บทที่ 280 องค์รัชทายาทเผ่ามังกรทะเลเหนือ สามอัจฉริยะปะทะเซ่าเสวียน (2)
“อวิ๋นซี จะรอไม่ได้อีกแล้ว เจ้าซ้ายข้าขวา ช่วยศิษย์พี่ใหญ่”
มีกระบี่โบราณสีดำลอยขึ้นมาจากพิณโพราณข้างหลังจางอวิ๋นถิง แสงกระบี่ดั่งสายน้ำใบไม้ร่วง
เขามองควันคละคลุ้งที่อบอวลด้วยแสงสีทองไอม่วงนั้นก่อนพูดด้วยสีหน้ากังวล “หวังว่าศิษย์พี่ใหญ่จะไม่เป็นอะไร”
หากฟางฉางบาดเจ็บสาหัสสู้ไม่ไหว การต่อสู้นี้ก็จะเป็นปัญหาแล้ว
“ไม่ต้องสอดมือ แซ่ฟางยังไม่แพ้!”
เสียงฟางฉางดังทุ้มต่ำมาจากใต้มังกรยักษ์สีม่วงร้อยจั้ง จากนั้นกรงเล็บมังกรที่กดลงมาอย่างแรงก็ถูกยกลอยขึ้น
ร่างที่อาบสายฟ้าสีทองทั้งตัวปรากฏขึ้นตรงหน้าทุกคนอีกครั้ง พลังพุ่งขึ้นสูงอย่างไร้ขีดจำกัด
“กลัวตายรึ ซ่อนหัวโผล่หางรึ อย่างเจ้ามีสิทธิ์มาหยามเกียรติอันบริสุทธิ์ของบุตรศักดิ์สิทธิ์ฝ่ายข้ารึ”
เสียงเย้ยเยาะของฟางฉางดังก้องฟ้าดิน “บุตรศักดิ์สิทธิ์ฝ่ายข้าไม่ออกมา ก็เพราะว่าเจ้ายังไม่มีคุณสมบัติจะท้าทายเขา อันดับหนึ่งแก่นพลังทองของดินแดนบูรพาอะไร คุณสมบัติแห่งมหาจักรพรรดิอะไร มันก็แค่นี้ ดูเถอะว่าแซ่ฟางจะเอาชนะเจ้าอย่างไร!”
เพิ่งพูดจบ ฟางฉางก็เดินหนึ่งก้าว ร่างกำยำใหญ่ขึ้นตามสายลม “กายแท้วิญญาณยักษ์!”
โครม~!
มังกรร้อยจั้งถูกยกลอยออกไป ฟางฉางยืนตัวตรงอีกครั้ง
ร่างแปดฉื่อในตอนแรกขยายใหญ่ขึ้นทันที อัสนีกำเนิดฟ้าไหลเวียนในกายเขาอย่างบ้าคลั่ง ก่อนจะรวมเป็นเทพสงครามเกราะทองคำยักษ์สูงยี่สิบกว่าจั้ง
เขายื่นมือขวาออกมาช้าๆ สายฟ้าไร้ที่สิ้นสุดวนเวียนบนทวนมังกรเพลิงแดง รวมขึ้นเป็นทวนมังกรยาวสิบกว่าจั้ง
ตอนนี้พลังของฟางฉางเทียบกับก่อนหน้านี้แล้ว ไม่ได้เพิ่มขึ้นแค่เท่าเดียวแล้ว
แววตาเขาเหมือนกับสายฟ้ายิงใส่ฉีเซ่าเสวียน “บุตรศักดิ์สิทธิ์ข้าผ่านด่านหอคอยเทพสงครามทั้งหมด ได้รับการยอมรับจากดวงจิตหอคอยว่ามีพรสวรรค์อันดับหนึ่ง มีความสามารถอันดับหนึ่งและมีกำลังรบอันดับหนึ่งในหมื่นปีมานี้
บุตรศักดิ์สิทธิ์มีพรสวรรค์สูงสุดนับตั้งแต่โบราณจวบจนปัจจุบัน กระทั่งเหนือกว่าจักรพรรดิฮวงสือในวัยหนุ่ม อย่างเจ้าฉีเซ่าเสวียนคู่ควรจะชิงความเป็นหนึ่งกับเขารึ
วันนี้จะให้เจ้าได้เห็นสุดยอดวิชาที่แซ่ฟางเรียนมาจากหอคอยเทพสงคราม!”
เพิ่งพูดจบ ฟางฉางก็กวัดแกว่งทวนมังกรในมือพุ่งใส่ฉีเซ่าเสวียน สายฟ้าสีทองผ่านไปที่ใด มวลอากาศจะพังทลายลงทั้งหมด
เขาแทบจะละทิ้งการป้องกันทั้งหมด ไม่สนใจเรื่องการใช้พลังฤทธิ์รวมถึงอัสนีกำเนิดฟ้า แต่วางมาดว่าจะสู้สุดชีวิต
เวลานี้ เขาสูสีกับมังกรยาวไอม่วงร้อยจั้งนั้น ไม่ตกเป็นรองแม้แต่น้อย
เมื่อเห็นท่าทีเกรี้ยวกราดของฟางฉางแล้ว เวลานี้จางอวิ๋นถิงรู้สึกอิจฉานิดๆ
เขาจิ้มไหล่จางอวิ๋นซี “นี่ อวิ๋นซี จะว่าไปท่านพ่ออยากให้เจ้ารับหมั้นกับศิษย์น้องเสิ่นเทียนใช่หรือไม่!”
จางอวิ๋นซีพูดอย่างเฉยชา “พี่อยากถามอะไร”
จางอวิ๋นถิงพูดด้วยความจำใจ “ข้าแค่แปลกใจ ก่อนหน้านี้ศิษย์พี่ใหญ่ไม่ยอมรับบุตรศักดิ์สิทธิ์มาตลอดไม่ใช่รึ! เหตุใดตอนนี้ถึงเลื่อมใสบุตรศักดิ์สิทธิ์บ้าคลั่งเช่นนี้
ฉีเซ่าเสวียนว่าร้ายบุตรศักดิ์สิทธิ์ เจ้ายังไม่โกรธ เหตุใดศิษย์พี่ใหญ่ถึงโกรธจนสู้สุดชีวิตไปแล้ว ตกลงพวกเจ้าสองคนใครเป็นภรรยาของบุตรศักดิ์สิทธิ์กันแน่!”
จางอวิ๋นซียังคงมีสีหน้าเฉยชา “ศิษย์น้องมีบุญคุณช่วยชีวิตศิษย์พี่ใหญ่ ถึงศิษย์พี่ใหญ่จะมีหน้าตาธรรมดา แต่ก็ไม่ใช่คนเนรคุณคน”
“ส่วนเรื่องโกรธ” จางอวิ๋นซีหยิบผลึกก้อนหนึ่งออกมาส่งให้จางอวิ๋นถิง “ข้าใช้ผลึกบันทึกภาพบันทึกคำพูดทุกอย่างของฉีเซ่าเสวียนไว้แล้ว รอศิษย์น้องออกด่านบำเพ็ญมาจะให้เขา
ตอนนี้ฉีเซ่าเสวียนโอหังเพียงใด รอศิษย์น้องออกด่านบำเพ็ญเมื่อไรจะโดนทุบตีอนาถเท่านั้น”
จางอวิ๋นถิงรับผลึกบันทึกภาพมา พยักหน้า “อวิ๋นซีตอนนี้เจ้าใจเย็นกว่าเมื่อก่อนเยอะเลย ดีมาก แต่ว่าไฉนเจ้าถึงเอาผลึกบันทึกภาพให้ข้าล่ะ”
จางอวิ๋นซีเดินไปทางสนามรบช้าๆ ภายใต้สายลมในมวลอากาศเกาะตัวเป็นน้ำค้างตกลงมา “เพราะตอนนี้ข้าจะสู้แล้ว”
อัสนีกำเนิดฟ้ามหาศาลรวมขึ้นบนผิวกายจางอวิ๋นซี พยัคฆ์ขาวสายฟ้าสูงสิบกว่าจั้งตัวหนึ่งปรากฏขึ้น
ทุกส่วนของมันวนเวียนด้วยอัสนีกำเนิดฟ้าสีทอง กลิ่นอายสังหารทำให้อากาศโดยรอบนระยะหลายร้อยจั้งเริ่มเป็นน้ำแข็ง ฟ้าดินเกิดความหนาวจัด
กล้าด่าศิษย์น้องรึ รนหาที่ตาย
โฮก~
เกิดเสียงพยัคฆ์ขาวคำราม ฟ้าดินเงียบสงัดไร้เสียง
ในวงต่อสู้ คนยักษ์ร่างแปลงฟางฉางใช้ทวนกระแทกมังกรยักษ์ถอยไป
เขารู้สึกว่าจางอวิ๋นซีเข้ามาใกล้สนามรบ จึงทำเสียงขึ้นจมูก “นี่สนามรบของบุรุษ ศิษย์น้องหญิงถอยไป”
พยัคฆ์ขาวสายฟ้าชำเลืองตามองฟางฉางอย่างเฉยชา น้ำเสียงสตรีเย็นชาไม่มีคลื่นอารมณ์ใดๆ “ข้าได้ยินไม่ชัด พูดอีกที”
กายแท้วิญญาณยักษ์หนาวสั่นขึ้นมา ก่อนจะหดคอตามจิตใต้สำนึก “แค่กๆ ศิษย์น้องหญิง ขะ…ข้าว่าชายทางซ้ายหญิงทางขวา จัดการมัน!”
…….
ปัญจธาตุเกื้อหนุนกันและเป็นปฏิปักษ์กัน ทุกวิชาของแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์มีอัสนีเทพปัญจธาตุเป็นรากฐาน
ถึงจางอวิ๋นซีจะมีระดับพลังเพียงจุดสูงสุดแปดรอบ ยังไม่ถึงเขตแดนเก้ารอบ ด้อยกว่าฟางฉางขั้นหนึ่ง แต่ฟางฉางฝึกวิชาอัสนีธาตุไฟและดินเป็นหลัก ไฟเกิดดิน ดินเกิดทอง การร่วมมือกับจางอวิ๋นซีจะเพิ่มกำลังรบอย่างมาก
ประกอบกับมีเพลิงโทสะเอ่อล้นต่อฉีเซ่าเสวียนในใจ ตอนนี้กำลังรบของจางอวิ๋นซีทะลุปรอทไปแล้ว
สองคนร่วมมือกันมีพลังไม่อาจต้านทานได้ กดดันมังกรเทพไอม่วงของฉีเซ่าเสวียนได้ทุกทาง
ฉีเซ่าเสวียนกดดันมากขึ้น รู้สึกคับอกคับใจนิดๆ ในใจ
เขาไม่เข้าใจว่าตอนแรกยังดีๆ อยู่ พอตนเยาะเย้ยเสิ่นเทียนคำเดียว ปรากฏว่าฟางฉางกับจางอวิ๋นซีก็ระเบิดตับขึ้นมาเอาดื้อๆ
กำลังรบของสองคนนี้ล้วนเหนือกว่าบุตรพุทธะขู่ตัวอันดับสองในรายนามแก่นพลังทอง
ตอนนี้ร่วมมือกันอย่างสุดกำลัง อีกทั้งยังตั้งท่าสู้สุดชีวิต ทำให้ฉีเซ่าเสวียนขนลุกในใจ
คนโหดกลัวคนใจร้อน คนใจร้อนไม่กลัวตาย สองคนนี้สู้กันโหดเกินไปแล้ว
จะว่าไป ต้องทำถึงขนาดนี้เลยรึ!
แซ่ฉีไม่ได้ขุดหลุมศพบรรพบุรุษพวกเจ้าสักหน่อย แค่ประมือกันไฉนต้องโมโหด้วย!
ภายในใจจะคับอกคับใจก็เรื่องของมัน ตนเป็นบุตรศักดิ์สิทธิ์ที่เสแสร้งอยู่สูงสุด ต่อให้สู้ยากกว่านี้ ก็ยังไม่เคยหยุดปากดี
“ดี ถึงอกถึงใจๆ ไม่นึกเลยว่ากำลังรบของสตรีศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์จะเหนือกว่าที่แซ่ฉีคาดคิด แซ่ฉีไม่ได้เลือดร้อนเช่นนี้มานานมากแล้ว ยังแข็งแกร่งกว่านี้ได้อีกหรือไม่ หากมีเพียงเท่านี้ก็ยังไม่พอ ยังไม่พอเลย!”
เมื่อพูดจบ ฉีเซ่าเสวียนก็แอบเผาพลังฤทธิ์มหาศาลในกายตัวเอง มังกรเทพไอม่วงมีกรงเล็บใหญ่ขึ้น ก่อนจะตบใส่ฟางฉางกับจางอวิ๋นซีสองคนลอยไป
ดูองอาจห้าวหาญเป็นหนึ่ง
น่าเสียดายการปะทุพลังครั้งนี้ไม่มีความหมายใดๆ เลย เพราะพลังฤทธิ์ที่เขาเสียไปไม่ได้ผลลัพธ์ที่มีสัดส่วนเท่าเทียมกันเลย
แต่ปากดีแล้วก็ต้องเสแสร้งให้เข้ากันด้วย นี่คือกลอุบายต่อเนื่องกันที่ต้องทำให้เป็นเพื่อให้ตัวเองโดดเด่นขึ้น
ไม่เห็นหรือว่าผู้ชมที่กำลังกะเทาะเมล็ดแตงดูอยู่รอบๆ เริ่มตาเป็นประกายกันแล้วน่ะ
ขอแค่เขาทำให้สถานการณ์ต่อสู้มั่นคงได้ พยายามเอาชนะฟางฉางกับจางอวิ๋นซี ก็จะมีชื่อเสียงดังไปทั้งดินแดนบูรพา
แน่นอน แผนการเดิม ‘หนึ่งสู้สี่’ นั้น ฉีเซ่าเสวียนได้ล้มเลิกไปอย่างชาญฉลาดแล้ว ศัตรูจัดการยากกว่าเขาที่คิด
อย่าว่าแต่หนึ่งสู้สี่เลย ตอนนี้เขาภาวนาแค่ว่าจางอวิ๋นถิงจะมีเกียรติสักนิด อย่าเข้ามายุ่งก็พอ
แม้หนึ่งสู้สองจะได้ผลเสแสร้งไม่ดีเท่าหนึ่งสู้สาม แต่เงื่อนไขคือต้องชนะ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน