บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน นิยาย บท 271

บทที่ 271 อมิตาภพุทธ อาตมาเจอผีเข้าแล้ว!

เมื่อเห็นภาพตรงหน้า เสิ่นเทียนขนลุกในใจเล็กน้อย

แม้จะเคยเห็นภาพนี้ในภาพโชคลิขิตของผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวแดงมาแล้ว

แต่ภาพสองดีกับสามดีให้ความรู้สึกต่างกัน ภาพสามดีกับภาพวีอาก็ให้ความรู้สึกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

ตอนนี้อยู่ในเขตแดนพิลึกแห่งนี้ เสิ่นเทียนรู้สึกหนาวสั่นไปทั้งตัว เหมือนถูกจับตามองอยู่

เสิ่นเทียนกำป้ายคำสั่งบุตรศักดิ์สิทธิ์ในมือเงียบๆ มั่นใจว่าพร้อมปล่อยพลังของเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ออกมาปกป้องทุกเมื่อ

ขณะเดียวกันพลังเถากลืนกินเซียนในตัวเขายังอยู่ในสภาพเตรียมพร้อม

หากเจออันตรายที่รับมือไม่ไหวก็จะซ้อนการป้องกันทันที จากนั้นค่อยมุดดินไปยังส่วนลึกคอยควบคุมทางไกล

อย่าถามว่าผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวแดงบัวกับผู้สูงศักดิ์สวรรค์ตันอู่จะทำอย่างไร

พวกนางเป็นผู้สูงศักดิ์สวรรค์ระดับสุดยอด ร่วมมือกันต้านผู้อริยะได้ครู่หนึ่ง

ถ้าเสิ่นเทียนอยู่ข้างกายมีแต่จะมัดมือมัดเท้าพวกนาง กลัวว่าจะทำให้ตนโดนลูกหลงเข้า บางทีอาจจะโดนอีกฝ่ายเพ่งเป้าหมายมาจับตัวและใช้ข่มขู่ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวแดงกับผู้สูงศักดิ์สวรรค์ตันอู่ก็เป็นได้

มิสู้หนีไปรอกำลังเสริม เหลือเขาเขียวชอุ่มไว้ไม่ต้องกังวลว่าจะไม่มีฟืนใช้จะดีกว่า

แค่กๆ แน่นอนว่าไม่ใช่เพราะกลัว ไม่ใช่เด็ดขาด!

นี่เป็นเพียงทางเลือกที่ถ้าหากเกิดเหตุขึ้น ตามหลักแล้วไม่น่าจะดวงซวยขนาดนั้น

ถึงอย่างไรหลังจากได้รับโชคลิขิตจากคนพวกนี้มา ตอนนี้วงรัศมีเหนือศีรษะเสิ่นเทียนก็เป็นสีแดงเข้มแล้ว เหลือจุดสีเขียวเล็กน้อยเท่านั้น

ตอนนี้เสิ่นเทียนก็ถือว่าเป็นบุตรแห่งโชคฉบับหยาบๆ แล้ว ยามเสี่ยงอันตรายก็ยังมีความมั่นใจอันน้อยนิดอยู่บ้าง

สามคนเลียบถนนดินเลนยมโลกสายเล็กนี้มุ่งหน้าไปยังส่วนลึกเรื่อยๆ

ตอนนี้เองไข่มุกในอกเสื้อเสิ่นเทียนสั่นไหวขึ้นมา

เสียงของจิ่วเอ๋อร์ดังขึ้นในความคิดเขา เหมือนจะดีใจมาก “นายท่าน มีพลังหยินบริสุทธิ์มาก!”

“หืม นี่คือที่ใด นะ…นี่หรือว่าจะเป็นทางยมโลก ดอกไม้ฟากฝั่งในตำนาน ฮือๆ หรือว่านายท่านตายไปแล้ว”

เสิ่นเทียนงุนงง

เหตุใดภูตสาวซื่อบื้อนี่ถึงพูดเช่นนี้

ไม่ฝึกบำเพ็ญอยู่ในลูกประคำเฉยๆ จะออกมาด่าข้าเพื่อ?

เสิ่นเทียนหยิบไข่มุกเก้าโอรถออกมาจากอกเสื้อก่อนจะวนแรงๆ “ข้ายังไม่ตาย ที่นี่คือเขตแดนพิเศษที่ลัทธิวิญญาณร้ายวางค่ายกลไว้ อาจจะใช้เลี้ยงภูตผี เลยมีพลังหยินสูงมาก”

ลัทธิวิญญาณร้ายหรือ

เมื่อได้ฟังคำนี้ จิ่วเอ๋อร์ก็หน้าเปลี่ยนสีไป

ครอบครัวนางตายด้วยน้ำมือลัทธิชั่วร้าย มีความแค้นดั่งมหาสมุทรกับกลุ่มอำนาจนี้

ยามนี้เมื่อรู้ว่าที่นี่คือฐานใหญ่ของลัทธิวิญญาณร้ายก็หน้าแดงโมโหขึ้นมา แน่นอนว่าอาจจะเป็นเพราะถูกวนด้วย

“เจ้าวางใจเถอะ ลัทธิวิญญาณร้ายกับแดนศักดิ์สิทธิ์อยู่ร่วมกันไม่ได้อยู่แล้ว ข้าจะล้างแค้นแทนเจ้าเอง”

เสิ่นเทียนวนลูกประคำเก้าโอรสไปพลางเดินไปพลาง

ด้วยการปลอบใจจากเสิ่นเทียน ทำให้แรงอาฆาตจากตัวจิ่วเอ๋อร์ค่อยๆ สงบลงและสลายไป

แต่กลับมีเสียงของเยี่ยฉิงชางดังขึ้นในความคิดของเสิ่นเทียน “โอ้ว เจ้าเด็กโง่ยังเลี้ยงผีอีก เพลินเลยทีเดียวนะ!”

เสิ่นเทียน “เยี่ยเหล่าเข้าใจผิดแล้ว ก่อนหน้านี้ข้าช่วยนางไว้…”

เยี่ยฉิงชางพูด “ไม่ต้องอธิบายหรอก เข้าใจๆ ตอนหนุ่มใครบ้างไม่เคยทำสิ่งไม่ถูกต้อง แค่เลี้ยงปีศาจสาวเลี้ยงภูตผี มีภรรยาเป็นเซียนมีอนุเป็นปีศาจมีคนรักเป็นภูตผีเท่านั้นเอง!

ปู่บุญธรรมเองก็ใช่ว่าจะไม่เคยทำ เหอะๆ คนรักเจ้านี่ใช้ได้เลย มีสายตาใช้ได้! เดี๋ยวข้าจะหาทางมอบโชควาสนาของขวัญพบหน้ากันให้กับคนรักของเจ้า”

เมื่อเห็นตาแก่นี่พูดเองเออเอง เสิ่นเทียนก็จนปัญญาขึ้นมา

โลกเซียนเขาเล่นกันแบบนี้หรือ ยังมีคนเลี้ยงหญิงปีศาจเลี้ยงภูตผี มีภรรยาเป็นเซียนมีอนุเป็นปีศาจมีภูตผีเป็นคนรักกันหรือ

นี่ช่างน่าโมโห(อิจฉา)จริงๆ!

………

เสิ่นเทียนตามหลังผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวแดงกับผู้สูงศักดิ์สวรรค์ตันอู่ไปพลางคิดอะไรเรื่อยเปื่อยในใจ

ไม่รู้ว่าเดินไปนานเท่าไร สามคนก็มาอยู่หน้าแท่นบวงสรวงยักษ์แห่งหนึ่ง แท่นบวงสรวงนี้เป็นสีแดงทุกส่วน สูงราวสิบจั้ง ด้านบนมีขั้นบันไดเก้าสิบเก้าขั้น ทุกขั้นมีไฟแรงกรรมลุกโชติช่วง

ไฟแรงกรรมชนิดนี้พุ่งขึ้นมาจากดิน ก่อตัวขึ้นจากเขตแดนภูมิประเทศพิเศษ มีพลังเหนี่ยวนำความคิดชั่วร้าย ความโกรธและแรงกรรมของคน

เมื่อเข้าใกล้แท่นบวงสรวงนี้ เสิ่นเทียนรู้สึกว่ามีความโกรธ ฉุนเฉียว และกระหายการเข่นฆ่าเกิดขึ้นในใจ ดีที่เสิ่นเทียนมีจิตใจดั่งเหล็ก มั่นคงแข็งแรง ประกอบกับถาดวัฏจักรหกมรรคช่วยด้วยนิดหน่อย ถึงได้กดอารมณ์ด้านลบนั่นลงไปได้

“พลังแห่งไฟกรรมรุนแรงมาก” ผู้สูงศักดิ์สวรรค์ตันอู่ตาเปล่งแสงสีทอง “ปรมาจารย์เขตแดนคนนี้ใช้พลังแห่งเขตแดนสร้างไฟกรรมนรกขึ้นมา หล่อหลอมเป็นแท่นบวงสรวงไฟกรรม

มีแท่นบวงสรวงนี้อยู่ ลัทธิวิญญาณร้ายจะสร้างผีชั่วร้ายได้ประสิทธิผลเพิ่มเป็นสิบเท่าขึ้นไป! ขณะเดียวกัน คนอื่นจากข้างนอกจะข้ามผ่านแท่นบวงสรวงไฟกรรมนี้ได้ยากมาก ยังเดินหน้าต่อได้ยากยิ่งด้วย!”

ชิ้ง~

“ในเมื่อเป็นเช่นนั้นก็ผ่าแท่นบวงสรวงนี่เสีย!”

ผู้สูงศักดิ์สวรรค์ตันอู่เพิ่งพูดจบ ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวแดงก็เรียกดาบใหญ่ขึ้นมาในมือ ปราณดาบที่รวมกันถึงจุดสูงสุดสี่สิบเมตรแผ่ออกมา ก่อนจะฟันใส่แท่นบวงสรวง

บึ้ม!

คลื่นแรงระเบิดมหาศาลโหมกระหน่ำ

ปราณดาบของผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวแดงฟันใส่แท่นบวงสรวงอย่างแรง ผ่าแท่นบวงสรวงเป็นสองส่วน ทว่าเมื่อปราณดาบของนางหายไป แท่นบวงสรวงที่เดิมทีถูกผ่าเป็นสองส่วนและถล่มลงก็กลับคืนสภาพขึ้นมาอีกครั้ง

มันตั้งขวางทางยมโลกเส้นนี้ ปิดผนึกมิติบนล่างสี่ทิศอย่างมั่นคงไม่สั่นคลอน ราวกับว่าไม่เคยถูกโจมตีมาก่อน!

“ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวแดง เจ้าบุ่มบ่ามไปแล้ว!”

ผู้สูงศักดิ์สวรรค์ตันอู่พูดด้วยความจำใจ “แท่นบวงสรวงไฟกรรมนี่ไม่ใช่อาวุธวิเศษสมบัติวิญญาณอะไร แต่รวมขึ้นมาจากแดนปรโลกทั้งหมด เว้นแต่จะทำลายทั้งเขตแดนนี้ได้ ไม่อย่างนั้นไม่ว่าจะใช้วิธีการปกติใดๆ ก็ไม่อาจทำลายแท่นบวงสรวงไฟกรรมนี้ได้”

ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวแดงแค่นเสียงขึ้นจมูกทีหนึ่ง “มันก็ไม่แน่ ก็แค่ไฟกรรมนรกเล็กจ้อยไม่ใช่รึ!”

นางเหมือนนึกอะไรได้จึงประสานมุทรา ดอกบัวสีแดงระดับเจ็ดดอกหนึ่งลอยออกมาจากระหว่างคิ้ว ก่อนจะตกลงบนแท่นบวงสรวงไฟกรรมอย่างมั่นคง

เมื่อดอกบัวปรากฏขึ้น ไฟกรรมบนแท่นบวงสรวงก็ถูกบัวแดงนั้นสูบเข้ามาทีละนิด ส่วนบัวแดงหลังจากสูบกินไฟกรรมพวกนี้แล้วก็เหมือนกับได้พลังงาน เปล่งแสงสีสันสวยงามมากขึ้นกว่าเดิม

กลีบดอกคึกคักราวกับเปลวไฟ ทั้งแปลกและชั่วร้าย ทว่าสวยงาม

เมื่อเห็นบัวแดงของผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวแดงแล้ว ผู้สูงศักดิ์สวรรค์ตันอู่เผยแววตาชื่นชม

นางพูดด้วยรอยยิ้ม “เกือบลืมไปเลย ตอนนั้นศิษย์พี่ฉู่เหอก็เคยพาเหล่าศิษย์พี่ศิษย์น้องไปผจญภัย เจอกับสระบัวแห่งหนึ่งบนเกาะเซียนนอกทะเล ในนั้นมีบัวเซียนสีสันต่างๆ หลายดอก

ศิษย์พี่หญิงบัวแดงเลือกดอกบัวแดงไฟกรรม ซึ่งชนะทางไฟกรรมชนิดนี้ สามารถดูดซับพลังไฟกรรมนรกเพิ่มความเร็วในการเติบโตได้ ดังนั้นถ้าดูดซับไฟกรรมพวกนี้ไป อย่างน้อยก็ทำให้แท่นบวงสรวงไฟกรรมเสียพลังงานสะสมไปพันปี!”

…….

ทุกสรรพสิ่งจากธรรมชาติ หนึ่งชิ้นสยบหนึ่งชิ้น

ไฟกรรมนรกไม่ใช่ของดีอะไรสำหรับสิ่งมีชีวิตส่วนใหญ่ในโลก

ทว่าสำหรับบัวแดงไฟกรรมแล้วกลับเป็นสารอาหารที่ดีที่สุด ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวแดงรู้สึกได้ว่าบัวแดงไฟกรรมกำลังดีใจ

ก็เหมือนกับเด็กน้อยเห็นเค้กที่ตนชอบกิน

ทว่าตอนนี้เอง ร่างร่างหนึ่งปรากฏขึ้นบนขั้นบันไดแท่นบวงสรวงไฟกรรม

ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวแดงกับผู้สูงศักดิ์สวรรค์ตันอู่มองไป พบว่าเป็นเสิ่นเทียนนั่นเอง

“เสิ่นเทียน เจ้าจะทำอะไร! อย่าขึ้นไป!”

“รีบลงมา เดี๋ยวธาตุไฟเข้าแทรก!”

ผู้สูงศักดิ์สวรรค์สองคนหน้าเปลี่ยนสีอย่างรุนแรง ก่อนจะรีบเอ่ยเตือน

ทว่าเสิ่นเทียนเหมือนไม่ได้ยินคำเตือนของพวกนาง เขาเดินขึ้นบันไดไฟกรรมไปทีละก้าว ปล่อยให้เปลวไฟประหลาดถาโถมเข้ามา

เสียงเยี่ยฉิงชางดังขึ้นในความคิด “ไม่เลว อย่างนี้แหละ ดูดซับพวกมันให้หมด”

เสิ่นเทียนพยักหน้าเล็กน้อย พลังคัมภีร์คบเพลิงในกายเริ่มหมุนโคจรอย่างบ้าคลั่งด้วยความเร็วเหนือกว่าปกติ

ความรู้สึกโกรธรุนแรงหลั่งทะลักขึ้นมาในใจเสิ่นเทียน ทำให้เขาเกิดความคิดเข่นฆ่าทุกสรรพสัตว์ตรงหน้า ทว่าความคิดนี้มาแล้วก็ถอยไปเร็วยิ่งกว่า

ถาดวัฏจักรหกมรรคในตัวเสิ่นเทียนแค่หมุนโคจรเบาๆ ก็ทำให้ความรู้สึกด้านลบหายไปทั้งหมด เหลือไว้เพียงพลังงานธาตุไฟที่บริสุทธิ์ที่สุด ซึ่งถูกกายเนื้อเสิ่นเทียนดูดซับอย่างบ้าคลั่ง

พลังธาตุไฟแบบใหม่หลั่งไหลเข้าไปในหัวใจเสิ่นเทียน มันหลอมรวมกับอัคคีอรุณใต้ แม้จะไม่มีคุณภาพสูงเท่าต้นกำเนิดอัคคีอรุณใต้ แต่ก็มีผลมหัศจรรย์อีกอย่าง

เสิ่นเทียนรู้สึกได้รางๆ ว่าอัคคีอรุณใต้เกิดการเปลี่ยนสภาพเล็กน้อย พละกำลังการเต้นของหัวใจตนแกร่งขึ้นกว่าเมื่อก่อน!

…….

เมื่อสัมผัสได้ถึงผลประโยชน์จากไฟกรรมแล้ว เสิ่นเทียนก็เดินขึ้นบันไดไปสูงกว่าเดิม

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน