บทที่ 277 ศิษย์ เจ้าต้องทำหน้าที่แทนอาจารย์!
เจ้าคิดว่าเจ้าจะไหวรึ
ผ่านมาหลายร้อยปีก็ยังพูดคำนี้ ก็ยังคงเป็นรสชาตินี้!
เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงโมโหแล้ว “จางหลงหยวน เจ้าอย่าโอหังให้มากนัก ยุคสมัยเปลี่ยนไปแล้ว! ข้าฝึกบทต้องห้ามคัมภีร์จักรพรรดิเคหาสน์ม่วง กระทั่งฝึกคัมภีร์จักรพรรดินิพพานอมตะสำเร็จแล้ว!
เก่งจริงก็มาสู้กับข้าสิ ข้าจะให้เจ้ารู้ว่าอะไรคือ ‘ทหารแยกจากสามวัน ก็กลับกลายเป็นคนละคนได้’!”
เมื่อเห็นเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงที่จากสงบนิ่งค่อยๆ คลุ้มคลั่งขึ้นมา ผู้ฝึกบำเพ็ญรุ่นเดียวกันกับพวกเขารอบๆ ต่างเข้าใจกัน ถึงอย่างไรมีใครบ้างที่ไม่เคยเป็นหนุ่ม
โอรสสวรรค์แห่งยุคผู้ยิ่งใหญ่ถูกเจ้าสองคนจากแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์กดขี่หลายร้อยปี แค่คิดก็รู้แล้วว่าจะแค้นมากเพียงใด
เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์มองเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ธารหยกนิ่งๆ เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ธารหยกพยักหน้า “การปิดล้อมครั้งนี้ หากไม่ได้แดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์กู้สถานการณ์ให้ คงยากจะคาดเดาผลสุดท้าย
เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ เจ้าวางมือสู้กับเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงเถอะ! ไม่ว่าผลจะเป็นอย่างไร แดนศักดิ์สิทธิ์ธารหยกจะยอมรับ”
สองแดนศักดิ์สิทธิ์ใหญ่ยอมรับการเดิมพัน แดนเทวาและแดนผาสุกอื่นย่อมไม่คัดค้าน
เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ครุ่นคิด ก่อนจะปรากฏกระบี่ยาวที่มีประกายเซียนวนเวียนขึ้นในมือช้าๆ “บอกมาว่าเจ้าอยากจะสู้อย่างไร”
เมื่อเห็นเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ที่ประกายเซียนบนผิวกายไม่มีกระเพื่อม คาดเดาอารมณ์ไม่ได้เลยแล้ว เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงก็แค่นเสียงขึ้นจมูก “เจ้ากับข้าต่างเป็นเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ เห็นแก่เกียรติของเจ้า คงไม่ถึงกับทำให้เจ้าขายขี้หน้าอะไรมาก ข้าจะสู้กับเจ้าในมิติปั่นป่วน”
ประกายเซียนบนผิวกายเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์สั่นไหวเบาๆ ก่อนเอ่ยอย่างเย็นชา “เช่นนั้นก็ขอบใจ”
เมื่อเอ่ยจบ เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ก็เดินหน้าหนึ่งก้าวช้าๆ
ทันใดนั้นพลันปรากฏประตูมิติสีดำทมิฬขึ้นจากความว่างเปล่า เหมือนเชื่อมไปยังมิติที่ไม่รู้จัก
เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ก้าวเข้าไปกลางประตูมิติ ทั้งตัวหายไปจากสายตาของทุกคน การกระทำดูสบายๆ มีความสง่าของเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์อย่างชัดเจน
“ขนาดคลื่นมิติยังไม่รู้สึก เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ก็เปิดช่องทางมิติสำเร็จแล้ว”
คนนอกมองสนุก คนในมองเป็น ทุกคนรู้ว่าผู้อริยะระดับฝ่าด่านเคราะห์ทะลวงมิติได้ ขณะพูดคุยหัวเราะก็ข้ามแม่น้ำภูเขาหมื่นลี้ไปได้
ทว่ามีเพียงระดับผู้อริยะอย่างเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ธารหยกเท่านั้นที่รู้ว่าการเก็บคลื่นมิติตอนทะลวงมิตินั้นยากเพียงใด
ลำพังแค่วิชาทะลวงมิติของเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ ก็มากพอจะทำให้ผู้อริยะส่วนใหญ่ถูกทิ้งห่างไม่เห็นฝุ่นแล้ว
นี่หมายความว่าอย่างไร?
หมายความว่าเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์มีความชำนาญในศาสตร์มิติสูงมาก อย่างน้อยก็เหนือกว่าผู้อริยะระดับฝ่าด่านเคราะห์ส่วนใหญ่
และผู้อริยะที่ชำนาญศาสตร์มิติ จะได้เปรียบในการต่อสู้กลางกระแสมิติปั่นป่วนอย่างยิ่ง!
“จางหลงหยวนไม่ได้ฝึกแค่วิชาอัสนีเทพสวรรค์รึ! เหตุใดถึงมีพลังควบคุมมิติแข็งแกร่งเช่นนี้”
เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ดาวเหนือมีสีหน้ากังวล “เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วง ดูท่าการสู้กับเขาในกระแสมิติปั่นป่วนคงจะ…ถ้าไม่อย่างนั้นก็ช่างมันเถอะ!”
เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงทำเสียงขึ้นจมูก “ก็แค่วิชาท่องมิติเท่านั้น ไม่มีค่าให้เอ่ยถึงหรอก!”
เมื่อเอ่ยจบ ไอม่วงมหาศาลหมื่นลี้ข้างหลังเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงก็กลับเข้าไปในกายทั้งหมด ทำให้ทั้งตัวเด่นขึ้นเหมือนกับราชาเทพลงมายังโลกมนุษย์
“จางหลงหยวน วันนี้ข้าจะทำลายวิชาของเจ้า!”
ร่างเงาสีม่วงตามหลังเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์เข้าไปในกระแสมิติปั่นป่วนติดๆ กัน
ในกระแสมิติปั่นป่วน มิติจะไม่เสถียรมาก ดังนั้นจึงใช้พลังจิตดูการต่อสู้ทางไกลได้ยากยิ่ง
อย่างน้อยสำหรับผู้ฝึกบำเพ็ญต่ำกว่าระดับอริยะ การจะชมการต่อสู้ของผู้อริยะผ่านปราการมิติก็แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย
แต่ทุกคนที่เหนือกว่าระดับอริยะก็เลือกที่จะไม่แอบดูการต่อสู้ของสองคนถือว่าเป็นการเคารพ
…….
มีเสียงภูตผีร้องโหยหวนดังมาจากประตูมิติสีดำไม่หยุด
นั่นเกิดจากการปะทะกันของกระแสมิติปั่นป่วน ยิ่งมีพลังกระแทกใส่กันในมิติรุนแรงมากเท่าไร เสียงก็ยิ่งดังมากเท่านั้น
หลังจากสองผู้อริยะเข้าไปในประตูมิติ ทุกคนต่างจ้องหลุมดำใหญ่นั้นด้วยใบหน้าเฝ้ารอคอย
เวลาผ่านไปทีละนาที
ทันใดนั้นประตูมิติระเบิดออก
ร่างสองร่างพุ่งออกมาจากประตูมิติ
หนึ่งในนั้นมีสายฟ้าประกายเซียนพันล้อมรอบกาย อีกคนอยู่ในประกายเซียนไอม่วง มองเห็นใบหน้าไม่ชัดเจน
เสียงหัวเราะมีความสุขของเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงดังมาจากไอม่วงประกายเซียน “ฮ่าๆ จางหลงหยวน สามสิบปีสายน้ำไปทางตะวันออก สิบสามปีให้หลังสายน้ำไปทางตะวันตก จงอย่างรังแกเด็กหนุ่มยากจน!
หนึ่งพันปี ผ่านไปพันปีเต็มๆ โอหังเยี่ยงเจ้าคงคิดไม่ถึงว่าจะมีวันนี้!”
เมื่อเห็นเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงดีใจเช่นนี้ เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ดาวเหนือก็เผยรอยยิ้ม “สหาย เจ้าชนะรึ”
เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงยิ้ม “ข้าทำอะไรเขาไม่ได้ เขาก็ทำอะไรข้าไม่ได้เช่นกัน! ช่างเถอะ วันนี้สู้กันถึงอกถึงใจมาก กับอีแค่วิหารย่อยลัทธิชั่วร้ายเล็กๆ ให้พวกเขาไปเถอะ!”
พูดจบแล้วเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงกลางประกายเซียนไอม่วงก็กลายเป็นแสงสายรุ้งสายหนึ่งพุ่งไปยังแดนศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วง
เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ดาวเหนือและผู้อาวุโสระดับผู้อริยะสองคนข้างหลังมองด้วยความงุนงง
นี่มันอะไรกัน
เหตุใดเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงถึงคิดเองเออเองไปเช่นนี้!
ไหนคุยไว้ดิบดีว่าจะเหยียบย่ำแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ ชิงผลประโยชน์มาครึ่งหนึ่งไง
สองคนเสมอกันแท้ๆ แต่เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงกลับหนีไป ไม่เอาผลประโยชน์แล้วรึ
เวลานี้ เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ดาวเหนือและสองผู้อริยะรวมถึงผู้สูงศักดิ์สวรรค์สิบกว่าคนที่ยังอยู่ที่เดิมดูเก้อเขินเล็กน้อย
“เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงไปแล้ว เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ดาวเหนือจะขอคำชี้แนะด้วยหรือไม่”
สายฟ้าประกายเซียนบนผิวกายเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์สั่นไหวเบาๆ สายตามองเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ดาวเหนือด้านข้าง
เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ดาวเหนือพลันหนาวสั่นขึ้นมา
ระดับพลังและกำลังรบของเขาเทียบกับเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงไม่ได้
เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงยังแค่เสมอกับเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ เช่นนั้นเขาก็คงสู้ไม่ได้
เมื่อคิดได้ดังนั้น เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ดาวเหนือก็ยิ้ม “อาณาจักรโบราณอู๋เลี่ยงตั้งอยู่ระหว่างแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์กับแดนศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วง ไม่เกี่ยวอะไรกับแดนศักดิ์สิทธิ์ดาวเหนือเลย
ในเมื่อเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงไม่ยุ่งกับการปิดล้อมครั้งนี้ ข้าย่อมเคารพการตัดสินใจของเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วง ขอตัว”
พูดจบแล้ว เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ดาวเหนือก็ใช้วิชาล่องหนแสงดาว กลายเป็นแสงดาวสายหนึ่งตามสายรุ้งของเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงไป
ความขัดแย้งของการ ‘เก็บลูกท้อ’ อันตึงเครียด สิ้นสุดลงอย่างน่าประหลาดและล้มเหลวไม่เป็นท่าเช่นนี้
…….
เขตปกครองของแดนศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วง บนฟ้าเหนือเมืองศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วง
สายรุ้งสีม่วงสายหนึ่งพุ่งผ่านมา แสงดาวสายหนึ่งตามหลังมาติดๆ
ไม่นาน แสงดาวนั้นก็ขวางไว้หน้าสายรุ้งสีม่วง เผยเป็นร่างของเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ดาวเหนือ
เขาขวางเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงไว้ ก่อนพูดด้วยความจนปัญญาว่า “สหายเคหาสน์ม่วง พวกเราได้เปรียบแล้วแท้ๆ ไฉนถึงไม่อาศัยโอกาสนี้แสดงอำนาจกับแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์กับแดนศักดิ์สิทธิ์ธารหยกล่ะ”
เสียงของเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงดังมาจากในสายรุ้งสีม่วงเข้มข้นนั้นอย่างเฉยชา “ถึงแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์กับแดนศักดิ์สิทธิ์ธารหยกจะไม่มีค่าให้เอ่ยถึง แต่ก็มีรากฐานเป็นแดนศักดิ์สิทธิ์ ในเมื่อแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์กับแดนศักดิ์สิทธิ์ธารหยกเสี่ยงชีวิตปราบผู้อริยะลัทธิชั่วร้ายหลายคน ไปจนถึงเจ้าผู้คุ้มกฎอู๋เซิง
เช่นนั้นทรัพยากรที่ได้จากการปิดล้อมลัทธิชั่วร้ายย่อมเป็นของพวกเขาทั้งหมด ข้าจะไม่ฉวยโอกาสตอนคนอื่นเดือดร้อนเด็ดขาด!”
เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ดาวเหนืองุนงง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน