บทที่ 276 บุตรศักดิ์สิทธิ์ของคนอื่น ความแค้นพันปี!
สุดท้ายเสิ่นเทียนก็ยังรับป้ายคำสั่งศักดิ์สิทธิ์ธารหยกไว้
ถึงอย่างไรเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ธารหยกก็เป็นหนึ่งในสตรีที่มีอำนาจมากที่สุดในดินแดนบูรพา
นางมอบป้ายคำสั่งให้เจ้า หากเจ้าไม่รับ ก็อาจจะไม่ไว้หน้าให้เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ธารหยกเกินไปหน่อย
หลังจากร่างอดีตของเจ้าผู้คุ้มกฎอู๋เซิงถูกหอคอยเทพสงครามสังหาร ชีซา โพ่จวินและทันหลางสามผู้อริยะถูกจับ การปิดล้อมครั้งนี้ก็สิ้นสุดลง
ต่อไปเป็นช่วงเวลาการแบ่งของกลางกันอย่างมีความสุข
ก่อนเริ่มการปิดล้อม สองแดนศักดิ์สิทธิ์ใหญ่กับฝ่ายเซียนอื่นๆ ได้ตกลงเรื่องส่วนแบ่งกันแล้ว
ทว่าส่วนแบ่งนั้นหมายถึงคลังสมบัติทั้งหมดของลัทธิวิญญาณร้าย ของที่ได้มาจากสาวกวิญญาณร้ายไม่อยู่ในนั้น
หากไม่เช่นนั้น หากของที่เจ้าได้มาจากการสังหารศัตรูต้องแบ่งไปมากกว่าครึ่ง ใครจะยอมลงแรง ทุกคนจะไม่อู้งานกันหรือ
ดังนั้น ครั้งนี้เสิ่นเทียนสังหารผู้สูงศักดิ์สวรรค์ลัทธิวิญญาณร้ายเก้าคน ของทั้งหมดจึงเป็นของเขา กระทั่งในระดับบางอย่าง การที่สามผู้อริยะซาโพ่หลางถูกจับก็มีคุณูปการของเขาด้วยส่วนหนึ่ง
แต่พอใคร่ครวญได้ว่าในสามผู้อริยะนี้ จางหลงหยวนจัดการหนึ่ง ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกตจัดการอีกหนึ่ง เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ธารหยกจัดการอีกหนึ่ง
เสิ่นเทียนคิดอย่างชาญฉลาดแล้วก็ไม่ได้เอ่ยเรื่องขอส่วนแบ่ง
ถึงอย่างไรเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ธารหยกกับเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ก็เป็นเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ ไม่ใช่คนไร้เหตุผล
เสิ่นเทียนช่วยกู้วิกฤติครั้งนี้ ขณะเดียวกันยังช่วยพวกเขาจับสามผู้อริยะ นี่คือน้ำใจครั้งใหญ่
ด้วยฐานะของสองคนจะไม่ออกอาการโมโห ไม่ต้องให้เสิ่นเทียนเอ่ยเตือน แบบนั้นจะทำให้ดูห่างเหินกัน ทางด้านผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกตฉู่หรงเหอ เสิ่นเทียนไม่ได้เอ่ยเรื่องขอส่วนแบ่งเช่นกัน เพราะรู้ว่าเอ่ยไปก็ไม่มีประโยชน์
ถึงอย่างไรด้วยดวงชะตาของอาจารย์ลุงผู้น่าสงสาร หลายร้อยปีมานี้คงจะไม่เคยได้ของมากขนาดนี้มาก่อน การจะให้เขาคายเนื้อในปากออกมา ไม่มีหวังเลย
ช่างเถอะ เป็นคนฝ่ายเดียวกัน ไม่จำเป็นต้องทำตัวเป็นคนอื่นคนไกลขนาดนั้น
ถึงอย่างไรข้าก็ไม่ขาดเงิน บางทีผู้อริยะลัทธิชั่วร้ายพวกนี้อาจจะไม่ร่ำรวยเท่าข้าด้วยซ้ำ
เสิ่นเทียนเปลี่ยนเกราะศักดิ์สิทธิ์หุบเหวมังกรกลับมาอยู่ในสภาพเกราะในที่ดูธรรมดาไม่มีความสง่างามอีกครั้ง ปีกใหญ่สีทองก็หุบกลับไปเช่นกัน
หากไม่ใช่เพราะมีใบหน้าหล่อเหลาที่สุดแห่งยุคที่ทำให้คนยากจะมองข้าม ตอนนี้เขาก็ดูธรรมดาจริงๆ ไม่ต่างอะไรกับคนปกติเลย
เฮ้อ สุดท้ายเรื่องที่จะทำตัวอยู่เงียบๆ ก็พลาดตรงใบหน้านี้เสียได้!
……..
การแบ่งของกลางดำเนินไปอย่างมีความสุข ทันใดนั้นปรากฏพลังยิ่งใหญ่ขึ้นเหนือฟ้าอาณาจักรโบราณอู๋เลี่ยง
กลิ่นอายพลังแก่กล้าแผ่ออกมาจากมวลอากาศมากมาย นั่นคือผู้แข็งแกร่งระดับผู้สูงศักดิ์สวรรค์ขึ้นไป
สี่คนที่นำหน้ามายังแผ่พลานุภาพน่าสะพรึงที่ทำให้คนแทบจะหายใจติดขัด
ผิวกายพวกเขามีประกายเซียนวนเวียนอยู่ เผยระดับพลังของตนออกมาทั้งหมด…ระดับฝ่าด่านเคราะห์ ผู้อริยะ!
ข้างหลังสี่คนยังมีปรากฏการณ์มากมายผลุบๆ โผล่ๆ ภาพดาราบดบังฟ้าและตะวัน ไอม่วงหมุนม้วนมาจากตะวันออกสี่หมื่นลี้ ทั้งยิ่งใหญ่และทำให้คนอึดอัด
ทันทีที่คนพวกนี้ปรากฏตัว ใบหน้าเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ธารหยกก็มืดลงช้าๆ “เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ดาวเหนือ เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วง ผู้อริยะจื่อเวย ผู้อริยะหลิงเจิน พวกเจ้าหมายความว่าอย่างไรกัน”
ใช่ สี่ผู้อริยะที่ปรากฏตัวตอนนี้มาจากแดนศักดิ์สิทธิ์ดาวเหนือและแดนศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วง
ฐานะของพวกเขาคือเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ของสองแดนศักดิ์สิทธิ์ใหญ่ รวมถึงผู้อาวุโสสูงสุด!
ตอนนี้สงครามปิดล้อมของแดนศักดิ์สิทธิ์เพิ่งจบลง สี่ผู้อริยะรวมถึงผู้สูงศักดิ์สวรรค์สิบกว่าคนก็โผล่มาทันที
พวกเขาคิดอะไรอยู่ ทุกคนรู้แก่ใจดี!
เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ดาวเหนือยิ้มราบเรียบ “ได้ยินว่าซากอาณาจักรโบราณอู๋เลี่ยงมีลัทธิวิญญาณร้ายเคลื่อนไหว ข้าจึงตั้งใจมาปิดล้อม”
ตั้งใจมาปิดล้อมรึ
คำพูดของเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ดาวเหนือทำให้ผู้ฝึกบำเพ็ญทุกฝ่ายที่เพิ่งผ่านสงครามโลหิตมาแอบด่าไร้ยางอายอยู่ในใจ
หากตั้งใจมาปิดล้อมจริงๆ เหตุใดตอนที่พวกเขาถูกขังในค่ายกลทุกสรรพสัตว์เท่าเทียม ถึงไม่มีใครมาสักคนล่ะ ตอนนี้การปิดล้อมสิ้นสุดลงถึงเวลาแบ่งลูกท้อแล้ว พวกเจ้ากลับออกมา
นี่ยังมียางอายอยู่หรือไม่
เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ธารหยกเอ่ยอย่างเย็นชา “การปิดล้อมจบลงแล้ว ไม่รบกวนเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งสองกับผู้อริยะหรอก”
เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงยิ้ม “ซากอาณาจักรโบราณอู๋เลี่ยงอยู่ระหว่างแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์กับแดนศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วง เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์กับเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ธารหยกปิดล้อมลัทธิวิญญาณร้าย ควรจะแจ้งข้าก่อนหรือไม่”
เมื่อเอ่ยจบ พลังรอบตัวเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงก็เพิ่มมากขึ้น
ข้างหลังเขามีไอสีม่วงหมื่นจั้งหมุนม้วน มองไปเหมือนกับเทพแท้จริงมาเยือน
ด้วยคัมภีร์จักรพรรดินิพพานอมตะของศิษย์ตนฉีเซ่าเสวียน ทำให้กำลังรบของเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงเพิ่มขึ้นอย่างมาก
ต่อให้อยู่ในสิบสองเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งดินแดนบูรพา กำลังรบของเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงก็อยู่อันดับต้นๆ ตอนนี้พลังปะทุขึ้นทำให้เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ธารหยกกดดันอย่างมาก
ตอนนี้เองเสียงเย็นชาดังขึ้นเนิบนาบ “เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงคิดว่าควรจะแก้ไขอย่างไร”
ผู้พูดคือเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ เขาเดินหน้าหนึ่งก้าว มองเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงอย่างเฉยชา
เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงยิ้ม “สหายอย่าเข้าใจผิด ข้าไม่ได้คิดจะสร้างความลำบากให้ทุกท่าน เพียงแค่ทุกแดนศักดิ์สิทธิ์ล้วนมีเขตแดน
อาณาจักรโบราณอู๋เลี่ยงมีครึ่งหนึ่งอยู่ในอาณาเขตปกครองของแดนศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วง เช่นนั้นของที่ได้มาจากการปิดล้อมลัทธิวิญญาณร้ายครั้งนี้ ต้องแบ่งให้ฝ่ายข้าครึ่งหนึ่งหรือไม่”
คำพูดมีเจตนาชัดเจน
แม้สามผู้อริยะจะถูกจับ แต่ในอาณาจักรโบราณอู๋เลี่ยงก็ยังมีสาวกลัทธิวิญญาณร้ายซ่อนอยู่จำนวนมาก
ในสาวกลัทธิวิญญาณร้ายพวกนี้มีศิษย์แกนหลักอยู่ ในแหวนเก็บของพวกเขาจะต้องมีทรัพยากรจำนวนมากแน่นอน การปิดล้อมสาวกลัทธิชั่วร้ายพวกนี้จะได้ของมาไม่น้อยอย่างแน่นอน
แม้จะเทียบกับทรัพยากรที่ได้มาจากผู้อริยะพวกนั้นไม่ได้ แต่ก็มากพอจะทำให้แดนศักดิ์สิทธิ์สนใจ
ไม่กลัวสินค้าไม่เป็นที่รู้จัก แต่กลัวถูกเปรียบเทียบสินค้ามากกว่า
แดนศักดิ์สิทธิ์เพื่อนบ้านมีสองมังกรหมอบเช่นนี้ จะให้ศิษย์พี่ใหญ่เคหาสน์ม่วงอย่างข้าอยู่อย่างไร!
กระทั่งมีคนชอบหาเรื่องตั้งฉายาน่าคับอกคับใจอย่างยิ่งให้เขา…บุตรศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงที่โดนบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์กดขี่อย่างน่าอนาถาที่สุด
อ้อ นี่เป็นฉายาที่เลวร้ายและน่าอัปยศเพียงใดกัน
น่าอับอาย น่าอับอายยิ่งนัก!
…..
จนกระทั่งต่อมา ฉู่หรงเหอระเบิดกายเทพตัวเอง
เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์เหลือหัวเดียวกระเทียมลีบ จึงต้องฝึกคัมภีร์เสริมวิถีฟ้า นับวันก็ยิ่งอยู่เงียบมากขึ้นเรื่อยๆ
ดินแดนบูรพาเริ่มไม่แพร่งพรายเรื่องราวปาฏิหาริย์ของสองอัจฉริยะเทพสวรรค์อีก ตอนนี้ชีวิตของเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงถึงได้สบายขึ้นมาบ้าง
ทว่าถึงจะเป็นเช่นนั้น เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงก็ยังแค้นเจ้าสองคนนี่ไม่เลิก นี่คือความแค้นที่สั่งสมมาพันปี!
นานวันก็ยังคงเหมือนเดิม!
หึ ยอมรับว่าพวกเจ้าสองคนเก่งกาจเป็นที่สุดแห่งยุคแล้วอย่างไร ในโลกบำเพ็ญเซียนนี้ คนที่หัวเราะคนสุดท้ายต่างหากที่ชนะ!
ข้าฝึกบทต้องห้ามของคัมภีร์จักรพรรดิเคหาสน์ม่วงสำเร็จนานแล้ว และยังได้คัมภีร์จักรพรรดินิพพานอมตะอีก ขณะเดียวกันฉีเซ่าเสวียนศิษย์ข้ายังสำเร็จแก่นพลังทองรอบสิบที่แทบจะเป็นไปไม่ได้ กระทั่งพรสวรรค์ยังเหนือกว่าฉู่หรงเหอในตอนนั้น!
ตอนนี้ไม่ว่าจะตัวข้าหรือศิษย์ของข้าก็แซงหน้าเจ้าจางหลงหยวนกับศิษย์ของเจ้า
ความอัปยศของ ‘บุตรศักดิ์สิทธิ์บ้านคนอื่น’ เมื่อพันปีก่อน ข้าจะคืนให้เป็นเท่าตัวเลย!
ลูกประคำเก้าโอรสในอกเสื้อเสิ่นเทียนเริ่มสั่นไหวเบาๆ
……
เมื่อได้ฟังคำพูดที่เต็มไปด้วยความแค้นของเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงแล้ว เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ก็เอ่ยนิ่งๆ “เจ้าจะแบ่งครึ่งหนึ่งรึ”
เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงทำเสียงขึ้นจมูก “หากเจ้าไม่ยินดี ข้าคงได้แต่ปะทะกับเจ้า ตัดสินสูงต่ำกัน หากเจ้าเอาชนะข้าได้ ข้าจะกลับ หากเจ้าแพ้ ทรัพยากรทั้งหมดที่ได้ในการปิดล้อมครั้งนี้ เคหาสน์ม่วงกับดาวเหนือจะขอครึ่งหนึ่ง”
สารภาพตามตรง จะแบ่งหรือไม่แบ่งผลประโยชน์เป็นเรื่องรอง
เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงตั้งใจจะมาสู้อยู่แล้ว นี่จะเป็นศึกที่เขาได้พิสูจน์ตัวเอง!
เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ถอนหายใจ “อ่านหนังสือเยอะ อ่านหนังสือดี อ่านหนังสือทำให้คนรู้จักมารยาท อ่านหนังสือทำให้คนฉลาด”
เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงพูด “เจ้าหมายความว่าอย่างไร”
เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์มองเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงอย่างเฉยชา “เจ้าคิดว่าเจ้าจะไหวรึ”
…………………………
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน