บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน นิยาย บท 285

บทที่ 285 โอรสสวรรค์หกดาวคนที่สองในรอบหมื่นปี!

แก๊ง~

เสียงชัดเจนดังสนั่นทั้งเมืองเล็กหอคอยเทพสงคราม

“เฮ้ย สหาย ได้ยินหรือไม่ วันนี้บุตรศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงจะฝ่าด่านในหอคอยเทพสงคราม”

“ได้ยินมานานแล้ว ยังเช้าอยู่รีบไปหาที่นั่งก่อนเถอะ ไปช้าจะแย่งตั๋วไม่ได้!”

“ไม่รู้ว่าบุตรศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงจะไปได้กี่ชั้นในหอคอยเทพสงคราม จะเป็นโอรสสวรรค์หกดาวในตำนานได้หรือไม่”

“โอรสสวรรค์หกดาวเกินไปหน่อยกระมัง! ถึงอย่างไรหมื่นปีมานี้ในศิลาเทพสงครามก็เคยปรากฏโอรสสวรรค์หกดาวแค่คนเดียว นั่นคือจักรพรรดิฮวงสือ”

“ไม่ใช่แค่หนึ่งกระมัง! ไม่ได้ยินหรือว่าบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์เสิ่นเทียนเป็นโอรสสวรรค์เจ็ดดาวน่ะ กระทั่งมีคนบอกว่าเขาเป็นแปดดาวเก้าดาวด้วยซ้ำ”

“สหาย ข่าวลือปากซอยท้ายซอยพวกนั้นเจ้าก็เชื่อรึ เจ้ารู้หรือไม่ว่าโอรสสวรรค์แปดดาวหมายถึงอะไร โอรสสวรรค์แปดดาวเกินจริงไป ถึงอย่างไรจักรพรรดิฮวงสือก็อยู่เพียงหกดาว

ข้าว่านะ ระดับของบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์จริงๆ น่าจะโอรสสวรรค์หกดาว นี่ก็น่าตกใจมากแล้ว”

“เฮ้ย บุตรศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงจะฝ่าด่านไม่ใช่รึ ไฉนพวกเจ้าถึงคุยเรื่องบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์เสิ่นเทียนกัน”

“ก็ใครให้บุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์หล่อเหลากว่าบุตรศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงกัน ศักดิ์ยังสูงกว่า! กดอยู่เหนือบุตรศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงทุกทางเลย!”

“นี่ ถ้าบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ยินดีถ่ายทอดสดการฝ่าด่านหอคอยเทพสงครามเมื่อไร ข้าจะให้รางวัลเขาหมดตัวเลย”

“เอาด้วยๆ ข้าก็เช่นกัน! พอมาคิดเช่นนี้ การถ่ายทอดสดของบุตรศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงก็น่าเบื่อขึ้นมาเลย”

……..

แม้ฉีเซ่าเสวียนจะเสียหน้าใต้ยอดเขาบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ แต่ก็เป็นอย่างที่เฉินจงเทียนคาดการณ์ไว้ กระแสของเขาไม่ได้รับผลกระทบเพราะเรื่องนี้มากนัก

ถึงอย่างไร แม้จะโดนกดในด้านการแบ่งรุ่นอาวุโส แต่ไม่ได้หมายความว่าฉีเซ่าเสวียนโดดเด่นไม่พอ บอกได้เพียงว่าเขาออกจากบ้านมาไม่ดูปฏิทินโหราศาสตร์เท่านั้น

ในทางตรงข้าม ผลงานที่ฉีเซ่าเสวียนสู้สามคนด้วยตัวคนเดียวใต้ยอดเขาบุตรศักดิ์สิทธิ์กลับทำให้เขามีชื่อเสียงมากกว่าเดิม

ก็เป็นอย่างที่ฉีเซ่าเสวียนพูดไว้ ฟางฉางกับจางอวิ๋นซีแสดงกำลังรบออกมาเหนือกว่าบุตรพุทธะขู่ตัวไปแล้ว

คนตาดีจะมองออกว่าข้างหลังสองคนยังมีจางอวิ๋นถองคอยบัฟพลังให้พวกเขาอยู่

แต่แม้จะอยู่ในสภาพการณ์เช่นนี้ ฉีเซ่าเสวียนก็ยังไม่ได้พ่ายแพ้ให้กับสามคน

กำลังรบเช่นนี้คือระดับไร้พ่ายในรุ่นเดียวกันอย่างแน่นอน!

ตอนนี้ฉีเซ่าเสวียนกำลังถ่ายทอดสดในหอคอยเทพสงคราม สำหรับผู้บำเพ็ญเซียนส่วนใหญ่แล้วเป็นการตัดสินที่สุดยอดและยากจะพานพบได้ในร้อยปี

หากโชคดีจะได้ตระหนักรู้เล็กน้อยจากการชมถ่ายทอดสด นี่ก็มากพอจะใช้ได้ทั้งชีวิตแล้ว!

เรื่องดีเช่นนี้ย่อมไม่อยากพลาดไป ดังนั้นในครึ่งชั่วยามสั้นๆ จึงมีคนมาเข้าแถวเต็มด้านนอกหอคอยเทพสงคราม

พวกเขาต่างใช้สมบัติล้ำค่าแลกเป็นแต้มเทพสงคราม จากนั้นถูกหอคอยเทพสงครามเคลื่อนย้ายเข้าไปในมิติเสมือนในหอคอย เตรียมชมการประลอง

ดวงจิตหอคอยผู้ดูแลยังเตรียมเก้าอี้นอนสบายๆ ให้ทุกคนตามคำแนะนำของเสิ่นเทียน พยายามบริการให้ดีที่สุด

…..

ไม่นาน ‘มิติผู้ชม’ ที่เยี่ยฉิงชางร่างขึ้นมาแบบพิเศษก็มีคนนั่งกันเต็ม

พวกเขานอนเอนบนเก้าอี้อย่างสบายใจ อากาศตรงหน้าบิดรูปช้าๆ กลายเป็นกระจกใสที่รวมขึ้นจากแสงม่วง

ในกระจกนั้น พวกเขาเห็นบุรุษผู้องอาจสวมชุดเกราะลายมังกรสีดำคนหนึ่ง เขานั่งขัดสมาธิ วางง้าวมังกรสวรรค์ขวางไว้บนตัก

แม้จะมองผ่านมิติ ทุกคนยังรู้สึกถึงอำนาจคุกคามแก่กล้าที่แผ่มาจากตัวชายคนนี้

สมกับเป็นบุตรศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วง ราชาไร้มงกุฎแห่งดินแดนบูรพา วางอำนาจต่อใต้หล้าจริงๆ!

“ข้าปรับลมหายใจเสร็จแล้ว ส่งโอรสสวรรค์ห้าดาวมาอีกคนเถอะ!”

ฉีเซ่าเสวียนรู้ว่าตอนนี้มีคนกำลังมองตนอยู่ จึงกลับมาทำหน้าโอหังพูดน้อยอีกครั้ง

เขาไม่ได้ท้าประลองเสิ่นเทียนตรงๆ เพราะหอคอยเทพสงครามใจดำเพิ่มราคาอีกแล้ว ต้องได้สามหมื่นแต้มเทพสงครามถึงจะท้าประลองเสิ่นเทียนได้

สามหมื่น นั่นหมายถึงอะไร?

ต้องรู้ว่าโอรสสวรรค์ห้าดาว หกดาว และเจ็ดดาว ขอแค่มีพันแต้มเทพสงครามก็ต่อสู้เดิมพันได้แล้ว

การท้าประลองกับเสิ่นเทียนครั้งเดียว มากพอจะท้าประลองโอรสสวรรค์เจ็ดดาวได้ถึงสามสิบรอบ!

และที่สำคัญกว่านั้นคือ เขาไม่มั่นใจเต็มสิบว่าจะชนะ…

ใช่ ฉีเซ่าเสวียนใจฝ่อนิดๆ

ถึงอย่างไรก่อนหน้านี้เขาก็เคยเห็นผลงานของเสิ่นเทียนมาแล้ว ไม่อยากเชื่อว่าจะใช้ศีรษะต้านเคราะห์สวรรค์ได้

แม้ฉีเซ่าเสวียนจะต้านอานุภาพของเคราะห์สวรรค์นั้นได้เช่นกัน แต่ศีรษะแข็งไม่ได้หมายความว่าจะมีกำลังรบแข็งแกร่งเสมอไป แต่ก็ยังทำให้ฉีเซ่าเสวียนกลัว

เขามองเสิ่นเทียนเป็นศัตรูตัวฉกาจ เป็นศัตรูเก่าแล้ว

อะไรคือศัตรูตัวฉกาจกับศัตรูเก่า นั่นคือคู่ต่อสู้ที่ทำให้ฉีเซ่าเสวียนรู้สึกกดดันได้อย่างแท้จริง

เขาไม่มั่นใจว่าตนจะชนะเสิ่นเทียนได้ หากพ่ายแพ้ สามหมื่นแต้มเทพสงครามก็ต้องสลายไป

นั่นคือผลึกวิญญาณสามแสนก้อนเชียว! หากแพ้ขึ้นมาจริงๆ ผู้อริยะยังปวดใจ

ดังนั้น ฉีเซ่าเสวียนจึงตัดสินใจจะถ่ายทอดสดลองท้าประลองกับโอรสสวรรค์ห้าดาวกับหกดาวก่อน

……..

“กำลังรวมร่างเงา รวมร่างเงาเสร็จสิ้น เริ่มการฝ่าด่าน!”

แสงสีดำปรากฏขึ้นบนเวทีประลองเทพสงคราม ขณะเดียวกันยังปรากฏชายชุดดำขึ้น

แต่ชุดคลุมดำของเขาต่างกับเกราะมังกรดำของฉีเซ่าเสวียนอย่างสิ้นเชิง นั่นคือผ้าคลุมเงามืดสีดำ

ใบหน้าชายคนนี้ถูกปิดด้วยหน้ากากสีม่วง เผยเพียงดวงตาหยั่งลึกสองข้าง เขาแอบมองฉีเซ่าเสวียนเหมือนกับสังเกตเหยื่อ

“นักฆ่าเผ่าเงา อิ่งลู่ ข้ารับใช้เพื่อเงามืด ความว่างเปล่าคือบัญญัติของข้า ขอรับชีวิตเจ้าไปแล้วกัน~”

เสียงเฉยชาไร้คลื่นอารมณ์เหมือนดังมาจากขุมนรก แหบแห้งทำให้คนขนพองสยองเกล้า แม้แต่ผู้ชมยังรู้สึกหนาวไปทั้งตัว

นี่ไม่ได้คิดไปเอง แต่เป็นกลิ่นอายสังหาร!

สุดยอดนักฆ่าที่แท้จริงเท่านั้นถึงจะรวมกลิ่นอายสังหารออกมาได้

แต่ตอนที่นักฆ่าเช่นนี้แผ่กลิ่นอายสังหารออกมา ก็ได้เริ่มช่วงเวลาการล่าขึ้น

หากเป็นเหยื่อที่มีจิตใจไม่แกร่งพอ ภายใต้ไอสังหารมืดฟ้ามัวดินนี้คงจะจิตใจปั่นป่วนอย่างรุนแรง ถึงตอนนั้นก็จะเผยช่องโหว่ให้โดนนักฆ่าในเงามืดปลิดชีพในครั้งเดียว

ทันทีที่เสียงดังขึ้น อิ่งลู่หายไปจากบนเวทีประลอง นั่นคือวิชาท่าร่างที่แกร่งที่สุดอย่างหนึ่ง อำพรางร่างในเงามืดได้ หากเป้าหมายไม่ระวังก็จะปลิดชีพในทันที การเก็บเกี่ยวของนักฆ่าเกิดขึ้นเพียงชั่วพริบตาเท่านั้น

ประสิทธิภาพการถ่ายทอดสดของเยี่ยฉิงชางทำได้สมจริงมากจริงๆ ทำให้คนรู้สึกเหมือนอยู่ในนั้น

ตอนนี้ทุกคนเหมือนยืนบนเวทีประลอง สัมผัสไอสังหารที่ลอบจู่โจมเข้ามาจากสี่ทิศ

พวกเขาขนลุกขึ้นมา คนที่มีระดับพลังอ่อนแอและจิตใจไม่แน่วแน่พอถึงกับตัวสั่น

ถึงอย่างไรสำหรับผู้ฝึกบำเพ็ญส่วนใหญ่แล้ว โอรสสวรรค์ห้าดาวก็เรียกได้ว่าไร้พ่าย!

เวลานี้ทุกคนต่างเริ่มสนทนากัน

“นักฆ่าโอรสสวรรค์ห้าดาวนี่แข็งแกร่งมาก หากข้าเจอเขา เกรงว่าคงจะถูกสังหารในพริบตา”

“ดีเลวอย่างไรข้าก็เป็นผู้สูงศักดิ์ดวงจิตดรุณผู้ยิ่งใหญ่ ไฉนถึงรู้สึกว่าถ้าเจอกับเจ้าเด็กแก่นพลังทองนี่แล้ว จะต้านไม่ได้แม้แต่กระบวนท่าเดียวล่ะ”

“ไอสังหารเช่นนี้ เกรงว่าคงมีผู้สูงศักดิ์ตายตกในมือเขาไม่ต่ำกว่าร้อยกระมัง! ข้ารู้สึกว่าเขาเหมือนจะอันตรายกว่าโอรสสวรรค์ห้าดาวปกติอีก”

“โอรสสวรรค์ของโลกเซียนน่ากลัวเช่นนี้จริงๆ หรือ ขนาดตำแหน่งยังหาไม่พบ บุตรศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงจะชนะเขาได้จริงๆ หรือ”

………

ฉีเซ่าเสวียนกลางเวทีประลองเทพสงครามกลับไม่ตื่นตระหนกแม้แต่น้อย

ชิ้ง!

ง้าวมังกรสวรรค์ปักลงพื้นอย่างแรง ทั้งเวทีประลองพลันสั่นไหวขึ้นมา รอยแยกลุกลามออกไป

แก่นพลังทองสิบลายเหนือศีรษะฉีเซ่าเสวียนหมุนเอื่อยๆ ไอม่วงเข้มข้นวนเวียนรอบตัวเขา ห่อหุ้มเขาไว้อย่างแน่นหนา

เขตแดนม่วงประทาน!

ยอดวิชาป้องกันที่มีชื่อเสียงของแดนศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงนี้แกร่งกว่าเขตแดนของผู้จริงแท้ระดับแก่นพลังทองปกติเกินสิบเท่า

หากวางเขตแดนม่วงประทาน มีผู้ฝึกบำเพ็ญในระดับพลังเดียวกันน้อยคนมากที่จะทำลายลงได้ เรียกได้ว่าเป็นยอดวิชาป้องกันที่สุดของดินแดนบูรพา

ไม่อยากเชื่อว่าจะถูกบีบให้ใช้เขตแดนม่วงประทาน หรือว่าบุตรศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงจะถูกกำราบลงกัน?

ผู้ชมทุกคนต่างกลั้นหายใจ เหมือนมีความรู้สึกร่วมด้วย

ชิ้ง~

เสียงทะลวงสายลมที่เบาจนแทบไม่ได้ยินดังขึ้นในความว่างเปล่า

กริชที่มีประกายแสงหม่นสีม่วงเล่มหนึ่งปรากฏขึ้นข้างหลังบุตรศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงในพริบตา

ตอนที่มันลากผ่านเขตแดนม่วงประทาน ไอม่วงมหาศาลพลันถูกฉีกออก แทบจะขวางกั้นไว้ไม่ได้เลย

อาบยาพิษ ทะลวงการป้องกัน แทงข้างหลัง!

นี่คือวิชาสังหารที่สุดแห่งยุค ผูกกันเป็นวงโคจร

หากกริชนี้กรีดโดนเนื้อหนังของบุตรศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วง อิ่งลู่จะถอยไปทันที แล้วรอให้พิษออกฤทธิ์กับเหยื่อจนอ่อนแรง จากนั้นค่อยจัดการเขา นี่ก็คือวิถีของนักฆ่า

หลักการง่าย แต่ผ่านการทำมาเป็นร้อยครั้งจึงไม่พลาด เพราะความรวดเร็ว!

หากเร็วถึงจุดสูงสุด ก็ไม่ต้องใช้การโจมตีที่พลิกแพลงไปมาใดๆ เลย

เมื่อเสียงทะลวงสายลมดังขึ้น กริชลากผ่านเขตแดนม่วงประทานไปทั้งหมด

ตอนนี้วินาทีต่อมา คมอาบพิษนั้นจะแทงเข้าไปในกายของฉีเซ่าเสวียน

ทันใดนั้น อิ่งลู่เกิดสัญญาณเตือนในใจ ฝืนดึงกริชกลับมา ไอสังหารรอบตัวหุบเข้าไปทั้งหมด

ผ้าคลุมบนตัวขยับแสงมืดหม่น ทั้งตัวเขาหายเข้าไปในอากาศอีกครั้ง

“ถือว่ามีความตื่นตัวอยู่บ้าง น่าเสียดายที่สายเกินไปแล้ว!”

กรรซ์~

เสียงมังกรคำรามดังขึ้นบนเวทีประลอง กรงเล็บมังกรดำสีพุ่งมาจากอากาศ

ฉีก!

เงาดำร่างหนึ่งถูกฉีเซ่าเสวียนจับได้จากในอากาศ พบว่ามือขวาเขากลายเป็นกรงเล็บมังกรสีดำ กดตรงคอหอยของอิ่งลู่อย่างมั่นคง

อีกทั้งตรงระหว่างคิ้วเขายังมีลูกตาสีม่วงตั้งตรงดวงหนึ่ง กำลังสลายแสงหม่นสีม่วงโดยรอบออกไป

“การอำพรางของเจ้าอ่อนด้อยนัก ไม่ได้สร้างอำนาจคุกคามให้ข้าสักนิด”

ฉีเซ่าเสวียนบีบคอหอยของอิ่งลู่แตกอย่างเฉยชา สีหน้าไม่สุขไม่ทุกข์ ราวกับสังหารมดปลวกเท่านั้น

เวลานี้ ผู้ชมทุกคนเลือดร้อนขึ้นมาแล้ว

ฉีเซ่าเสวียนเห็นอักษรลอยขึ้นมาจากรอบๆ เวทีประลองเทพสงครามทีละแถว

จากคำอธิบายของหอคอยเทพสงคราม อักษรพวกนั้นเหมือนจะส่งมาจากผู้ชม เรียกว่าเป็นความคิดเห็น

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน