บทที่ 288 แหวนทองสัมฤทธิ์ลึกลับ
ภายใต้การโจมตีอย่างบ้าคลั่งยิ่งของเสิ่นเทียน ในที่สุดฉีเซ่าเสวียนก็ต้านไม่ไหว
พลังฤทธิ์เขาหมดสิ้น ไอม่วงรอบตัวบางลง ประกายง้าวบนง้าวมังกรสวรรค์ค่อยๆ หุบเข้าไป
บึ้ม!
ค้อนสุดท้ายทุบฉีเซ่าเสวียนลอยออกจากเวทีประลอง
ง้าวมังกรสวรรค์ในมือสั่นไหวอย่างรุนแรง กระทั่งหลุดจากมือปักลงพื้น ส่งเสียงโลหะกระทบ
ฉีเซ่าเสวียนกระอักเลือด ล้มลงกับพื้น ใบหน้าเต็มไปด้วยความไม่ยอมแพ้ หน้าแดงเรื่ออย่างยิ่งเพราะเลือดลมปั่นป่วนและทั้งโกรธทั้งอับอาย
บัดซบ!
ถ้าไม่ใช่เพราะอยู่ในสภาพไม่ดี ข้าแซ่ฉีจะไม่แพ้อย่างน่าอัปยศเช่นนี้เด็ดขาด!
ความจริงจะโทษฉีเซ่าเสวียนที่ลืมฟื้นฟูสภาพก่อนสู้ไม่ได้ เพราะโอรสสวรรค์ปกติจะมีพลังฤทธิ์มากกว่าผู้ฝึกบำเพ็ญปกติ
ในการต่อสู้กับโอรสสวรรค์คนอื่นๆ ครั้งก่อน ฉีเซ่าเสวียนแทบจะไม่เจอปัญหาพลังฤทธิ์หมดเลย ต่อให้พบสถานการณ์ใช้พลังฤทธิ์มากเกินไปจริง เขาก็ยังมีโอสถอยู่กับตัว
ขอแค่ให้เวลาเขาพักหายใจเล็กน้อย ก็จะใช้โอสถฟื้นพลังฤทธิ์และสู้ต่อไปได้
แต่ฉีเซ่าเสวียนไม่นึกเลยว่าในการต่อสู้กับร่างเงาเสิ่นเทียนครั้งที่สองจะเจอสถานการณ์ประชันพลังฤทธิ์กัน
ภายใต้การโจมตีอย่างรวดเร็วด้วยทองคำเซียนปีกปักษาของเสิ่นเทียน ฉีเซ่าเสวียนไม่มีโอกาสใช้โอสถเลย ได้แต่ถูกบีบให้ป้องกันตลอด
เดิมทีฉีเซ่าเสวียนยังหวังว่าจะให้ร่างเงาเสิ่นเทียนหมดพลังฤทธิ์ ค่อยสวนกลับถึงตายในทีเดียว
ปรากฏว่าจนถูกกระแทกออกจากเวทีประลอง เขายังไม่ได้โจมตีเลย
อนาถ น่าอนาถเกินไปแล้ว~
เทียบกับตอนสู้ครั้งแรก ฉีเซ่าเสวียนยังโจมตีและตั้งรับไปๆ มาๆ กับร่างเงาได้ กระทั่งอยู่เหนือกว่าร่างเงา แต่การต่อสู้ครั้งที่สองกลับน่าสังเวชยิ่งกว่า
ฉีเซ่าเสวียนไม่ค่อยกล้ามองข้อความรอบๆ เวทีประลอง เพราะเขารู้ว่าต้องมีคนเยาะเย้ยตนแน่
“บัดซบ หากแซ่ฉีอยู่ในสภาพสมบูรณ์ ไม่มีทางแพ้แน่!”
การถ่ายทอดสดดับไปชั่วคราว ผู้ฝึกบำเพ็ญคนอื่นไม่เห็นสถานการณ์บนเวทีประลองเทพสงครามอีก
ฉีเซ่าเสวียนสูดลมหายใจเข้าลึก ก่อนจะพูดในใจ “ดวงจิตหอคอย หะ…ให้โอกาสข้าอีกครั้งได้หรือไม่”
เสียงนุ่มนวลของดวงจิตหอคอยดังขึ้นอีกครั้ง “บุตรศักดิ์สิทธิ์หนุ่มเอ๋ย หนึ่งได้สองได้แต่สามสี่ไม่ได้ ข้าแหกกฎให้ท่านอีกไม่ได้จริงๆ”
ฉีเซ่าเสวียนพูดด้วยความจนปัญญา “ไม่ ไม่มีครั้งที่สี่แน่ แซ่ฉีรับรองว่าจะท้าประลองครั้งสุดท้ายแล้ว อีกทั้ง…อีกทั้งสมบัติที่แซ่ฉีเหลือก็พอท้าประลองได้อีกครั้งเดียว”
ท้าประลองได้ครั้งสุดท้ายหรือ
หมดเร็วขนาดนี้เลย น่าผิดหวังจริงๆ!
ดวงจิตหอคอยเงียบไปชั่วครู่ก่อนจะพูดอย่างจำใจ “นี่เป็นปัญหาเรื่องหลักการเดิม”
ฉีเซ่าเสวียนโค้งตัว “แซ่ฉีเข้าใจ แซ่ฉียินดีเพิ่มเงิน แปดหมื่น แซ่ฉีจะเติมแปดหมื่นแต้มเทพสงคราม! ขอแค่หอคอยเทพสงครามให้แซ่ฉีท้าประลองกับบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์อีกครั้ง ให้โอกาสตัดสินอย่างยุติธรรม แซ่ฉียินดีเอาแต้มเทพสงครามแปดหมื่นแต้มมาเป็นเดิมพัน!”
เมื่อเห็นฉีเซ่าเสวียนที่ดวงตาแดงเรื่อแล้ว เยี่ยฉิงชางบนชั้นเจ็ดหอคอยเทพสงครามหัวเราะจนปากเบี้ยว
หรือว่านี่จะเป็น ‘กลยุทธ์การพนันที่ให้ชนะก่อน’ อย่างที่เทียนเอ๋อร์บอกก่อนหน้านี้ ถูกใจนักๆ!
น่าเสียดายก็แต่เจ้านี่ยากจนไปหน่อย
ไม่เช่นนั้นด้วยท่าทางของเจ้านี่ตอนนี้ เยี่ยฉิงชางรู้สึกว่าตัวเองจะร่ำรวยขึ้นมาได้เลยทีเดียว!
เงียบไปนานมาก ก่อนเสียงนุ่มนวลของดวงจิตหอคอยจะดังขึ้นในหูฉีเซ่าเสวียนอีกครั้ง “ช่างเถอะ เด็กโง่! เห็นแก่ที่มีคนยินดีสนับสนุนท่านในถ่ายทอดสดเยอะมาก ข้าจะให้โอกาสท่านเป็นครั้งสุดท้าย ท่านจะต้องคว้าเอาไว้!
สู้เข้า หวังว่าครั้งนี้ท่านจะเอาชนะบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ได้ เชื่อมั่นว่าท่านต้องทำได้!”
เมื่อได้ยินคำพูดปลุกใจของดวงจิตหอคอย ฉีเซ่าเสวียนร้องไห้แล้ว~
เขาซาบซึ้งใจมาก ไม่นึกเลยว่าหอคอยเทพสงครามผู้ยิ่งใหญ่จะยอมแหกกฎให้เขาครั้งแล้วครั้งเล่า
ดูท่าหอคอยเทพสงครามคงจะให้ความสำคัญกับแซ่ฉีมากจริงๆ หากแซ่ฉีเจอหอคอยเทพสงครามเร็วกว่านี้ก้าวหนึ่ง บางทีตอนนี้มันอาจจะตั้งอยู่ในแดนศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงแล้วก็ได้
ช่างเถอะ วันนี้แซ่ฉีจะพิสูจน์ต่อหอคอยเทพสงครามกับผู้ชมถ่ายทอดสดทุกคน
ข้าบุตรศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงฉีเซ่าเสวียน ชีวิตนี้ไม่อ่อนแอกว่าผู้ใด!
แหวนมิติของฉีเซ่าเสวียนเปิดออก เริ่มเทสมบัติออกมา
ศิลาวิญญาณกองเท่าภูเขา มองแวบแรกมีอย่างน้อยล้านล้านก้อน แปลงเป็นแต้มเทพสงครามหลายร้อย
‘เหมืองผลึกม่วง’ ประจำแดนศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงหลายร้อยตัน ใช้หลอมสร้างอาวุธวิเศษได้ แปลงเป็นหลายพันแต้มเทพสงคราม
อาวุธวิญญาณระดับสูงสุด ‘กระจกเซียนประกายม่วง’ แปลงเป็นหมื่นแต้มเทพสงคราม อาวุธวิญญาณระดับสูง ‘กระบี่ตัดมาร’ แปลงเป็นสามพันแต้มเทพสงคราม
…….
อาวุธวิญญาณ อาวุธวิเศษ โอสถ และว่านวิญญาณแต่ละชิ้นแทบจะกองเป็นภูเขาลูกเล็ก
แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้นก็รวมได้ห้าหมื่นแต้มเทพสงคราม ยังขาดอีกสามหมื่นกว่าจะครบแปดหมื่นแต้มเทพสงคราม
ฉีเซ่าเสวียนรู้สึกว่าใบหน้าตนแดงขึ้นมา นึกถึงตัวเขาฉีเซ่าเสวียนที่อายุน้อยร้อยทอง เป็นบุตรแห่งโชคที่เป็นที่ยอมรับดินแดนบูรพา ตั้งแต่เล็กจนเติบใหญ่ เขาเคยสัมผัสกับความลำบากที่เรียกว่า ‘ยากจน’ หรือ
แต่วันนี้เขาได้สัมผัสในหอคอยเทพสงครามแล้ว
ฉีเซ่าเสวียนพูดเสียงต่ำ “ดวงจิตหอคอย นี่คือทรัพย์สินทั้งหมดของแซ่ฉีแล้ว”
ดวงจิตหอคอยเอ่ยเนิบนาบ “บุตรศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วง เกราะนักรบกับง้าวมังกรในมือท่าน แปลงได้เป็นหนึ่งแสนแต้มเทพสงคราม”
ฉีเซ่าเสวียนมุมปากกระตุกเล็กน้อย “ดวงจิตหอคอยไม่ได้ล้อเล่นใช่หรือไม่ เกราะนักรบกับง้าวมังกรนี่เป็นอาวุธอริยะที่สุดแห่งยุค แซ่ฉีจะเอามันมาจำนำได้อย่างไร”
ต้องรู้ว่าอาวุธอริยะล้ำค่าและหายากยิ่ง ต่อให้เป็นผู้อริยะระดับฝ่าด่านเคราะห์ ก็ไม่ใช่ทุกคนที่จะมีอาวุธอริยะติดกาย
มิหนำซ้ำเกราะนักรบกับง้าวมังกรในมือฉีเซ่าเสวียนยังเป็นของล้ำค่าในอาวุธอริยะด้วย
ต่อให้ดวงชะตาอย่างเขา ก็มีเพียงสองชิ้นเท่านั้น!
หากแพ้ ก็ไม่อาจจินตนาการได้เลย
ฉีเซ่าเสวียนตาแดง แต่ไม่ได้สิ้นสติปัญญา
ดวงจิตหอคอยถอนหายใจเบา “แต่ตอนนี้ท่านมีเพียงห้าหมื่นแต้มเทพสงคราม ของเดิมพันไม่ครบ ข้าเองก็จัดการยาก”
ฉีเซ่าเสวียนหน้าเปลี่ยนไปไม่หยุด เหมือนลังเลอะไรบางอย่าง
ผ่านไปนาน เขาก็หยิบกล่องหยกประณีตออกมาจากแหวนเก็บของ “แซ่ฉีแลกเกราะนักรบกับง้าวมังกรไม่ได้เด็ดขาด รบกวนดวงจิตหอคอยดูหน่อยว่าสิ่งนี้มีค่ากี่แต้มเทพสงคราม”
เมื่อเอ่ยจบเขาก็เปิดกล่อง พบว่าในกล่องหยกวางแหวนโบราณไว้วงหนึ่ง
แหวนนี้ธรรมดามาก เหมือนหลอมขึ้นจากเศษทองสัมฤทธิ์ที่ธรรมดามากที่สุด มองไปไม่มีความพิเศษแม้แต่น้อย
ต่อให้เป็นเด็กหนุ่มที่เข้าใจในการตีเหล็กอยู่บ้าง ก็เกรงว่าจะหลอมแหวนหยาบๆ เช่นนี้ออกมาได้ วางในร้านเครื่องประดับคงไม่มีใครมองมัน
แต่ในดวงตาฉีเซ่าเสวียนกลับมีความอาลัยอาวรณ์ลึกๆ “นี่ไม่ใช่แหวนธรรมดา ถึงมันจะหลอมขึ้นจากเศษทองสัมฤทธิ์ธรรมดา แต่ก็แข็งแรงทนทาน แม้แต่ระดับผู้อริยะยังไม่อาจทำลายมันได้ หากไม่ใช่เพราะผู้อริยะฝ่ายข้าศึกษามาหลายปีจนไม่พบความพิเศษอะไรของแหวนนี่แล้ว แซ่ฉีจะไม่มีทางเอาออกมาแลกเด็ดขาด รบกวนดวงจิตหอคอยตรวจดูด้วย”
แม้แต่ผู้อริยะยังทำลายไม่ได้หรือ
เยี่ยฉิงชางบนชั้นเจ็ดหอคอยเทพสงครามตาเป็นประกายขึ้นมา
แหวนในกล่องหยกหายไปช้าๆ ก่อนมาปรากฏในมือเยี่ยฉิงชาง
เขาพิจารณามองอย่างละเอียด จากใบหน้าเฝ้ารอคอยก็ค่อยๆ กลายเป็นจริงจังและตกใจระคนสงสัย
“แปลก แหวนนี่หลอมขึ้นจากเศษทองสัมฤทธิ์ธรรมดาจริงๆ น่าเหลือเชื่อ”
เยี่ยฉิงชางประสานมุทราออกมาเป็นหลายร้อยมุทราในพริบตา ก่อนออกมาเป็นอักขระหลั่งไหลเข้าไปในแหวนทองสัมฤทธิ์ตามลำดับ
แต่เมื่อมุทราพวกนี้หลอมรวมเข้าไปในแหวนตามลำดับ กลับเหมือนหินตกลงมหาสมุทร ไม่เกิดปฏิกิริยาใดๆ
“แม้แต่ข้ายังไม่อาจทำลายผนึกได้หรือ แหวนนี่ไม่ธรรมดา!”
เยี่ยฉิงชางสูดลมหายใจเข้าลึก ก่อนจะเก็บแหวนเข้าหอคอยเทพสงคราม
เสียงดวงจิตหอคอยนุ่มนวลดังขึ้นบนเวทีประลองเทพสงคราม “ข้าเองก็ไม่รู้ที่มาที่ไปของแหวนวงนี้ แต่วัสดุพิเศษ ข้าให้ราคาห้าหมื่นแต้มเทพสงคราม”
เมื่อเสียงดังขึ้น ฉีเซ่าเสวียนพบว่าแต้มเทพสงครามจากห้าหมื่นของตนกลายเป็นหนึ่งแสนทันที เร็วจนสุดบรรยาย
เฮ้อ ที่แท้เขาก็คิดจะใช้แหวนนี่แลกศิลาวิญญาณกับโอสถอะไรพวกนี้กลับมา!
ถึงอย่างไรในตัวเขาตอนนี้ก็แทบจะไม่มีสมบัติอะไรเหลืออยู่
“บุตรศักดิ์สิทธิ์ที่เคารพเอ๋ย~ เนื่องจากท่านเติมเกินหนึ่งแสน ข้าจะมอบชุดอาหารฟื้นฟูให้ท่านโดยไม่คิดค่าตอบแทนครั้งหนึ่ง จะใช้เลยหรือไม่”
เมื่อได้ยินเสียงนุ่มนวลของดวงจิตหอคอย ฉีเซ่าเสวียนก็อึ้งไป การเติมเงินเยอะพอทำให้ท่าทีการพูดต่างไปจริงๆ
จากบุตรศักดิ์สิทธิ์หนุ่มกลายเป็นบุตรศักดิ์สิทธิ์ที่เคารพ ทั้งยังให้อาหารฟื้นฟูโดยไม่คิดค่าตอบแทนอีก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน