บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน นิยาย บท 286

สรุปบท บทที่ 286 เหตุใดบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ถึงใหญ่เช่นนี้: บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน

ตอน บทที่ 286 เหตุใดบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ถึงใหญ่เช่นนี้ จาก บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

บทที่ 286 เหตุใดบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ถึงใหญ่เช่นนี้ คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายจีนโบราณ บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน ที่เขียนโดย novelones เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

บทที่ 286 เหตุใดบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ถึงใหญ่เช่นนี้

ในที่สุดก็มาแล้วรึ

เมื่อเห็นบุรุษประหนึ่งราชาเทพหนุ่มมาเยือนโลก ยืนบนเวทีประลองอย่างโอหัง ฉีเซ่าเสวียนรู้สึกเลือดร้อนในกายขึ้นมา

นั่นเขา บุรุษคนนั้น

บุรุษที่เกือบทำให้จิตใจไร้พ่ายของเขาแตกสลาย!

เห็นๆ อยู่ว่ามีศักยภาพที่จะสู้กับแซ่ฉีในระดับสูงสุดได้ แต่กลับใช้การแบ่งรุ่นมากดขี่ข้า

ตอนนี้บนเวทีประลองเทพสงคราม ในที่สุดข้าแซ่ฉีก็มีโอกาสสู้กับเจ้าอย่างยุติธรรม ดูเถอะว่าใครคือโอรสสวรรค์อันดับหนึ่งของดินแดนบูรพา!

ฉีเซ่าเสวียนกำง้าวมังกรสวรรค์ในมือ กระทั่งรู้สึกว่าเหงื่อออกมืออย่างพบเห็นได้ยาก

“บุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์เสิ่นเทียน ขอคำชี้แนะจากสหายด้วย”

ร่างเงาตรงหน้าป้องมือคารวะฉีเซ่าเสวียนช้าๆ ใบหน้ามีรอยยิ้มบางๆ ดูสุภาพนุ่มนวลเป็นพิเศษ

ทว่าหลังเขาป้องมือคารวะแล้ว ภาพปรากฏการณ์ทั้งหมดข้างหลังเสิ่นเทียนก็หายกลับไป ทั้งตัวเขาพลันดูเหมือนบ่อน้ำเก่าไร้คลื่น ลึกล้ำไม่อาจคาดเดา

หมอกควันแผ่กระจายมาจากตัวเขา ปกคลุมรอบเวทีประลองในพริบตา

เมื่อหมอกควันปกคลุมเวทีประลอง เสิ่นเทียนก็หายไปในหมอกนั้น แม้แต่ผู้ฝึกบำเพ็ญที่ดูถ่ายทอดสดอยู่ยังไม่หาเสิ่นเทียนไม่พบเลย

ถึงอย่างไรเวทีประลองก็มีขนาดร้อยจั้ง แต่ในหมอกวิญญาณบดบังฟ้า ผู้ฝึกบำเพ็ญธรรมดายังมองเห็นไม่ชัดในระยะสิบเมตรด้วยซ้ำ

เวลานี้ ทั้งเวทีประลองเงียบสงัด ทุกคนมองฉีเซ่าเสวียน อยากรู้ว่าโอรสสวรรค์หกดาวคนใหม่จะทำลายวิชาอำพรางกายของเสิ่นเทียนได้หรือไม่

“วิชาอำพรางตา? น่าเสียดายที่ไร้ผลกับข้าแซ่ฉี”

ฉีเซ่าเสวียนหัวเราะเยาะ เนตรสวรรค์สีม่วงตรงหว่างคิ้วเปิดขึ้นทันที

ตอนนี้เขาถือง้าวมังกรสวรรค์ เนตรสวรรค์ตรงระหว่างคิ้วกวาดสายตามองไปทั้งเวทีประลองปานสายฟ้า

ประกายแววตาลุกวาวมาพร้อมกับพลังยิ่งใหญ่ที่มองทะลุทุกสิ่ง

“ข้าเจอเจ้าแล้ว!”

ฉีเซ่าเสวียนหัวเราะเยาะ ก่อนจะกวัดแกว่งง้าวมังกรสวรรค์ในมือแทงไปข้างหลัง

บึ้ม~

ค้อนเทพสีม่วงยักษ์ทุบใส่ง้าวมังกรสวรรค์อย่างรุนแรง กระแสพลังน่าสะพรึงพลันหมุนม้วนออกไป

เวทีประลองใต้ฉีเซ่าเสวียนพังลงโดยพลัน ขาจมลงไปในเวทีประลองเกือบครึ่ง รอยร้าวลุกลามออกไปราวกับใยแมงมุม

ใช่ เมื่อครู่เสิ่นเทียนอ้อมมาโจมตีข้างหลังฉีเซ่าเสวียน แต่กลับทำไม่สำเร็จ

เนตรสวรรค์เคหาสน์ม่วงของฉีเซ่าเสวียนมองทะลุทุกสิ่ง ทำลายหมอกวิญญาณของเสิ่นเทียนได้

“พลังป่าเถื่อนมาก น่าเสียดายยังไม่พอ!”

กรรซ~

เสียงมังกรร้องดังขึ้น ง้าวมังกรสวรรค์ในมือฉีเซ่าเสวียนเหมือนกับคืนชีพขึ้นมา

มังกรยักษ์สีดำทุกส่วนรวมขึ้นจากง้าวมังกร แยกเขี้ยวกางกรงเล็บพุ่งไปตามค้อนนภาม่วงสะท้านฟ้า พุ่งกระโจนเข้าใส่เสิ่นเทียน

ฉีเซ่าเสวียนมีสีหน้าจริงจังเล็กน้อย เพราะเขารู้ว่าเนตรสวรรค์เคหาสน์ม่วงของตนไม่ได้มองทะลุหมอกวิญญาณอย่างสมบูรณ์

หมอกวิญญาณบดบังฟ้านี่ชั่วร้ายมาก แม้แต่เนตรสวรรค์ของฉีเซ่าเสวียนยังไม่อาจมองข้ามได้

ดีที่เวทีประลองเทพสงครามไม่ใหญ่ ไม่อย่างนั้นเป็นปัญหาจริงๆ แน่!

“กรงเล็บมังกรสวรรค์!”

กรรซ์~

คล้ายกับเสียงร้องมังกร มาพร้อมกับอานุภาพมังกรที่ไม่ด้อยไปกว่าฉีเซ่าเสวียนเลย

เสิ่นเทียนเก็บค้อนนภาม่วงสะท้านฟ้าก่อนจะชกหมัดขวาออกไปอย่างฉับพลัน สายฟ้าสีทองพลันกลายเป็นมังกรแท้ พุ่งกระโจนใส่มังกรดำ

มังกรเทพสองตัวสีดำกับสีทองพัวพันกัน สู้กันกลางอากาศ ต่างฝ่ายต่างสูสีกัน

“สมกับเป็นคู่ต่อสู้ที่แซ่ฉียอมรับ ศักยภาพแข็งแกร่งจริงๆ!”

ฉีเซ่าเสวียนดวงตาเร่าร้อนขึ้นเรื่อยๆ เขาสัมผัสได้ถึงความสุขที่ต่างไปจากตัวเสิ่นเทียน

ความสุขเช่นนี้ เขาไม่เคยได้สัมผัสจากการต่อสู้กับคนอื่นมาก่อน บุตรพุทธะขู่ตัวให้ความสุขเช่นนี้ไม่ได้ ฟางฉางก็ให้ไม่ได้เช่นกัน

ความพึงพอใจที่ได้สู้สุดกำลังกับอีกฝ่ายอย่างแท้จริง เป็นสิ่งที่ไม่อาจใช้คำพูดมาบรรยายได้

“ถึงเจ้าจะทำสัญญาเทพมังกรกับเอ๋าปิง แต่นักรบมังกรที่แกร่งที่สุดในยุคนี้ก็มีแต่แซ่ฉีเท่านั้น!”

ฉีเซ่าเสวียนเก็บง้าวมังกรสวรรค์ เนตรสวรรค์เคหาสน์ม่วงตรงระหว่างคิ้วพลันสว่างวาบขึ้น กลายเป็นกระแสลมหมุนสีม่วงพุ่งเข้าใส่เสิ่นเทียน

มังกรสู้เหนือฟ้า

มังกรท่องสี่สมุทร!

ทุบมังกรทอง!

มังกรผลาญแปดทิศ!

ง้าวมังกรแปดทิศบุกฝ่าไปอย่างไร้พ่าย ทุกกระบวนท่าโจมตีใส่ร่างเสิ่นเทียนที่เอาแต่โจมตีไม่ป้องกันอย่างสุดกำลัง

เวลานี้ ทั้งเวทีประลองถูกปกคลุมด้วยเงามังกรสีม่วงมหาศาล เสียงคำรามมังกรดังสนั่นแก้วหูทำให้คนตื่นตกใจหนาวสั่น

มองผ่านหมอกวิญญาณหนานั้น พวกผู้ชมเห็นเพียงเงาสีทองกับเงาสีม่วงกำลังปะทะกันไม่หยุด

ส่วนรายละเอียดกลับเห็นความจริงไม่ชัด ขนาดดวงจิตหอคอยบริการพวกเขาเป็นพิเศษด้วยการลดผลการอำพรางของหมอกวิญญาณลงแล้ว

ไม่อย่างนั้นพวกเขาคงเห็นเพียงหมอกขาว ไม่เห็นอะไรเลย

“การต่อสู้นี้น่าตื่นเต้นจริงๆ! ถ้าเห็นบุตรศักดิ์สิทธิ์สองคนสู้กันชัดเจนก็คงจะดี”

“มีคนบอกว่าบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์เคยสังหารปีศาจบนที่ราบหมอกลับแล หรือว่าหมอกนี่จะเป็นวิชาที่ได้มาจากปีศาจตนนั้น”

“แต่ก็โชคดีที่อีกฝ่ายคือบุตรศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วง หากไม่มีเนตรสวรรค์เคหาสน์ม่วง ทุกคนจะไม่ถูกกดขี่ในหมอกวิญญาณนี่กันหมดหรือ”

“ดูท่าไม้ตายของบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์จะแพ้ทางบุตรศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วง ศึกนี้อันตรายแล้ว”

“น่าขัน! พวกเจ้ารู้แค่ว่าหมอกวิญญาณบดบังฟ้าคือไม้ตายของบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ แต่พวกเจ้ารู้หรือว่าบุตรศักดิ์สิทธิ์มีไม้ตายกี่กระบวนท่า”

“ใช่ กับอีแค่บุตรศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงตัวจ้อยคู่ควรจะสู้กับศิษย์พี่บุตรศักดิ์สิทธิ์รึ ศิษย์พี่คือโอรสสวรรค์ที่ได้หอคอยเทพสงครามมาครองเชียว!”

“บุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์สู้ๆ ซัดไอ้คนอัปลักษณ์บุตรศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงให้หมอบเลย! ข้ากับพวกศิษย์พี่หญิงสนับสนุนท่าน!”

“จะว่าไป บุตรศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงก็มีหน้าตาหล่อเหลาเอกลักษณ์ห้าวหาญ ไปว่าเขาคนอัปลักษณ์ก็เกินไปหน่อยกระมัง!”

“ไม่สนๆ มาประชันใบหน้ากับบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ เขาก็คือคนอัปลักษณ์!”

……

บึ้ม!

ข้อความลอยขึ้นมาแน่นขนัด บนเวทีเทพสงครามเริ่มเกิดการเปลี่ยนแปลงเช่นกัน

หมอกวิญญาณที่เดิมทีปกคลุมทั้งเวทีประลองสลายไปช้าๆ ร่างของเสิ่นเทียนกับฉีเซ่าเสวียนปรากฏตรงหน้าทุกคน

บนตัวเสิ่นเทียนมีสายฟ้าสีทองขยับแสง อัสนีเทพกำเนิดฟ้ารวมเป็นชุดเกราะ ข้างหลังจะเห็นเป็นสัตว์เทพสิบทิศแยกเขี้ยวกางกรงเล็บร้องคำราม

ข้างหลังฉีเซ่าเสวียนเป็นไอม่วงจากบูรพาสามพันจั้ง ส่วนหนึ่งของท้องฟ้าบนเวทีประลองถูกย้อมด้วยไอม่วง เหมือนกับเทพเจ้าลงมายังโลก

“ข้ายอมรับว่าเจ้าแกร่งมาก น่าเสียดาย เทียบกับแซ่ฉีแล้วเจ้ายังมีกำลังไม่พอ!”

ฉีเซ่าเสวียนเส้นผมปลิวไสว ไอม่วงสามพันจั้งเริ่มหดตัวลง รวมเป็นเกราะศักดิ์สิทธิ์สีม่วง

บทต้องห้ามคัมภีร์จักรพรรดิเคหาสน์ม่วง…ไอม่วงบูรพาสามหมื่นลี้!

หลังจากสำแดงบทต้องห้าม ฉีเซ่าเสวียนมีพลังพุ่งขึ้นสูงทั้งตัว

ตัวเขาหลอมรวมกับง้าวมังกรในมือเป็นหนึ่ง ใช้พลังผ่าภูผาฟันใส่ศีรษะเสิ่นเทียน

พริบตานั้น ง้าวมังกรสวรรค์เปล่งแสงง้าวร้อยจั้ง ลากผ่านครึ่งเวทีประลองฟันใส่ศีรษะเสิ่นเทียน

มวลอากาศพังทลายลงภายใต้ประกายคมง้าวมังกร

กระบวนท่าไม่ได้เลิศล้ำ แต่แฝงไว้ด้วยพลังมหาศาลของไอม่วงหมื่นจั้ง ปิดผนึกทางหนีทุกทางไว้

เมื่อเผชิญหน้ากับการโจมตีเช่นนี้ เสิ่นเทียนไม่มีทางเลือกอื่น ได้แต่ฝืนรับกระบวนท่า

“แสงเทพห้าสี รวมให้ข้า!”

อัสนีเทพสีทองสว่างจ้าหุบเข้าไปแล้วแทนที่ด้วยแสงเทพขยับแสงห้าสี รวมเป็นกรงแสงคลุมตัวเสิ่นเทียนไว้

ง้าวมังกรสวรรค์โจมตีใส่กรงแสงเทพห้าสีด้วยพลังผ่าขุนเขา ชั่วพริบตาเดียวก็กดทั้งกรงแสงจมลงเวทีประลองเทพสงคราม ฝุ่นควันคละคลุ้ง

กึก~

เกิดรอยร้าวขึ้นช้าๆ บนกรงแสงเทพห้าสี สว่างจ้าแสบตายิ่ง

“ไม่นึกเลยว่าเจ้าจะไม่ได้แค่เรียนคัมภีร์จักรพรรดิมังกรแท้จริง แต่ยังฝึกวิชาแสงเทพห้าสีของเผ่าเทพนกยูงอีก”

แม้ฉีเซ่าเสวียนจะเป็นสุดยอดโอรสสวรรค์ ตอนนี้ยังมีสีหน้าตกใจ ถึงอย่างไรแสงเทพห้าสีก็เป็นวิชาลับที่ไม่ถ่ายทอดให้ใครของเผ่าเทพนกยูง

เสิ่นเทียนกลับสำแดงแสงเทพห้าสี นั่นหมายความว่าเผ่าเทพนกยูงมีสัมพันธ์ที่ดีกับเขาหรือ

ก่อนจะนึกไปถึงข่งเมิ่งธิดาสวรรค์ที่แกร่งที่สุดของดินแดนทักษิณในรายนามดาวเด่นเทพสงคราม ฉีเซ่าเสวียนเกิดความคิดหนึ่งขึ้นในใจ

หรือว่าเผ่าเทพนกยูงแห่งดินแดนทักษิณจะเลือกเสิ่นเทียนเป็นพันธมิตรของเผ่าพวกเขากัน

เจ้านี่ไม่ใช่แค่นักขี่มังกรตัวเมีย แต่ยังเป็นนักขี่นกยูงตัวเมียอีกรึ

บัดซบ บัดซบ!

ฉีเซ่าเสวียนยอมรับว่าตนอิจฉา เขาเป็นโอรสสวรรค์อันดับหนึ่งของดินแดนบูรพาผู้ยิ่งใหญ่ กลับได้ทำสัญญากับมังกรตัวผู้องค์รัชทายาทลำดับเจ็ดของเผ่ามังกรเท่านั้น

แต่เจ้าเสิ่นเทียนมีคุณธรรมและความสามารถระดับใด ได้ทำสัญญาเทพมังกรกับเอ๋าปิงไม่เท่าไร แม้แต่นกยูงตัวเมียนั่นของเผ่าเทพนกยูงยังชื่นชอบเขาหรือ

หน้าตาหล่อเหลาแล้วคิดว่าเจ๋งนักหรือ

แซ่ฉีเองก็หน้าตาไม่ได้แย่เห็นๆ ไฉนถึงไม่ได้รับสวัสดิการเช่นนี้

“เรียนแสงเทพห้าสีแล้วอย่างไร สุดยอดพลังต่างหากคือราชธรรม ข้าจะทำลายแสงเทพของเจ้า! แดนศักดิ์สิทธิ์แห่งดินแดนบูรพาแห่งนี้ ข้าฉีเซ่าเสวียนต่างหากคือบุตรแห่งสวรรค์ที่แท้จริง!”

ครั้นเอ่ยจบ ก็มีแก่นพลังทองลูกหนึ่งลอยขึ้นมาเหนือศีรษะฉีเซ่าเสวียนช้าๆ เปลือกผิวมีลายเทพสิบสายวนเวียน

“เห็นด้วย”

“เห็นด้วยที่สุด”

……….

เมื่อเห็นข้อความที่เสียดายแทนตนมากมายรอบๆ เวทีประลองเทพสงคราม ฉีเซ่าเสวียนกลับเป็นทุกข์ในใจยิ่ง

โอกาสที่ได้ตัดสินสูงต่ำกับบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ที่ยากจะเจอกันได้ในพันปี แต่ตนกลับทำเสียเปล่า!

ครั้งนี้เขาน่าจะทำให้คนที่เลื่อมใสพวกนั้นผิดหวังมาก!

บัดซบ ข้าคือบุตรศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วง แบกรับความภูมิใจของแดนศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วง!

ข้าแพ้ได้ แต่จะไม่มีทางให้แดนศักดิ์สิทธิ์ต้องโดนหยามเกียรติเพราะข้า!

เขากำง้าวมังกรสวรรค์ในมือแน่น “ดวงจิตหอคอย ให้ข้าสู้กับบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์อีกครั้งได้หรือไม่”

เสียงอ่อนนุ่มของดวงจิตหอคอยดังขึ้นเนิบๆ “บุตรศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วง อย่าทำให้ข้าลำบากใจเลย ท่านน่าจะรู้ว่าการแหกกฎให้ท่านถ่ายทอดสดสู้กับบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ ทำให้ข้าต้องแบกรับแรงกดดันสูงมากแล้ว”

ฉีเซ่าเสวียนเงียบ เหมือนกำลังต่อสู้ดิ้นรนบางอย่างในใจ

ผ่านไปนานเขาถึงสูดลมหายใจเข้าลึก “ข้ายินดีใช้ของเดิมพันสามหมื่นแต้มเทพสงครามถ่ายทอดสดสู้กับบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์อย่างยุติธรรมอีกครั้ง!”

ดวงจิตหอคอยถอนหายใจ “บุตรศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วง นี่ไม่ใช่ปัญหาของแต้มเทพสงคราม การท้าประลองกับบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์สองครั้งติด สร้างแรงกดดันให้ข้าสูงมาก”

ฉีเซ่าเสวียนตาแดงเล็กน้อย “ห้าหมื่น! แต้มเทพสงครามห้าหมื่น นี่คือขีดจำกัดของแซ่ฉี ขอแค่ให้ข้าสู้กับเขาอีกครั้ง!”

สองฝ่ายเจรจาผ่านทางจิต ดังนั้นจึงไม่มีใครได้ยินพวกเขาสนทนากัน

ดวงจิตหอคอยเงียบ ทั้งเวทีประลองเข้าสู่ความเงียบ

มีเพียงข้อความ ‘อ้อนวอน’ ขอให้หอคอยเทพสงครามให้โอกาสฉีเซ่าเสวียนอีกครั้งรอบๆ เวทีประลองเทพสงครามที่ยังคงรัวลงมาอย่างบ้าคลั่ง

แน่นอนว่าข้อความเป็นจริงหรือไม่จริง มีเพียงเยี่ยฉิงชางที่รู้

ผ่านไปนาน ดวงจิตหอคอยพูดด้วยความจนปัญญา “ช่างเถอะ เห็นแก่เงินเยอะขนาด…เห็นแก่หน้าผู้ชมทุกคนที่ขอร้องจากใจจริงให้ท่าน ข้าจะให้โอกาสกับท่านอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ต้องคว้าโอกาสไว้ อย่าไม่ระวังพ่ายแพ้อีก ถึงตอนนั้นเสียใจภายหลังก็สายไปแล้ว”

ฉีเซ่าเสวียนซาบซึ้งใจจนกระบอกตาร้อนผ่าว “ดวงจิตหอคอยเห็นใจผู้อื่นจริงๆ แซ่ฉีซึ้งใจเป็นอย่างยิ่ง!”

ดวงจิตหอคอยเอ่ยอย่างเฉยชา “แลกแต้มเทพสงครามเถอะ!”

แต้มเทพสงครามห้าหมื่นก็คือห้าแสนผลึกวิญญาณ มีมูลค่าห้าร้อยล้านศิลาวิญญาณ นี่คือจำนวนที่มหาศาลอย่างยิ่ง มากพอจะซื้ออาวุธอริยะระดับล่างใช้ได้สักชิ้น แน่นอนว่าต้องมีคนขายก่อน

ถึงอย่างไรการซื้อขายอาวุธอริยะก็ต้องใช้แก่นแท้วิญญาณที่มีระดับสูงกว่าเป็นเงินตรา

ฉีเซ่าเสวียนกัดฟันหยิบยันต์หยกเปล่งแสงวาววับออกมาจากอกเสื้อแผ่นหนึ่ง “นี่คือยันต์เซียนตายแทน ตายแทนผู้ฝึกบำเพ็ญเซียนต่ำกว่าระดับหลอมรวมเทพได้หนึ่งครั้ง

หลังจากถูกโจมตีถึงชีวิต มันจะเผาตายแทนหนึ่งครั้ง จากนั้นสุ่มเจ้าของยันต์เซียนเคลื่อนย้ายไปไกลหมื่นลี้ วัดจากมูลค่าของมันแล้ว มันไม่ด้อยไปกว่าอาวุธอริยะธรรมดา ใช้มันแลกกับแต้มเทพสงครามห้าหมื่นได้หรือไม่”

ชั้นเจ็ดหอคอยเทพสงคราม ชายชราชุดคลุมม่วงยิ้มหน้าบาน

ไม่นึกเลยว่าเจ้าหนูแซ่ฉีนี่จะมีโชคลิขิตชนิดนี้ ของหายากอย่างยันต์เซียนตายแทนยังหามาได้

พึงรู้ไว้ว่าต่อให้เป็นในโลกเซียน สมบัติวิเศษตายแทนพิเศษอย่างยันต์เซียนตายแทนล้ำค่ามาก วัตถุดิบในการสร้างก็หายากมาก

หากมีหยกล้ำค่าช่วยชีพที่สร้าง ‘ยันต์เซียนตายแทน’ ได้ปรากฏขึ้น แม้แต่เซียนทองคำก็ยังแย่งกันหัวแตก

เยี่ยฉิงชางพิจารณามองยันต์หยกในมือฉีเซ่าเสวียนพลางทำเสียงจิ๊ๆ แปลกใจ “หยกล้ำค่าช่วยชีพหายากขนาดนี้ ไฉนถึงถูกหลอมมาเป็นขยะเช่นนี้กัน

เสียของหมดเลยจริงๆ ถ้าให้ข้าหลอมใหม่ มูลค่าจะสูงขึ้นอย่างน้อยร้อยเท่า

เทียนเอ๋อร์นะเทียนเอ๋อร์ เจ้าคือดาวนำโชคจริงๆ ทำให้ข้าเจริญรุ่งเรือง!”

…….

บนเวทีประลองเทพสงคราม เสียงดวงจิตหอคอยดังขึ้นช้าๆ “ก็พอจะแลกได้”

ยันต์เซียนตายแทนหายไปจากมือฉีเซ่าเสวียน ทำเขาปวดใจยิ่งนัก

ถึงอย่างไรนี่ก็เป็นสมบัติสุดยอดที่เขาได้มาจากในสวนแร่วิญญาณแห่งหนึ่ง แม้แต่ตัวเขายังมีเพียงแผ่นเดียว

หากไม่ใช่เพราะคิดว่าด้วยพรสวรรค์ของตนจะทะลวงเหนือกว่าระดับหลอมรวมเทพได้ง่ายราวกับพลิกฝ่ามือละก็ ฉีเซ่าเสวียนคงทำใจเอาออกมาไม่ได้

ถึงอย่างไรสำหรับผู้ฝึกบำเพ็ญระดับต่ำกว่าหลอมรวมเทพแล้ว เจ้านี่ก็แทบจะเท่ากับชีวิตที่สอง ล้ำค่าอย่างยิ่ง

เมื่อยันต์เซียนตายแทนถูกเอาไป ก็ปรากฏแสงสีทองสว่างจ้าขึ้นอีกครั้งบนเวทีประลองเทพสงคราม

กลิ่นอายพลังที่ทำให้ฉีเซ่าเสวียนรู้สึกคุ้นเคยอย่างยิ่งปรากฏบนเวทีประลองอีกครั้ง และพวกผู้ชมในมิติชมการประลองตอนนี้ก็คึกคักกันขึ้นมาแล้ว

บ้าไปแล้ว!

จริงรึ นี่คือความจริงหรือ

บุตรศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงฉีเซ่าเสวียนจับคู่เจอบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์อีกครั้งหรือ

นี่มันความบังเอิญอะไรกัน หรือว่าจะได้เห็นการต่อสู้สุดยอดของสองบุตรศักดิ์สิทธิ์ใหญ่อีกครั้ง

ซื้อตั๋วชมครั้งนี้คุ้มค่าจริงๆ!

…………………………………………………….

[1] มาโซคิสม์ หมายถึงผู้ชื่นชอบความเจ็บปวด ตรงข้ามกับซาดิสม์ซึ่งชอบสร้างความเจ็บปวด

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน