษากับดินบริสุทธิ์วัฏจักรแล้วหล่อขึ้นอีกแล้วรึ”

“ใช่ที่ไหนกัน นี่เป็นเพราะยีนที่เจ้าให้ เจ้าหล่อกว่าอีก”

“การฝึกจบแล้ว กลับมาเถอะ! เข้าไปในตัวข้า รวมเป็นหนึ่งเดียว”

“อาจจะเจ็บหน่อย เจ้าทนหน่อยแล้วกัน”

ตรงมุมห้องลึกลับ มีโลหิตสีแดงคล้ำกลุ่มหนึ่งขยับแสงสีทองก่อนจะหลอมรวมเข้าไปในร่างหล่อเหลาอีกร่างช้าๆ เมื่อโลหิตกลุ่มนี้หลอมรวมสำเร็จ กลิ่นอายพลังของร่างเงาหล่อเหลานั้นก็แกร่งขึ้นกว่าแต่ก่อน!

เมื่อสัมผัสได้ถึงพลังปัญจธาตุมหาศาลอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนในกายแล้ว เสิ่นเทียนเผยอมุมปากเล็กน้อย

สรุปคือกลับมาได้สำเร็จ ในที่สุดการฝึกฝนครั้งนี้ก็ปิดฉากลง

………

ตอนนี้เองมีเสียงหยอกเย้าดังขึ้นข้างหลังเสิ่นเทียน “โอ้ว ในที่สุดก็กลับร่างหลักแล้วรึ”

เสิ่นเทียนรู้สึกเย็นที่แผ่นหลังนิดๆ ก่อนรีบหมุนตัวกลับมา

พบว่าหอคอยเล็กสีม่วงลอยอยู่ข้างหลังเขา กำลังหมุนช้าๆ “เจ้ากล้าหาญจริงๆ ไม่อยากเชื่อว่าจะส่งร่างแยกเข้าไปฝึกในสนามรบบรรพกาล”

เมื่อได้ฟังน้ำเสียงหยอกล้อของเยี่ยฉิงชางแล้ว เสิ่นเทียนพูดด้วยความจำใจ “ความปลอดภัยต้องมาก่อนไม่ใช่รึ! ผู้อาวุโสหัวเราะชั่วร้ายมาก”

ปรากฏร่างเงาของเยี่ยฉิงชางขึ้นช้าๆ เขามองเสิ่นเทียนด้วยประกายแววตาอ่อนๆ “ข้ารู้ เจ้าคิดว่าเหตุใดข้าถึงเลือกให้เจ้าเป็นเจ้าของหอคอยเทพสงครามกัน”

เสิ่นเทียนอึ้งไปเล็กน้อย “ผู้อาวุโสหมายความว่าอย่างไร”

เยี่ยฉิงชางหัวเราะเบาๆ “ทันทีที่ร่างแยกเจ้าเข้าหอคอยเทพสงคราม ข้าก็รู้แล้วว่าเขาไม่ใช่ร่างจริง ร่างนั้นเป็นเพียงร่างแยกที่เจ้าควบคุมทางไกลเท่านั้น มีพลังของร่างจริงแค่ไม่กี่ส่วน

ก็เพราะเหตุนี้ ข้าถึงได้ประเมินเจ้าเป็นโอรสสวรรค์เจ็ดดาวทันที นี่ไม่ได้มีเส้นสายอะไร”

เสิ่นเทียนระแวดระวังขึ้นมา “เช่นนั้นเหตุใดท่านถึงไม่เปิดโปงข้า ตอนนี้ถึงเพิ่งมาบอกข้าล่ะ”

เยี่ยฉิงชางยิ้ม “ถ้าข้าเปิดโปงเจ้าเลย ด้วยนิสัยขี้ขลาดของเจ้าจะกล้าเป็นนายหอคอยเทพสงคราม แล้วพามันมาหาร่างจริงของเจ้าหรือไม่ล่ะ”

เสิ่นเทียนรู้สึกหนาวไปทั้งตัว “ทะ…ท่านหมายความว่าอย่างไรกัน”

หอคอยเทพสงครามสาดแสงสีม่วงพร่างพราวลงมา ปกคลุมทั้งห้องพัก

เยี่ยฉิงชางมองเสิ่นเทียน “หลอมรวมสิ่งมหัศจรรย์ฟ้าดินปัญจธาตุพร้อมกันในกาย แต่กลับทำให้พวกมันไม่ขัดแย้งกันได้ ร่างกายแบบนี้ข้าชอบมาก เคี๊ยกๆๆๆ นับจากวันนี้ไป ร่างของเจ้าเป็นของข้าแล้ว!”

ระยำ ตาแก่นี่เป็นคนชั่วหรือ

เสิ่นเทียนสะดุ้งโหยง สิ่งมหัศจรรย์ฟ้าดินปัญจธาตุในกายโคจรสุดกำลังราวกับบ้าคลั่ง

น้ำเกิดไม้ ไม้เกิดไฟ ไฟเกิดดิน ดินเกิดทอง พลังปัญจธาตุหลั่งไหลไปในกระบี่ฟ้าสังหารตรงปอด

ชิ้ง~!

เสียงกู่ร้องที่สว่างไสวที่สุดที่ไม่เคยมีมาก่อนดังขึ้น

ไอกระบี่สีโลหิตฟันใส่เยี่ยฉิงชางกับหอคอยเทพสงครามราวกับเบิกฟ้าผ่าปฐพี

นัยน์ตาเยี่ยฉิงชางแอบมีความชื่นชม เขายกมือขวาขึ้นช้าๆ “เป็นกระบี่ที่ไม่เลว น่าเสียดายทักษะกระบี่ของเจ้าห่วยเกินไป”

แม้เสิ่นเทียนจะหลอมรวมเป็นกายเทพกระบี่ฟ้า แต่ตัวเขาไม่เคยเรียนทักษะกระบี่ใดๆ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน